สวนพฤกษศาสตร์จินได Jindai Botanical Garden ชมสวนดอกกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียว เดินทางสะดวก สวยทุกฤดูกาล

คุณสามารถเพลิดเพลินและสัมผัสกับพืชที่มีชีวิต ดอกไม้และความงามของดอกไม้ตลอดทั้งสี่ฤดูในสวนที่กว้างใหญ่ และเป็นสวนพฤกษศาสตร์แห่งเดียวในโตเกียว

สวนพฤกษศาสตร์จินได Jindai Botanical Garden

Jindai Botanical Garden เป็นสวนพฤกษศาสตร์จินได เป็นสวนกุหลาบที่ใหญ่ที่สุดในโตเกียวและยังมีพรรณไม้หลากหลายชนิดที่เปลี่ยนแปลงตลอดฤดูกาล

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ต้นมีนาคม ดอกสึบากิ หรือดอกคาเมเลีย จะเริ่มเบ่งบาน ถือเป็นดอกไม้ที่งามอย่างมีคุณค่า แม้แต่ล่วงลงพื้นก็ยังคงความสวยงามไว้เพราะล่วงลงมาทั้งดอก

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ต้นดอกสึบากิ สามารถสูงใหญ่ได้เป็น 3-4 เมตรเลยนะ ถึงขนาดว่าต้องแหงนหน้าขึ้นไปมอง นอกจากความสวยงามแล้ว ยังสามารถนำไปสกัดเป็นกลิ่นน้ำหอมได้ด้วยนะ หรือนำไปทำเป็นผลิตภัณฑ์ น้ำมันดอกสึบากิ เคลือบเส้นผม รักษาความชุ่มชื้นให้ผม

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

สวนสึบากิของที่นี่ สวยงามและใหญ่มากๆ มีดอกสึบากิร่วงหล่นตามพื้นมากมาย มีทั้งสีแดง สีชมพู สีขาว

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

และความพีคของการมาเที่ยวชมสวนดอกไม้ที่ญี่ปุ่นคือ เราต้องห่อข้าวมาทานกันท่ามกลางดงดอกไม้ และอาหารที่ได้รับเกียรติได้เข้าร่วมวงในวันนี้คือ ผัดเผ็ดปลาดุกและซุปมะเขือ ฮ่าๆ

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

มาต่อที่ดอกบ๊วย หรือที่ญี่ปุ่นเรียกว่า “อุเมะ ” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงการมาเยือนของฤดูใบไม้ผลิที่ผลิดอกบานเร็วกว่าซากุระนิดหน่อยแต่ก็งดงามไม่แพ้กัน ก็ให้มาชมช่วงกลางเดือนมีนาคม

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ดอกบ๊วย แฝงไปด้วยความหมายถึงความแข็งแกร่งและอดทน เพราะถึงแม้จะมีกลีบดอกที่บาง แต่ถึงจะเจอหิมะตกลงมาใส่ก็ไม่ได้สะทกสะท้านเลย

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

มีดอกบ๊วย หลากหลายพันธุ์ ให้เราได้ถ่ายภาพได้ทั้งใกล้และไกลตามใจชอบเลย มีกลิ่นหอมอ่อนๆ หากใครชอบก็ลองมาที่สวนนี้ดูนะ เดินทางสะดวกด้วย

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ส่วนผู้ที่ตั้งตารอชมซากุระนั้น ต้องอดใจรออีกสักพัก เพราะซากุระจะเริ่มบานในราวปลายเดือนมีนาคม – ต้นเมษายน ที่สวนแห่งนี้ซากุระต้นใหญ่ปลูกเป็นแนวยาวเรียงกันไปตามริมทางเดิน

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

สวนดอกไม้ที่ญี่ปุ่น พอถึงฤดูของเค้าแล้วก็ไม่เคยทำให้ผิดหวัง ดอกต่างๆพากันเบ่งบานสวยงาม หลากหลายสี ถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ดอกทิวลิป มักจะออกดอกบานสวยพร้อมกับดอกซากุระ ทำให้เวลาถ่ายภาพออกมาก็จะได้ทั้งภาพดอกไม้เต็มเฟรมแบบนี้

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ดอกทิวลิปสีม่วง หมายถึง ความซื่อสัตย์ ความมั่นคง ทิวลิปถือเป็นดอกไม้ที่ยอดนิยมระดับโลก กล่าวกันว่า แหล่งกำเนิดของดอกทิวลิปนั้นอยู่ที่ประเทศตุรกี ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ถูกปลูกในฐานะดอกไม้ของราชวงศ์

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

พอถึงกลางเดือนพฤษภาคม ทั้งสวนจินได จะหอมตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นกุหลาบและสีสันละลานตาเต็มไปหมด

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

สวนอันร่มรื่นแห่งนี้ มีต้นไม้มากกว่า 100,000 ต้นและมีพันธุ์ไม้มากกว่า 4,800 ชนิดเลยนะ

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ปกติแล้วจะเปิดให้เข้าชมตลอดปี เพราะที่นี่มีดอกไม้ผลัดกันเบ่งบานสวยตามฤดูกาล แม้แต่ในฤดูหนาวก็ยังสามารถมาเที่ยวได้

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

เมื่อจบเทศกาลชมดอกซากุระ ชาวโตเกียวจะตั้งหน้าตั้งตารอคอยการผลิบานของดอกไม้ชนิดถัดไป นั่นคือ กุหลาบนี่เอง

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ขอบอกว่า กุหลาบที่สวนนี้ไม่ธรรมดาเลย เพราะมีหลากหลายพันธุ์จากทั่วโลก และมีจำนวนมากมายมหาศาล

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ดอกกุหลาบหลายสี แบบทั้งที่เราเคยเห็นหรือไม่เคยเห็นมาก่อนก็มี สีของกุหลาบไล่เฉดสีกันไปอย่างงดงามมาก

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

นี่เป็นช่วงนาทีทองของช่างภาพทั่วสารทิศ ที่จะมาเก็บภาพความงดงามนี้ไว้

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

นอกจากจะปลูกตามพื้นดินทั่วไปแล้ว ยังทำเป็นพุ่มใหญ่ เป็นอุโมงค์ หรือเป็นซุ้มได้ด้วย

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ตรงกลางสวนมีน้ำพุ ช่วยให้คลายความร้อนในเดือนพฤษภาคมได้ บางวันก็มีจัดกิจกรรมเล็กๆแถวลานแสดงด้านบน เช่น การแสดงดนตรี

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่เค้ารวบรวมกุหลาบจากทุกประเทศมาไว้ให้เราชม แต่ละประเทศก็จะมีกุหลาบที่มีต้นกำเนิดจากของประเทศตัวเอง ได้ความรู้มากๆ

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ทางเดินกว้างและเราสามารถเดินชมได้อย่างอิสระ แม้คนจะให้ความสนใจเข้ามาชมเยอะมากก็ตาม ก็ยังเดินดูได้อย่างทั่วถึง

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีร้านค้าที่นำสินค้ามาจำหน่ายได้แก่ กระเป๋า หมวก เสื้อผ้า ของใช้ โดยเน้นลวดลายดอกกุหลาบ

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ถัดจากแปลงดอกกุหลาบยังมีดอกโบตั๋น สวยงามมากๆ ว่ากันว่า ดอกโบตั๋นเป็นดอกไม้ที่นิยมใช้ในงานศิลปะ และเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ประจำชาติของจีน โดยถือเป็นดอกไม้แห่งจักรพรรดิและความร่ำรวย กับนิยมใช้ในเชิงสัญลักษณ์ในศิลปะจีน

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

ความสมบูรณ์ ดอกใหญ่ สีสันสด ทำให้นักท่องเที่ยวชื่นชอบมากๆ สำหรับความเชื่อของคนไทยคือ เมื่อใดก็ตามที่โบตั๋นออกดอก เมื่อนั้นคนในบ้านจะโชคดีและมีโชคลาภตามจำนวนดอกโบตั๋นที่เบ่งบาน

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

โบตั๋น นิยมปลูกเป็นไม้ดอกไม้ประดับ เพราะมีดอกสวยงามและใหญ่มาก ทั้งยังมีกลิ่นหอมด้วย ยืนใกล้ๆก็ได้กลิ่นแล้ว

Jindai Botanical Garden

Credit:Chill Chill Trip

สามารถดูวัดจินไดจิ และคาเฟ่ Kitaro Chaya ได้ตามลิ้งก์ข้างล่างค่ะ

Jindai Botanical Garden

ที่อยู่5-31-10 Jindaiji Motomachi | Jindai Botanical Park, Chofu 182-0017, Tokyo
ค่าเข้าค่าเข้า ผู้ใหญ่คนละ 500 เยน
นักเรียนมัธยมปลาย 200 เยน
ผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 65 ปี 250 เยน
นักเรียนประถม หรือชั้นมัธยมต้น ที่อยู่ในโตเกียว เข้าฟรี
เวลาทำการ 09:30 น. – 16:00 น. ( ปิด 17:00)
วันหยุดถ้าวันจันทร์ตรงวันหยุดนักขัตฤกษ์จะเลื่อนไปปิดวันถัดไป และ 29 ธันวาคม – 1 มกราคม
WebsiteJindai Botanical Garden
การเดินทางนั่งรถไฟสายKeio ลงที่สถานี Chofu นั่งรถบัสที่หน้าสถานีเบอร์ 34 สุดสายรถบัสจอดที่วัดจินไดจิ เดินผ่านวัดไปไม่เกิน 5 นาที เป็นสวน Jindai Botanical Garden
  1. 1 ล่องเรือเที่ยววัดปากน้ำภาษีเจริญ ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลองท่าต้นสายของเรือคลองภาษีเจริญ แม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร
  2. 2 คลองหลวงคาเฟ่ ปทุมธานี ความสุขเล็กๆ กับอาหารรสดี นั่งทานข้าวในซุ้มไม้ไผ่ พร้อมชมเหล่าปลาคาร์ปว่ายน้ำไปมา
  3. 3 วัดโอสุคันนอน Osu Kannon Temple วัดแห่งรูปปั้นไม้เจ้าแม่กวนอิมแกะสลักโดยพระ Kobo Daishi เมืองนาโกย่า (Nagoya)
  4. 4 ศูนย์รวมตู้กาชาปอง (Department store of Gashapon) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สาขาอิเคบุคุโระ
  5. 5 ภูเขามิตาเกะ (Mount Mitake) ชมธรรมชาติ ทริปเดินป่าสบายๆ เดินทางง่ายจากโตเกียว