Episode นี้เราจะพาเพื่อนๆ มาเป็นสาวนักปั่นที่หมู่บ้านน้ำพุร้อนที่ Ashinomaki Onsen สัมผัสวิถีชีวิตชุมชนและใกล้ชิดธรรมชาติ ตามรอยซามูไรที่ปราสาทสึรุงะ(Tsuruga castle) พร้อมชิมและช้อปสินค้าท้องถิ่นที่หมู่บ้านโบราณเมืองประวัติศาสตร์แห่งซามูไรที่ไอสึ (Aizu)
Klook.com 1 Day trip Fukushima EP.3
- ปั่นจักรยานที่หมู่บ้าน Ashinomaki Onsen
- ร้านอาหารเที่ยง Deccora
- หมู่บ้านโบราณโออุจิจูกุ (Ouchijuku)
- ปราสาทสึรุงะ (Tsuruga castle)
ปั่นจักรยานที่หมู่บ้าน Ashinomaki Onsen
หลังจากที่เราเที่ยวกันมาอย่างหนักหน่วงในตอนที่ EP 1-2 มาแล้ว เช้านี้ตื่นนอนมาด้วยความสดใสสุดๆเพราะเมื่อคืนเรานอนหลับอย่างเต็มที่ ช่วงนี้ภูเขาเป็นสีเขียวทั้งลูกเลย
Credit:Chill Chill Trip
เช้านี้อากาศดี เราก็เอาชุดยูกาตะสีสันสวยน่ารักๆ มาใส่เล่นอีกรอบดีกว่า ถ่ายรูปแล้วคือดูดีมากน่ะเนอะ ฮา
Credit:Chill Chill Trip
พอดีเรามีสายคาดสีแดง (โอบิ) อยู่ในห้องอยู่แล้วก็เลยเอามาใช้เลย แต่ถ้าใครอยากใช้สีอื่น ตอนเช่าชุดกับเจ้าหน้าที่ลองสอบถามดูนะ เช่าชุดราคา 500 เยนเท่านั้นเอง
Credit:Chill Chill Trip
ลงไปกินข้าวเช้าแบบบุฟเฟต์กันก่อนดีกว่า ห้องอาหารเช้าที่นี่เปิดตั้งแต่ 7.00 -9.00 น. นั่งกินกันจนอิ่มจุกไปเลย
Credit:Chill Chill Trip
จากนั้นเดินเล่นต่อแป๊บนึงเพื่อให้อาหารย่อย อากาศยามเช้าของช่วงเดือนพฤษภาคมกำลังเย็นสบายเลย
Credit:Chill Chill Trip
เพื่อนๆรู้ไหมว่าด้านนอกโรงแรมมีแปลงดอกไม้เล็กๆมากมายที่เราชอบมาก หนึ่งในนั้นคือดอกไม้รูปร่างแปลกอันนี้ ที่ดูแลรักษาอย่างดีโดยผู้จัดการโรงแรมโอคาวาโซ
Credit:Chill Chill Trip
วันนี้ในช่วงเช้า เราก็มีโปรแกรมสนุกๆนั่นก็คือ การปั่นจักรยานรอบหมู่บ้าน ! ซึ่งที่หมู่บ้านน้ำพุร้อน อาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen) แห่งนี้ เค้ามีบริการให้เช่าจักรยานไฟฟ้าด้วยนะ สามารถติดต่อขอเช่าล่วงหน้าโดยรับคำแนะนำจากโรงแรมได้หรือส่งข้อความโดยตรงไปที่เพจภาษาไทยของโรงแรมโอคาวาโซเพื่อประสานงานให้
Credit:Chill Chill Trip
เราเริ่มปั่นจากโอคาวาโซและจุดแรกที่เราแวะคือ ศาลเจ้าคินเซ (Kinsei Shrine)
บ่อน้ำพุร้อนโคดาคาระ (Kodakara no Yu) กล่าวกันว่าบ่อน้ำพุร้อนโคดาคาระซึ่งอยู่ติดกับศาลเจ้าคินเซ มีสรรพคุณช่วยเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและยังให้ความสุขแก่เด็กๆ
Credit:Chill Chill Trip
ที่ศาลเจ้านี้ ผู้คนนิยมมาเพื่ออธิษฐานต่อเทพเจ้าเพื่อขอให้สมหวังได้แต่งงานและยังสามารถนั่งแช่เท้าเพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพด้วย
Credit:Chill Chill Trip
บรรยากาศของที่นี่มีความเป็นท้องถิ่นมากๆ บ้านเรือนผู้คนอยู่กันอย่างเงียบสงบ ได้เห็นวิถีชีวิตจริงๆ
Credit:Chill Chill Trip
ทางเข้าของเส้นทางเดินป่านี้อยู่ตรงทางขึ้นบันไดของศาลเจ้าโทเซน(Tousen Shrine) มีผู้มาเยี่ยมชมเรื่อยๆ
Credit:Chill Chill Trip
ศาลเจ้าโทเซนมีความสำคัญต่อคนในพื้นที่มากๆ ในช่วงวันปีใหม่ 1 มกราคม ที่มีการบูชาเทพเจ้า ผู้คนก็จะมาที่นี่กัน
Credit:Chill Chill Trip
เราเห็นความสวยงามของธรรมชาติ ที่เป็นความสุขที่เกิดขึ้นง่ายๆ แค่ดอกซากุระสีชมพูที่ร่วงลงพื้นแล้ว ก็ยังดูดี
Credit:Chill Chill Trip
จากนั้นเราก็ควบสองล้อปั่นไปเลยจ้า ซึ่งจุดหมายของเราก็จะเป็นตรงแม่น้ำโอกาวะ โซนที่เป็นลานเล่นหิมะในช่วงฤดูหนาว
Credit:Chill Chill Trip
ทางขาไปจะลาดลง เลยค่อนข้างปั่นง่าย แต่เพื่อนๆก็อย่าลืมเบรคๆกันบ้างล่ะ จักรยานไฟฟ้าจะมีเกียร์หนักเบาให้ปรับเปลี่ยนด้วยนะ ลงเขาใช้หนักได้ แต่ถ้าขึ้นเนินควรใช้เกียร์เบานะจ้า
Credit:Chill Chill Trip
เรามาถึงแล้ว นี่คือแม่น้ำโอกาวะซึ่งเป็นแม่น้ำหลักของภูมิภาคเลยล่ะ ในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ที่นี่จะสวยมากๆเลยล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
เราจะปั่นข้ามสะพานกัน แต่ความสวยงามของทัศนียภาพทำให้เราต้องหยุดถ่ายรูปเป็นระยะ
Credit:Chill Chill Trip
เราแนะนำเพื่อนๆว่า ควรถือกระติกน้ำหรือพกน้ำดื่ม ขนมมาด้วยนะ เพราะสามารถหยุดพัก นั่งเล่นได้ตลอดเส้นทาง และแทบไม่มีรถผ่านเพราะตรงนี้เป็นทางตันจ้า
Credit:Chill Chill Trip
เนื่องจากแถวนี้จะไม่มีห้องน้ำสาธารณะ ก็เลยควรทำธุระให้เรียบร้อยตั้งแต่โรงแรมไปเลย
Credit:Chill Chill Trip
สีของแม่น้ำปรับเปลี่ยนไปตามฤดูกาลนิดหน่อย ในช่วงหน้าหนาวสีจะเข้มขึ้นมาก
Credit:Chill Chill Trip
ดอก Tampopo หรือแดนดิไลออน เป็นพืชแห่งความสุข ที่เด็กๆญี่ปุ่นชอบมาก เวลาบานเต็มที่ก็ต้องมาเล่นเป่ากัน
Credit:Chill Chill Trip
เล่นเสร็จแล้วก็ควบสองล้อปั่นกันต่อ ครั้งนี้ออกจากสะพานกลับไปทางเดิม เพื่อไปสำรวจพื้นที่อีกด้าน มาถึงตอนนี้ เหมือนมาในทีมนักสำรวจ ฮา
Credit:Chill Chill Trip
ด้านล่างสะพานมีทางเดินเลียบแม่น้ำ นั่งพักผ่อนถ่ายรูปเล่นกันต่อดีกว่า ไม่อยากนึกถึงใบไม้เปลี่ยนสีเลย คงสวยมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
ความเป็นจักรยานแม่บ้าน ก็จะมีตะกร้าไว้ใส่ของจุกๆจิกๆ ก็มีทั้งขนมและเครื่องดื่ม แบบว่าพร้อมมาก
Credit:Chill Chill Trip
แล้วก็ปั่นขึ้นเนินนิดๆ กลับมาที่ด้านหน้าทางเข้าของหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น ตรงนี้เรียกว่า สวนสาธารณะคากายากิ
( Kagayaki Park) บริเวณสวนมีบ่อน้ำพุร้อนแช่เท้าตั้งบนเนินเขา
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อเราเดินขึ้นบันไดที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้ที่บานตามฤดูกาลจะพบบ่อน้ำพุร้อนแช่เท้าบรรยากาศคลาสสิก โดยเราสามารถเพลิดเพลินกับน้ำพุร้อนพร้อมชมทิวทัศน์ที่สวยงามของธรรมชาติรอบๆ
Credit:Chill Chill Trip
ด้านหน้าตรงสะพานข้ามแม่น้ำโอกาวะ เป็นจุดชมวิวที่สวยมากๆ ภาพที่ถ่ายออกมาเหมือนกับใช้โดรนถ่ายเลย
Credit:Chill Chill Trip
ถ้าเพื่อนๆมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี ราวต้นเดือนพฤศจิกายน บรรยากาศจะเปลี่ยนไปอีกแบบเลยนะ ภูเขาทั้งลูกเต็มไปด้วยสีสันมากมาย
Credit:Chill Chill Trip
หากมาหน้าหนาว ราวปลายธันวาคม แม้จะปั่นจักรยานไม่ได้แต่การเดินมาชมวิวในวันที่หิมะตก ก็คือประทับใจมากๆเลยนะ
Credit:Chill Chill Trip
เอาล่ะ พักเหนื่อยกันอีกรอบ ฮา หยุดพักทุก 50 เมตร มุมนี้นะ ที่เราจะได้รูปถ่ายสวยๆ ของหมู่บ้าน
Credit:Chill Chill Trip
วิวอีกฝั่งของสะพานก็สวยไม่แพ้กันเลย มีเรียวกังเก่าแก่ให้บริการอยู่ เดินเล่นได้ วิ่งออกกำลังกายก็ได้
Credit:Chill Chill Trip
ไม่ว่าเราจะหยุดอยู่มุมไหนของหมู่บ้าน ก็ได้จุดถ่ายรูปเช็คอินตลอดเวลา สำหรับมุมนี้แนะนำมาถ่ายตอนซากุระ กลางเดือนเมษายน
Credit:Chill Chill Trip
ใกล้กับสวนสาธารณะ มีมุมเจ้าแม่กวนอิมด้วย ซึ่งคนสมัยก่อนนิยมมาขอพรเกี่ยวกับเด็ก โดยองค์นี้เป็นเจ้าแม่กวนอิมปางยืนอุ้มเด็ก ช่วยเหลือเด็กที่รอไปเกิดให้พ้นภัยและส่งต่อไปยังผู้ที่ไม่มีบุตรต่อไป
Credit:Chill Chill Trip
รอบๆมีดอกไม้สวยๆน่ารัก ขึ้นตามพื้นดิน แม้จะเป็นแค่ดอกหญ้าธรรมดาแต่ก็สวยงามประทับใจ
Credit:Chill Chill Trip
ศาลเจ้าคินเซ (Kinsei Shrine) | ศาลเจ้าโทเซน(Tousen Shrine) | สะพานข้ามแม่น้ำโอกาวะ | สวนสาธารณะคากายากิ | สะพานหน้าโรงแรมโอคาวาโซ | สวนเจ้าแม่กวนอิม | คลิกดูแผนที่
สมาคมอาชิโนะมากิออนเซ็น |
คืนจักรยานเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เดินทางกินข้าวเที่ยงในหมู่บ้านกันต่อ สำหรับมื้อเที่ยงนี้ เราฝากท้องไว้ที่ร้านอาหาร DECCORA
ที่นี่เป็นร้านอาหารราคาย่อมเยา แต่เกรดอาหารดีมากด้วยเป็นร้านอาหารในเครือโรงแรมโอคาวาโซ วันนี้เราสั่งเมนูท้องถิ่น Sauce Katsu Don มากิน ข้อดีของที่นี่คือมีมุมสลัดบาร์ตักฟรีเลยจ้า
ส่วนขนมตบท้ายมื้ออาหารก็ไม่พลาดที่จะสั่ง พุดดิ้ง (Purin ในภาษาญี่ปุ่น) สูตรลับเฉพาะของที่นี่ ที่ด้านบนเคลือบน้ำตาลกรุบกรอบ อร่อยมากๆ
หากเพื่อนๆสังเกตดีๆ ก็จะเจอเจ้าเหมียวนั่งเล่นอยู่ด้านนอกร้าน สำหรับตัวนี้เราตั้งชื่อให้เรียบร้อยแล้วว่า เจ้ามารุ
เวลาทำการ : 11.00 -14.30 น.
เมื่อต้องการจะเดินทางต่อ ก็อย่าลืมแจ้งโรงแรมไว้ล่วงหน้านะว่าต้องการไปขึ้นรถไฟรอบกี่โมง จากนั้นเราก็ไปเที่ยวหมู่บ้านโออุจิจูกุ(Ouchijuku)ต่อที่อยู่ไม่ไกลมาก นั่งฝั่งเดียวกับสถานีนะ
หมู่บ้านโออุจิจูกุ เป็นจุดพักแรมบนเส้นทางเดินเท้าในอดีตตั้งแต่ยุคเอโดะ ราว 400 ปีเชียวนะ
มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายสินค้าท้องถิ่นที่ระลึก ซึ่งเราชอบมากๆเลย ใช้เวลาที่นี่ราวสองชั่วโมงก็ยังแทบไม่พอ
ระหว่างทางเดินมีเก้าอี้ โต๊ะ ไว้ให้บริการสำหรับคนที่ซื้อขมหรืออาหารแบบง่ายๆ บางจุดมีน้ำชาไว้บริการฟรี
หากมีเวลาเที่ยวต่อ ขาเข้าเมืองไอสึวาคามัทสึ ใกล้กับสถานีรถไฟ มีปราสาทสึรุงะที่สวยสง่างาม น่าแวะไปถ่ายรูปนะ (สามารถฝากสัมภาระที่ตู้ล็อกเกอร์หน้าสถานีได้)
ปราสาทแห่งนี้ผ่านประวัติศาสตร์ในยุคสมัยต่างๆ มาอย่างยาวนานโดยเฉพาะช่วงสงครามโบชินของญี่ปุ่น และเป็นฐานตั้งมั่นของเหล่าซามูไรไอสึด้วย มาแล้วก็ได้ทั้งรูปสวยทั้งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ได้
แล้วเราก็เดินทางกลับมาถึงสถานี Aizuwakamatsu เรียบร้อย เพื่อจะเดินทางต่อไปที่โตเกียว ด้านในก็มีจุดประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวนะ หากสงสัยอะไรสอบถามได้เลยจ้า ที่นี่เป็น JR ก็เลยสามารถใช้ JR Pass ได้ สำหรับทริปนี้ก็สนุกสนาน มีความทรงจำดีๆมากมายเลย