เที่ยวโตเกียว มุมถ่ายรูปสวยๆ จุดเช็คอินสุดเก๋ พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมกลางแจ้งเอโดะ ที่สวนโคกะเนะ สายบ้านเก่าต้องเลิฟ
Edo-Tokyo open Air Architectural Museum พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมกลางแจ้งเอโดะ - โตเกียว ที่ตั้งอยู่ในสวนโคกะเนะ( Koganei ) ที่รวบรวมบ้านเก่าในยุคเอโดะ (ปีคศ. 1603- 1867 )และช่วงยุคเมจิ (1868–1912) เอาไว้
Edo-Tokyo open Air Architectural Museum
เป็นพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น มีบ้านญี่ปุ่นโบราณตั้งแต่แบบชนชั้นธรรมดา ชนชั้นกลาง ไปจนถึงบ้านของบุคคลผู้ร่ำรวยและมีอำนาจอย่างเช่นอดีตนายกรัฐมนตรีทากาฮาชิ โควคิโยโย
Credit:Chill Chill Trip
นี่ถือเป็นอีกหนึ่งสวนในโตเกียว ที่มีความร่มรื่น ในช่วงหน้าร้อนทุกอย่างจะเขียวขจีอย่างในรูป
Credit:Chill Chill Trip
ต้นไม้หน้าพิพิธภัณฑ์ต้นนี้ถูกตัดแต่งพุ่มจนกลมสวย มองกี่ครั้งก็รู้สึกน่ารักมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
ถึงทางเข้าพิพิธภัณฑ์แล้ว เดินเข้าไปข้างในกันเลย ความสุดยอดของที่นี่คือ อาคารที่เราเข้ามาซื้อตั๋วนี้ก็เป็นอาคารเก่าแก่ที่เคยสร้างขึ้นที่หน้าพระราชวังอิมพีเรียลในปี ค.ศ.1940 เพื่อใช้เป็นห้องโถงชั่วคราวสำหรับพระราชพิธีเกี่ยวกับการขึ้นครองบัลลังก์ของจักรพรรดิก่อนจะย้ายมาที่นี่ในปี 1941 ที่นี่เรียกว่า Visitor Center ( Former Kokaden Palace)
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในมีตู้ล็อคเกอร์ให้เก็บของด้วยนะ โซนขายของฝาก ของที่ระลึกก็จะอยู่มุมนี้ด้วยเช่นกัน
Credit:Chill Chill Trip
ส่วนแรกที่เราน่าจะเข้ามาชมก่อน ซึ่งอยู่ในส่วนด้านในเลยคือ นิทรรศการแสดงประวัติการก่อสร้างบ้าน สถาปัตยกรรมของญี่ปุ่นในสมัยเอโดะ จนมาถึงช่วงยุคโชวา
Credit:Chill Chill Trip
นี่เป็นภาพโรงอาบน้ำสาธารณะ Kadakara-yu ที่สร้างขึ้นในปี 1929 เราว่าไม่ต่างจากเซ็นโตตอนนี้ เพราะยังมีการแบ่งออกเป็นฝั่งชายและฝั่งหญิง แยกออกจากกัน
Credit:Chill Chill Trip
เฟอร์นิเจอร์ในยุคเก่า เครื่องอบไอน้ำผม เก้าอี้นวด เป็นต้น
Credit:Chill Chill Trip
ห้องแสดงภาพถ่ายและข้าวของเครื่องใช้จริงในสมัยก่อน เช่น ยาสีฟัน รับรองว่ามีคนที่เกิดก่อนในช่วง ปี 1965 ต้องเคยเห็นหรือเคยใช้กันบ้าง
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
ออกจากด้านในแล้ว ต่อไปจะเป็นการเดินสำรวจด้านนอกกันบ้างโดยเราจะเดินไปทางซ้ายของแผนที่แล้วค่อยวนกลับมาทางขวา *ที่นี่ มีทางเข้าออกทางเดียว
Credit:Chill Chill Trip
Jisho-in Mausoleum (Otama-ya) สุสานแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นโดยเจ้าหญิง Chiyo ภริยาของท่านลอร์ดแห่งโอวาริ(จ.ไอจิในอดีต) Mitsutomo Tokugawa เพื่อเป็นเกียรติแด่พระมารดา Ofuri no kata (ภรรยาของโชกุนรุ่นที่ 3 คือ Iemitsu Tokugawa) สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1652 โดยช่างไม้ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น คือช่างแห่งตระกูล Kora ผู้ซึ่งสร้างปราสาทเอโดะ และศาลเจ้านิกโก้โทโชกุ
Credit:Chill Chill Trip
ฝีมือของช่างคนเดียวกัน ทำให้รู้ทันทีเมื่อได้เห็น เพราะงานคล้ายกับที่ศาลเจ้านิกโก้โทโชกุมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
House of Kunio Mayekawa เป็นบ้านที่สะดุดตาเรามาก เห็นแว๊บแรกรู้สึกตกหลุมรัก บ้านหลังนี้ถูกสร้างขึ้นราวๆ ปี1942 ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็เกือบๆ 80 ปี ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นของสถาปนิก Kunio Mayekawa ที่สนใจสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ (Modern Architecture) ของญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
Tokiwadai Photo Studio สตูดิโอถ่ายภาพที่เคยอยู่ในแถบเขต Tokiwadai ซึ่งถูกปรับให้เป็น พื้นที่อยู่อาศัยเพื่อสุขภาพในเวลาต่อมา สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1937 กระจกฝ้าที่ใช้ในอาคาร ช่วยเกี่ยวกับแสงในการถ่ายภาพแบบดั้งเดิม
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Residence of Hachirouemon Mitsui บ้านนี้เป็นของ Hachirouemon Takakimi Mitsui เป็นชื่อของลูกชายคนแรกที่เกิดมาในครอบครัวใหญ่ รุ่นที่ 11 ของตระกูลมิตซุย (ในพิธีกรรมการตั้งชื่อ ทายาทชายจะถูกเรียกนำหน้าว่า Hachirouemon) ได้พำนักในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยถูกสร้างขึ้นในปีค.ศ. 1952 ส่วนห้องรับแขกและห้องทานอาหารค่ำนั้นสร้างตั้งแต่ ปี 1897 บ้านหลังนี้ใช้วัสดุหลากหลายแบบและแสดงให้เห็นถึงความหรูหรา
Credit:Chill Chill Trip
House of Georg de Lalande เป็นบ้านสไตล์ตะวันตกที่เดิมสร้างขึ้นในเขตชินจูกุ สถาปนิกชาวเยอรมัน Georg de Lalande ได้ต่อเติมบ้านในปี 1910 โดยเปลี่ยนเจ้าของมาหลายครั้ง ที่นี่เปิดบริการเป็นคาเฟ่ด้วยนะ มีบริการทั้งเครื่องดื่ม ขนมและอาหาร
Credit:Chill Chill Trip
House of the leader of the Hachioji Guards ( Hachioji Sennin -Doshin) บ้านเก่าแก่ที่สร้างในช่วงปลายยุคเอโดะ เป็นบ้านหัวหน้าของเหล่าซามูไรนักรบซึ่งเป็นบริวารของตระกูลโชกุนโทกุกาวะ อยู่ในเมืองฮะจิโอจิ เอาไว้เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบตรงพรมแดนระหว่างจ.ยามานาชิ ในสงครามเซคิกาฮาระ
Credit:Chill Chill Trip
The Granary in Hachioji ยุ้งฉางในเมืองฮะจิโอจิ ว่ากันว่าถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1800 เป็นเหมือนโรงเก็บของพืชพันธุ์ทางการเกษตร เช่น เมล็ดข้าว ข้าวฟ่าง ถั่ว
Credit:Chill Chill Trip
Farmhouse of the Yoshino family บ้านไร่ของครอบครัวโยชิโนะ สร้างขึ้นในปลายยุคเอโดะ ซึ่งเป็นบ้านที่ถือว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะ
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Farmhouse of the Tsunashima Family บ้านไรของครอบครัว Tsunashima สร้างอยู่ริมแม่น้ำทามะ โดยทำอาชีพเกี่ยวกับข้าวและผัก บ้านหลังนี้สืบต่อมา 10 รุ่น โดยรุ่นสุดท้ายที่อยู่บ้านหลังนี้คือคุณ Tsugio Tsunashima หน้าต่างมีช่องระบายอากาศและให้แสงสว่างเข้ามาในบ้านได้
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Elevated Granary from Amami-Oshima Island ยุ้งฉางทรงสูงทรงดอกเห็ดที่นำมาจากเกาะอามามิ โอชิมะที่อยู่ทางใต้ระหว่างเกาะคิวชู-โอกินาว่า โดยห้องเก็บเมล็ดข้าวจะอยู่ด้านบนใต้หลังคา ยกสูงเพื่อไม่ให้ข้าวชื้นและป้องกันหนู สร้างขึ้นในปลายยุคเอโดะ
Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างทางเดินไปโซนอื่น ก็จะเห็นเสาหินบ้าง ซึ่งเป็นอนุสรณ์การเสียชีวิตของโชกุนที่ 8 Tokugawa Yoshimune
Credit:Chill Chill Trip
House of Korekiyo Takahashi เป็นบ้านของนักการเมือง คือ Korekiyo Takahashi ซึ่งอยู่ในช่วงยุคเมจิ-ยุคโชวา เป็นบ้านที่สวยมากๆ มีสวนไผ่และสวนญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
นี่เรามาอยู่ในอาณาจักรมูมินได้อย่างไร…ขยี้ตา อ้าวไม่ใช่ นี่คือ ยอดหอคอยของหน่วยงานป้องกันและระงับอัคคีภัย ชื่อ Ueno fire department watch tower upper section จริงๆเป็นหอคอยสูงราว 23.6 เมตร สร้างในปี 1925 และใช้งานถึงปี 1970 เอาไว้ขึ้นไปเพื่อสอดส่องเมืองหากมีไฟไหม้
Credit:Chill Chill Trip
Electric light at the front gate of the Imperial Palace เป็นดวงไฟที่อยู่ด้านหน้าของประตูทางเข้าพระราชวังอิมพีเรียล ตรงที่เป็นสะพานหิน สร้างขึ้นใน ปีค.ศ. 1890 ช่วงค่ำเปิดโคมไฟได้ด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
Police Box at the Mansei Bridge ป้อมตำรวจนี้มีชื่อว่า Suda-cho เคยใช้เป็นป้อมตำรวจตรงตีนสะพาน mansei ในเขต Kanda ใกล้สถานี Manseibashi ครั้งหนึ่งเคยเสียหายจากแผ่นดินไหวใหญ่คันโต สร้างขึ้นราวปลายยุคเมจิ
Credit:Chill Chill Trip
City train model 7500 รถรางรุ่นนี้เคยใช้โดยสารสัญจรระหว่างสถานีชิบูยะและฮามาโจ-นาคาโนะฮาชิ,ซุดาโจ(คันดะ)และวนกลับ โดยสิ้นสุดการวิ่งเมื่อราวปีค.ศ.1963 แต่ที่โตเกียวยังคงหลงเหลือหนึ่งสาย คือสาย Arakawa line
Credit:Chill Chill Trip
Shitamachi-naka Street อยู่ในโซนตะวันออก ถนนมีบรรยากาศย้อนยุคสู่วันวาน ที่นี่เราจะเพลิดเพลินไปกับร้านค้าต่างๆ ที่ด้านในมีสินค้าเหมือนในอดีต บ่ออาบน้ำ ร้านสาเก ร้านเครื่องเขียน ร้านเพนท์ผ้ากิโมโน เรียวกังและอื่นๆ
Credit:Chill Chill Trip
Kodera Soy Sauce Shop ร้านขายเครื่องปรุง อาหารกระป๋อง ซอสถั่วเหลือง และสาเก ร้านสร้างขึ้นมาในยุคไทโช (30 ก.ค 1912 – 25 ธ.ค 1926) ด้านในแสดงบรรยากาศจำลองของร้านค้าและวิวัฒนาการห่อบรรจุเครื่องปรุงและสาเก
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
เดี๋ยวเราเดินตรงไปด้านในสุดก่อน คือโรงอาบน้ำสาธารณะ Kodakara-yu ถือว่าเป็นโรงอาบน้ำขนาดใหญ่และหรูหราในสมัยก่อน แบบอาคารเหมือนใช้สำหรับวัดหรือศาลเจ้า
Credit:Chill Chill Trip
มีโซนอาบน้ำทั้งชายและหญิง จริงๆสมัยก่อนอาบน้ำด้วยกันก็มีนะ แต่สมัยนี้หาได้ยากแล้ว ในโซนของผู้หญิงจะมีเตียงเด็กวางไว้ด้วย
Credit:Chill Chill Trip
ลวดลายภูเขาไฟฟูจิ เป็นผลงานอมตะที่เห็นได้ตามออนเซ็นสมัยก่อนเลยนะคะ บ่อลึกมากๆ ที่เรียวกังญี่ปุ่น ไม่ได้มีแค่บ่อนั่งนะ บางแห่งมีบ่อแช่แบบยืนด้วย
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
ร้านนั่งดื่ม Kagiya เดิมอยู่แถวเขตไทโท โตเกียว ว่ากันว่าสร้างขึ้นมาในปีค.ศ. 1856และรอดจากแผ่นดินไหวใหญ่และสงครามโลกครั้งที่ 2เชียวนะ
Credit:Chill Chill Trip
ภายในเป็นเหมือนบาร์เล็กๆ มีขวดเครื่องปรุงวางไว้ด้านหน้าที่นั่ง มีขวดสาเกต่างๆและโถใส่อาหาร
Credit:Chill Chill Trip
ร้านตัดผ้า Tailor`s workshop เป็นร้านตัดผ้ายุคเอโดะ ซึ่งสังเกตโครงสร้างและการออกแบบได้จากประตูไม้สานด้านหน้า แม้ช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองได้ถูกปรับมาเป็นที่เก็บผัก แต่ช่างตัดผ้าก็พยายามดำเนินธุรกิจมาจนถึงช่วงต้นยุคโชวา
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
เรียวกัง Mantoku Inn เดิมตั้งอยู่ในเมืองโอเมะ มีการปรับปรุงนิดหน่อยแต่ยังคงโครงสร้างแบบเดิม การตกแต่งภายในอยู่ในช่วงปีค.ศ.1950
Credit:Chill Chill Trip
ทางเดินตรงกลางเชื่อมไปสู่ด้านหลังร้านที่เป็นห้องอาบน้ำ เรียวกังมีสองชั้น
Credit:Chill Chill Trip
เด็ดสุดคือ มีการกางมุ้งให้แขกนอนจ้า ฮ่าๆ ชอบๆๆ
Credit:Chill Chill Trip
ด้านหน้ามีสาธิตการทำพู่กันโดยครูซาคุมะ ซุเอโอะ ครูช่างงานฝีมือของโตเกียว
Credit:Chill Chill Trip
Kawano Shoten ร้านทำร่มกระดาษเคลือบน้ำมัน สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1926 โดยดำเนินธุรกิจมาตั้งแต่ช่วงปลายยุคเมจิ – ยุคไทโชปีที่ 5 มีห้องแสดงขั้นตอนการทำร่ม และการสาธิตการเพนท์ลายผ้ากิโมโนด้วยมือ ซึ่งทั้งสีสันและลวดลาย ละเอียดอ่อนและงดงามมาก
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
ห้องน้ำและจุดนั่งพักผ่อน ด้านในมีขายอาหาร เช่น อุด้ง และตู้กดน้ำอัตโนมัติ
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
ร้านเครื่องเขียน Takei Sanshodo สร้างขึ้นในช่วงต้นยุคเมจิ(ปี 1868-1912) หลังแผ่นดินไหวใหญ่ เป็นร้านแรกที่เริ่มขายส่งและขายปลีกอุปกรณ์ในการเขียนหนังสือ เช่น หมึก พู่กัน
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
เราจะเดินต่อไปที่ร้านขายดอกไม้กันต่อที่อยู่ข้างๆกัน ชื่อร้าน Hanaichi รูปแบบร้านสร้างในช่วงต้นยุคโชวา ด้านหน้าทำเป็นกระจกใสเพื่อให้มองเห็นดอกไม้ที่จัดวางด้านในอย่างชัดเจน
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Yamatoya Store ร้านขายของชำอาคารไม้แห่งนี้ สร้างขึ้นในปี 1928 เขตมินาโตะ ด้านในมีขายของแห้งและของกินอื่นๆ เช่น ปลาหมึกแห้ง ไข่ สาหร่าย และบุหรี่
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับร้านค้าที่ชื่นชอบพิเศษก็คงเป็นร้านขายอุปกรณ์เครื่องครัว Maruni Shoten ที่สร้างในต้นยุคโชวาเช่นกันคือในปีค.ศ.1930 ด้านในขายอุปกรณ์ทำครัวทุกอย่างไว้ว่าจะเป็นหม้อ ถ้วย ชาม กล่องเบนโตะ ตะกร้าสาน เตาถ่านและแม้กระทั้งตู้กับข้าว
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
ส่วนขากลับเราจะต้องเดินผ่านสวนญี่ปุ่นและบ้านต่างๆ ก็ยังต้องหยุดถ่ายรูปเป็นระยะอีกนะ ร่มรื่นจริงๆ
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อต้องเดินย้อนกลับมายังจุดเดิมที่ซื้อตั๋วเข้า ตรงนี้มีร้านขายของที่ระลึกด้วย แต่ๆความพิเศษของเค้าคือ ของที่ระลึกทั้งหลายล้วนออกแบบดีไซน์มาแบบย้อนยุคกันทั้งนั้น น่ารักแค่ไหนดูเอาเองนะคะ
Credit:Chill Chill Trip
Credit:Chill Chill Trip
มีหนังสือแนะนำเกี่ยวกับไลฟ์สไตล์แบบญี่ปุ่นด้วย น่าอ่านมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
Edo-Tokyo open Air Architectural Museum
ที่อยู่ | 3-7-1 Sakuracho, Koganei, Tokyo 184-0005 |
ค่าเข้า | ค่าเข้า ผู้ใหญ่ 400 เยน/อุดมศึกษา 320 เยน /มัธยมต้น-ปลาย 200 เยน/ประถมและมัธยมต้นเขตโตเกียว ฟรี / ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป 200 เยน |
เวลาทำการ | เมษายน – กันยายน 9.30 น. – 17.30น. / ตุลาคม – มีนาคม 9.30น.-16.30 น. |
Website | Edo-Tokyo open Air Architectural Museum |
การเดินทาง | JR Chuo line – ลงสถานี Musashi Koganei ด้านทางออก North จากนั้นนั่งบัส Seibu bus ที่ป้ายรถบัส หมายเลข 2 หรือ 3 มาลงที่ป้าย Koganei koen Nishi guchi เดินต่อ 5 นาที หรือ Seibu Shinjuku line ลงที่สถานี hana-Koganei แล้วนั่งรถบัสต่อมา |
รีวิวนิยม
- 1 ภูเขามิตาเกะ (Mount Mitake) ชมธรรมชาติ ทริปเดินป่าสบายๆ เดินทางง่ายจากโตเกียว
- 2 Hie shrine ศาลเจ้าฮิเอะ ขอพรเรื่องธุรกิจเจริญรุ่งเรือง สมหวังเรื่องความรัก ในโตเกียว Tokyo
- 3 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
- 4 ปลาหมาน้ำ หมาน้ำ หรือเจ้าปลาตีนเม็กซิโก – ซาลาแมนเดอร์ มาทำความรู้จักสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกันเถอะ
- 5 Saiko Iyashino Sato Nenba หมู่บ้านพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบราณพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ