ครั้งนี้เราจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวฮ่องกง กับงบที่ทั้งถูกและเอาใจสายเดินทางด้วยรถสาธารณะ ที่เรียกว่าใช้บัตร Octopus คุ้มแน่นอน เดินทางยังไง มีจุดเช็คอินที่ไหนบ้างไปดูกันเลย
Klook.com
วันที่ 1 Nina Hotel Island South โรงแรมนีนา ไอแลนด์เซาธ์ Soho maket (ไนท์มาเก็ต) ร้าน ONE DIM SUM Nina Hotel Island South โรงแรมนีนา ไอแลนด์เซาธ์ ครั้งนี้เราจะชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวฮ่องกงกัน ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นทริปที่ใช้งบแค่หมื่นนิดๆ ก็เที่ยวได้ ซึ่งวันที่เราไปครี้มฟ้าครึ้มฝนหน่อย ภาพเลยออกมาหม่นๆ หน่อยนะ
Credit:Chill Chill Trip
แค่ลงจากเครื่องเราก็ตื่นเต้นกับไฟที่เค้าประดับตลอดทางเดินของสนามบินแล้วอ่ะ ประดับเรียบง่ายแต่แสงที่สะท้อนกระจกมันกับทำให้ไฟประดับสวยขึ้นไปอีก
Credit:Chill Chill Trip
ช่วงที่เรามาเค้าประดับไฟต้นคริสมาสต์พอดี เลยทำให้มีคนแวะเวียนไปถ่ายรูปกันเรื่อยๆ ต้นคริสมาสต์ต้นใหญ่ถือว่าเป็น highlight ของที่นี่เลย
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทางไปที่พักของเราครั้งนี้เราซื้อบัตร octopus จาก app Klook โดยเราใส่โค้ดส่วนลด CHILLCHILL5OFF% เลยได้ลดอีกโดยจากสนามบินเรานั่งบัสเบอร์ 11 กับเบอร์ 17 ที่ป้าย Airport (Ground Transportation Centre) จากสนามบิน ซึ่งครั้งนี้เรานั่งรถบัสเบอร์ 17 ไปลงที่ Yip Hing Street; Wong Chuk Hang Road และเดินต่อไปแค่หนึ่งนาทีก็ถึงโรงแรมแล้วค่ะ
Credit:Chill Chill Trip
แต่ถ้าเพื่อนๆ นั่งรถบัสเบอร์ 11 ต้องไปนั่งรถไฟสาย South Island แล้วลงที่สถานี Wong Chuk Hang เดินต่อประมาณ 5 นาที ซึ่งครั้งนี้เราพักที่โรงแรม Nina Hotel Island South
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในโรงแรมก็เรียบง่าย เราชอบโรงแรมนี้เพราะราคาไม่แรง จองผ่าน Klook ได้ เรียกว่าสะดวกกับเรามากๆ
Credit:Chill Chill Trip
ห้องพักก็สะอาด แถมมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ครบครัน บรรยากาศรอบๆ ก็ดี ที่สำคัญคือเดินทางไปสถานที่ต่างๆ ง่ายมากๆ เพราะหน้าโรงแรมมีป้ายรถเมล์หรือถ้าต้องการเดินทางด้วย MTR ก็มีสถานี Wong Chuk Hang ที่อยู่ไกลมาก สามารถเดินไปได้ในเวลา 5 นาที
Credit:Chill Chill Trip
Soho market (ไนท์มาร์เก็ต) หลักจากที่เราเข้าเช็คอินเสร็จแล้วก็ไปหาอะไรรองท้องที่ตลาดโซโฮเป็นย่านเก่าแก่ แต่มีความคึกคักไปด้วยร้านค้าเเละstreet art ซึ่งเราคำว่า SoHo ย่อมาจาก South of Hollywood Road เลยทำให้ไม่แปลกใจนักที่เราจะพบความเก๋ได้ตลอดสองข้างทาง
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทางไปตลาดนี้ก็ง่าย เราซื้อบัตร octopus ผ่านแอ๊พพลิเคชั่น Klook จากนั้นก็รับบัตรที่สนามบินสามารถใช้เดินทางทั่วฮ่องกงเลย
Credit:Chill Chill Trip
โดยเรามาลงที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Hong Kong Central แล้วออกทางออก D2 เดินไปเรื่อยๆ เราจะเห็นภาพเก๋ๆ ตลอดทาง
Credit:Chill Chill Trip
ที่โชโฮ ตลอดถนนเราจะพบจิตรกรรมฝาผนังที่อาจเรียกว่า Mural Street ซึ่งสามารถพบเห็นได้ตลอด
Credit:Chill Chill Trip
ไม่ว่าจะเป็นด้านหน้ากำแพงหรือหน้าร้านค้า ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ หรือแม้แต่ร้านทำผม เราก็สามารถพบเจอภาพวาดเก๋ๆ ได้
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับสายถ่ายภาพ เรามั่นใจเลยว่าต้องชอบโซนนี้แน่ ๆ เพราะมุมถ่ายรูปแต่ละมุมคือดีไม่ซ้ำกันเลย
Credit:Chill Chill Trip
เดินเพลินมาก แต่ต้องขอบอกก่อนนะ ว่าที่นี่คนเยอะมาก ยังไงก็หาอะไรลองท้องกันก่อนมาเดินเล่นแถวนี้
Credit:Chill Chill Trip
ร้าน ONE DIM SUM เดินเหนื่อยๆ หิวๆ เราเลยหาอะไรหม่ำสักหน่อย ซึ่งร้านที่อยากแนะนำก็คือร้านนี้เลย อาหารอร่อยมากๆ ทั้งเยอะทั้งอร่อย
Credit:Chill Chill Trip
แต่อย่าถามชื่อเมนูได้ไหม เพราะเราจำชื่อไม่ได้ ตอนนั้นคือหิวหนักมาก สั่งปุ๊บกินปั๊บจนลืมถ่ายรูปเลยอะ ฮ่าๆๆๆ
Credit:Chill Chill Trip
ยิ่งตัวเมนูขนมจีบนี้นะ ยกให้เป็นที่หนึ่งในใจเลย อร่อยมากๆ แถมราคาก็น่ารักด้วยนะ ใครมาเที่ยวแถวนี้เราแนะนำเลย
Credit:Chill Chill Trip
วันที่ 2 ร้าน tong bao dim Ocean Park (โอเชี่ยนพาร์ค ฮ่องกง) Lady’s Market (ไนท์มาเก็ตเลดี้ ) ร้าน tong bao dim
เช้านี้เราตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะจะได้ไปเที่ยว Ocean Park แต่ก่อนเข้าสวนสนุกเราแวะที่ร้าน tong bao dim ที่ Wong chuk hang station (ร้านมีหลายสาขาตาม MTR ต่างๆ) เป็นร้านที่เราสามารถพบเห็นได้เรื่อยๆ
Credit:Chill Chill Trip
ครั้งนี้เราสั่ง steamed rice with ribs เราอยากบอกว่าตัวข้าวเรียงเม็ดสวย ข้าวหุงมากำลังดี ยิ่งกินคู่กับซี่โครงหมูที่หมักซอสสูตรของทางร้านจนนุ่ม แทบไม่ต้องเคี้ยวแล้วฟินสุดๆ
Credit:Chill Chill Trip
และเมนู pork and cabbage bun ซาลาเปาไส้หมูที่ดีงามสุดๆ ไส้หมูหมักหอม ข้างในมีกะหล่ำปลีเป็นชิ้นๆแซมอยู่ ตัวแป้งหอม นุ่ม เนียนละลายในปาก
Credit:Chill Chill Trip
Ocean Park หลังจากอิ่มท้องเราก็ไปต่อกันที่ Ocean Park ที่เป็นสวนสนุกขนาดใหญ่และเก่าแก่ของฮ่องกงครั้งนี้เราซื้อตั๋วผ่าน Klook ได้ราคาดีงามมาก เพราะเรามีโค้ดส่วนลด 5% เลยใช้ซื้อ ตั๋วใช้งานง่ายมากๆ แค่โชว์คิวอาร์โค้ดก็เข้าสวนสนุกได้เลย
Credit:Chill Chill Trip
ซึ่งเราเดินทางด้วยบัตร octopus โดยนั่งรถไฟจากสถานี Wong chuk hang station ย้อนกลับมาสถานีเดียวลงสถานี Ocean Park แล้วออก Exit 2 ก็จะถึง Ocean Park ภาพมุมสูงของ ocean park โชว์ให้เห็นวิวของโซน the summit พร้อมกับวิวทะเลที่กว้างสุดลูกหูลูกตา
Credit:Chill Chill Trip
และมาต่อที่ Cable car จุดนั่งกระเช้าลอยฟ้าที่ไม่อยากให้ทุกคนพลาด โดยเราสามารถนั่งกระเช้าข้ามจาก rainforest ไปยัง aqua city ระหว่างนั่งบนกระเช้ายังสามารถเห็นวิวได้ถึง 360 องศา ซึ่งเป็นวิวที่สวยมาก ๆ เพราะจะเห็นทั้งสวนสนุก และทะเล ภูเขาที่รายล้อมรอบด้วย ยิ่งถ้าได้ขึ้นไปตอนเย็นๆ ในขณะที่พระอาทิตย์กำลังจะตกยิ่งคุ้มค่าเลย
Credit:Chill Chill Trip
เสร็จจากนั่งกระเช้าก็ไปตื่นเต้นกันต่อที่ The Rapid ล่องแก่งแบบเปียกเล็กน้อยให้พอชื่นใจ ตอนที่ไถลลงมาเนี่ยคือร้องกรี๊ดกันเลย
Credit:Chill Chill Trip
แฟนเจ้าชายน้อยไม่ควรพลาดเพราะที่สวนสนุกตอนนี้เค้ามีจัดกิจกรรมร่วมฉลอง 80 ปีเจ้าชายน้อยด้วยนะ มาถ่ายรูปด้วยกัน
Credit:Chill Chill Trip
จุดที่เราชอบมากๆคงหนีไม่พ้น Sea life carousel ม้าหมุนในรูปแบบของเหล่าสัตว์น้ำนานาชนิด ที่เรียกว่าโดนใจเด็กน้อยและผู้ใหญ่อย่างเราเข้าอย่างจัง
Credit:Chill Chill Trip
ซึ่งภายในสวนเค้ามีจุดถ่ายรูปน่ารักๆ เยอะมาก ทั้งเล่นสนุก จุดถ่ายรูปก็ชวนให้ลืมเรื่องราวของความเป็นผู้ใหญ่ ทำให้สนุกทั้งใจทั้งกายเลยละ
Credit:Chill Chill Trip
มาต่อที่ Rev booster เครื่องเล่นนี้เราให้ความสนุก 10/10 ไม่หวาดเสียวจนเกินไป เด็กเล่นได้ ผู้ใหญ่เล่นก็สนุกเหมือนกัน
Credit:Chill Chill Trip
และนี่คือทางเข้า ocean park ที่เรามัวแต่สนุกกับด้านในจนลืมลงรูปด้านหน้าให้เพื่อนๆดู แค่ด้านหน้าก็สนุกสุดเหวี่ยงแล้วล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
Thrill mountain โซนเครื่องเล่นกลไกที่กว้างขวางซึ่งนำความบันเทิงที่เร้าใจไปสู่อีกระดับหนึ่งโดยนำเสนอทัศนียภาพแบบพาโนรามาที่ทอดยาวจากยอดเขาเขียวขจีไปจนถึงทะเลจีนใต้อันกว้างใหญ่ ราวกับอยู่ในงานรื่นเริง
Credit:Chill Chill Trip
มาสคอตของปลาฉลามของโซน whiskers harbour โซนของเด็กเล็กโดยเฉพาะ เด็กๆ และผู้ปกครองสามารถเข้าร่วมเวิร์คช็อปที่ซึ่งสาเรามารถเปลี่ยนวัสดุ DIY ให้เป็นกำไลเชือก ชั้นวางไม้ไผ่ งานหัตถกรรมจากไม้ และผลงานสร้างสรรค์อื่นๆ
Credit:Chill Chill Trip
The grand aquarium พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่ที่เราจะได้สัมผัสประสบการณ์ราวกับเดินทางจากชายฝั่งสู่ห้วงมหาสมุทรที่ลึกที่สุด และยังมีอุโมงค์ Reef Tunnel ด้วย
Credit:Chill Chill Trip
Ocean express เรือดำน้ำจำลองบนดินที่จะพาเราเข้ามาจากโซน aqua city มายังโซน thrill mountain ข้างในมีไฟสลัวๆสวยมาก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในเรือดำน้ำจริงๆ
Credit:Chill Chill Trip
น้อง walrus สัตว์น้ำหายากที่สามารถรับชมกับได้ใน North Pole encounter อยู่ที่โซน Polar adventure
Credit:Chill Chill Trip
The grand aquarium เราสามารถชมระบบนิเวศที่สวยงามรอบ ๆ แนวปะการัง หน้าต่างใต้น้ำที่กว้างใหญ่ เช่น โดมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำสูง 5.5 ม. และแผงดูอะคริลิกกว้าง 13 ม. มีปลากว่า 5,000 ตัวจากกว่า 400 สายพันธุ์
Credit:Chill Chill Trip
The grand aquarium: aquarium ขนาดใหญ่ที่มีปลาหลากหลายชนิด ที่พิเศษที่สุดคือใน grand aquarium มีร้านอาหารอยู่ข้างในที่เราสามารถนั่งรับประทานอาหารและชมตู้ปลาขนาดใหญ่ไปพร้อมๆกันด้วย
Credit:Chill Chill Trip
แมวน้ำใน North Pole encounter อยู่ที่โซน Polar adventure ทำให้ได้สัมผัสกับทั้งภาพและเสียงวิถีชีวิตอย่างใกล้ชิด เราสามารถชมการเคลื่อนไหวใต้น้ำที่สวยงาม
Credit:Chill Chill Trip
แพนด้าแดงใน amazing asian animals อยู่ที่โซน aqua city ซึ่งเป็นสัตว์ที่หายาก แต่น่ารักมากๆเลย
Credit:Chill Chill Trip
Cable car (อันนี้อยู่ ocean park) เคเบิลคาร์เพื่อเดินทางข้ามระหว่าง วอเตอร์ฟร้อนท์ และ ซัมมิท นอกจากจะได้เพลิดเพลินไปกับความงดงามของท้องทะเล ท้องฟ้าแล้ว ยังได้ใช้เวลาช้าๆไปกับคนที่รู้ใจด้วย
Credit:Chill Chill Trip
Water world ต้อนรับนักผจญภัยมาสำรวจความมหัศจรรย์แห่งธรรมชาติและโต้คลื่นสนุกๆไปด้วยกันที่โลกแห่งน้ำ (Water world) สนุกจนไม่อยากกลับบ้านเลยจ้า
Credit:Chill Chill Trip
Cavern chase นั่งรวมกันแล้วไปล่องแพขนาดใหญ่สำหรับกลุ่มครอบครัวและเพื่อนฝูงที่ต้องผ่านส่วนมืดแห่งการผจญภัยที่บิดเบี้ยว ฟลูมแบบปิดกว้าง 2.7 ม. จะสะท้อนด้วยเสียงกรีดร้องและเสียงหัวเราะที่น่าตื่นเต้นขณะที่ทั้งสองนั่งรถไปด้วยกัน
Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างที่เรานั่งบนห่วงยางและไหลๆลงมาตามแรงน้ำในราง ก็ทั้งหมุน ทั้งเปียก ทั้งขำและสนุก เพราะใช้เวลาสักหน่อยเลยล่ะกว่าจะถึงด้านล่าง
Credit:Chill Chill Trip
Ladie’s market เสร็จจาก Ocean Park เราก็เดินทางต่อไปที่ Ladie’s market เพื่อไปเดินเที่ยวและหาอะไรหม่ำ นี่เป็นวิวเมืองระหว่างการเดินทางไป ตึกใหญ่สองข้างทางเต็มไปหมด
Credit:Chill Chill Trip
บรรยากาศของ Ladie’s market ให้ความรู้สึกเหมือนสำเพ็งบ้านเรา แต่ของอาจจะแพงกว่าหน่อย คนครึกครื้น เป็นถนนที่ดูเหมือนจะไม่หลับใหลเลย
Credit:Chill Chill Trip
มีของให้เราเดินดูเยอะมาก เรียกว่าเหมือนเดินเที่ยวสำเพ็งยามค่ำคืนก็ว่าได้ ขนาดว่าจะไม่ซื้ออะไรๆ แต่ก็ยังได้มาอยู่ชิ้นสองชิ้น
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่มีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายขนมของกินของฝากหลากหลาย บวกกับอากาศเย็นๆทำให้เดินเที่ยวเพลินมากเลย
Credit:Chill Chill Trip
วันที่ 3 Western Market The Peak Tram รถรางพีคแทรม Victoria Peak Sky terrace 428 Spiral Staircase Kowloon Walled City Park Wong Tai Sin Temple วัดหว่องไท่ซิน Nan Lian Garden Western market Western market อาคารที่โดดเด่นมีไสตล์แห่งนี้เป็นหนึ่งในจุดช้อปปิ้งยอดนิยมที่หากมีเวลาก็น่ามาแวะ ที่นี่จึงเป็นเหมือนศูนย์รวมอาหารและของฝาก
Credit:Chill Chill Trip
มาฮ่องกงแล้ว ไม่มาลองนั่ง Hongkong Tram ก็เหมือนมาไม่ถึงนะ อันนี้เป็นรถสองชั้น รับผู้โดยสารได้สูงสุด 115 คน ทั้งยืนและนั่ง หากได้นั่งที่นั่งชั้นบนก็จะสามารถชมวิวในมุมที่กว้างกว่า ชิววิวเมืองฮ่องกงได้แบบชิลล์ๆหากอยากชมวิวก็ต้องไปที่ชั้นสองเลยจ้า
Credit:Chill Chill Trip
ค่าโดยสารรถรางก็อยู่ที่ราคาทั่วไป ประมาณ 2-3 ดอลลาร์ฮ่องกง เพื่อนๆที่ไม่มีเวลาเดินเที่ยว เราแนะนำว่ามาลองนั่งรถทั่วเมืองสักรอบก่อนแล้วค่อยเลือกลงป้ายใหญ่ๆ ไกลเมืองที่อยากไปก่อน จากนั้นค่อยไล่เที่ยวมา
Credit:Chill Chill Trip
Peak tram Peak tram เป็นรถรางที่ใช้เดินทางขึ้นและลง The Peak เปิดใช้บริการมามากกว่า 120 ปีแล้ว ครั้งนี้เราก็ซื้อบัตรผ่าน Klook เหมือนเดิมเพราะถูกกว่าไปซื้อด้านหน้า แถมไม่ต้องไปเสียเวลาต่อแถวรอซื้อ โชว์คิวอาร์โค้ดแล้วขึ้นรถรางได้เลย โดยเราจะไป ยังจุดชมวิว เดอะ พีค The Peak อยู่ด้านบนของยอดเขา วิคตอเรีย พีค Victoria Peak ซึ่งยอดเขาที่สูงที่สุดในฝั่งของเกาะฮ่องกงโดยมีความสูงจากประมาณ 552 จากระดับน้ำทะเล เป็นที่เที่ยวอันดับหนึ่งที่คนนิยมไปมากที่สุด
Credit:Chill Chill Trip
Victoria peak Victoria peak ที่คนนิยมไปด้านบนนี้เพราะที่นี่เป็นทั้งจุดชมวิวมองเห็นภาพพาโนรามาของเมืองฮ่องกงได้ หรือหากใครอยากจะมาทานดินเนอร์ในพักผ่อน วิวสวยๆ ก็ไม่ต้องไปหาวิวที่อื่นเลย ขึ้นมาด้านบนนี้ก็ได้วิวคลาสสิกแล้ว
Credit:Chill Chill Trip
Sky terrace 428 Sky Terrace 428 ตั้งอยู่บนความสูง 428 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เป็นจุดชมวิวที่สูงที่สุดในฮ่องกง มีวิวทิวทัศน์มุมกว้างทั่วทั้งฮ่องกง ไม่ว่าจะมาเยือนเดอะพีคในตอนเช้า บ่าย หรือกลางคืน Sky Terrace 428 ก็เป็นจุดชมวิวที่สวยตลอดเวลา
Credit:Chill Chill Trip
ช่วงเวลาที่คนนิยมมากันคือ มาให้ทันช่วงพระอาทิตย์ตกดินจ้า เพราะจะได้ทั้งแสงไฟของตึกและแสงของพระอาทิตย์ที่กำลังจะลาลับฟ้าไป
Credit:Chill Chill Trip
แต่ถ้ามีเวลาเยอะหน่อย ก็อยากให้อยู่ถึงช่วงเวลากลางคืนเลย เพราะตึกสูงระฟ้าประดับประดาไปด้วยแสงไฟจากหน้าต่างห้องต่างๆ ทำให้เกิดภาพวิวที่สวยงามมาก
Credit:Chill Chill Trip
เรายืนอยู่ตรงนี้นานมากๆ ประทับใจสุดๆเลย ฮ่องกงมีทั้งความทันสมัยและยังมีธรรมชาติอยู่บ้าง ทำให้เราได้เที่ยวหลายแบบ บวกกับการเดินทางที่สะดวกมากๆ ทำให้มาเที่ยวเองก็ง่าย
Credit:Chill Chill Trip
The Spiral Staircase, Chater Garden จากนั้นเราไปถ่ายรูปเล่นกันต่อที่บันไดเวียน ซึ่งเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่มีชื่อเสียงที่สุดในฮ่องกง และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับถ่าย MV ในท้องถิ่น
Credit:Chill Chill Trip
ด้านบนบันไดเวียนเป็นทางเดินธรรมดา ที่สามารถมองวิวด้านบนถนน ตึกสูงระฟ้า รถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมาได้เพลินๆ
Credit:Chill Chill Trip
นอกจากถ่ายภาพวิวสวยๆแล้ว ยังเป็นสถานที่ถ่ายรูปงานแต่งงาน บันไดเวียนซ่อนตัวอย่างเรียบง่ายใน Chater Garden เซ็นทรัล
Credit:Chill Chill Trip
มาเที่ยวแบบ chillchilltrip ก็ต้องกินร้านอาหารแบบ local ด้วยสิคะ ด้วยความตั้งใจว่าจะไป Kowloon wall city park ต่อ แต่ท้องกิ่ว เดินต่อไม่ไหว เลยหาร้านอาหารที่อยู่บริเวณ Kowloon wall city กินก่อน แล้วก็มาเจอร้านนี้ หน้าร้านตกแต่งด้วยสีเขียว แล้วก็จะมีป้ายตัวอักษรภาษาจีนขนาดใหญ่อยู่ ทางร้านมีเมนูเป็นภาษาอังกฤษอยู่ บางเมนูก็จะมีรูปให้ดู ตอนสั่งเห็นอะไรน่ากินก็จิ้มเอา สำหรับเมนูที่สั่งก็จะมี fried dumpling with pork filling, won tan with sour & spicy sauce , streamed plain rice roll แน่นอนว่าเราจิ้มตามรูปหมด ทุกเมนูที่สั่งมารสชาติกลมกล่อมแบบแสงออกปาก ซอสที่ราดมาคือเด็ดทุกอย่าง ถ้ามีโอกาสแนะนำให้ทุกคนมาร้านนี้นะคะ
Credit:Chill Chill Trip
Kowloon wall city พื้นที่ที่เต็มไปด้วยภูมิหลังประวัติศาสตร์ จากชุมชนแออัดสู่สวนเดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ โดยในส่วนมีร่องรอยของวัตถุโบราณ และโบราณสถานเก่าแก่เหลืออยู่ให้พอได้ชมบ้าง
Credit:Chill Chill Trip
สวนสาธารณะ Kowloon Walled City ได้รับการออกแบบให้มีลักษณะคล้ายสวน Jiangnan ของราชวงศ์ชิงตอนต้น สวนสาธารณะมีพื้นที่ทั้งหมด 31,000 ตารางเมตร (7.66 เอเคอร์)
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่แบ่งออกเป็นธีม 8 โซนพร้อมทิวทัศน์อันเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ซึ่งเข้ากันกับสไตล์ของ ทั้งสวนและสิ่งก่อสร้าง
Credit:Chill Chill Trip
ปัจจุบัน Kowloon Walled City ดำรงอยู่ในผลงานของศิลปิน นักเขียน และช่างภาพที่อุทิศตนเพื่อบันทึกภาพเมืองและชุมชน รวมถึงผู้สร้างภาพยนตร์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความวุ่นวายที่อัดแน่นไปด้วยผู้คนในเมืองนี้
Credit:Chill Chill Trip
มีนักท่องเที่ยวต่างชาติและผู้คนของที่นี่ใช้เวลาในการเดินเล่น ชมสิ่งก่อสร้างในแบบต่างๆ ที่ล้วนแล้วแต่ยังคงความเป็นชุมชนในอดีตที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง
Credit:Chill Chill Trip
แม้ว่าฮ่องกงจะเจริญมากขึ้น และมีอาคารสูงเกิดขึ้นมากมายก็ตาม แต่เมื่อได้กลับมาอยู่ในมุมที่เคยเป็นวิถีชีวิตเดิมๆของคนที่นี่ ก็น่าสนใจดีนะ
Credit:Chill Chill Trip
Wong Tai Sin Temple วัดหว่องไท่ซิน ประวัติที่มาของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้คือ นักบวชลัทธิเต๋าได้รับคำสั่งให้สร้างวัดใหม่ในบริเวณชุกหยวนในเกาลูนซิตี้ โดยมีข้อเขียนจากพระอาจารย์ระบุว่า “สถานที่แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์ ปีกนกฟีนิกซ์เป็นมงคลและเป็นสถานที่เหมาะสมที่สุดในการตั้งวัดเผยแพร่หลักคำสอนทางศาสนา” ต่อไป
Credit:Chill Chill Trip
แล้วพวกเขาก็เอาไม้ไผ่ปักลงบนพื้นเป็นเครื่องหมายแล้วจึงตั้งแท่นบูชาหลักขึ้นในตอนแรก จากนั้นก็สร้าง ห้องโถงขงจื๊อ สำนักงานทั่วไป หอพัก ประตูหลัก และบ่อน้ำถูกสร้างขึ้นในวัด อาคารอื่นๆ ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีต่อๆ ไป จนกระทั่งใหญ่โตเหมือนในปัจจุบัน
Credit:Chill Chill Trip
นี่คือเป็นวัดที่คนฮ่องกง และผู้ศรัทธาจากทั่วโลกเดินทางมาขอพร กับ เทพเจ้าหวังต้าเซียน หลายคนขอแล้วก็สัมฤทธิ์ผล สำหรับเราแล้วมาฮ่องกงทั้งทีก็ต้องไม่พลาดที่จะมาแวะ ว่าแล้วก็ขอตัวไปอธิษฐานก่อนนะ สาธุๆๆ
Credit:Chill Chill Trip
Nan Lian Garden (สวนหนานเหลียน) สวนหนานเหลียน (Nan Lian Garden) เป็นสวนที่สร้างขึ้นบนเนินเขาไดมอนด์ (Diamond Hill) ในเขตเกาลูน ประเทศฮ่องกง โดยมีขนาดกว่า 23 ไร่ สวนนี้ถูกออกแบบโดยได้รับอิทธิพลและรูปแบบมาจากราชวงศ์ถัง และมีสไตล์การตกแต่งที่ผสมผสานระหว่างจีนและญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
ดูความหมายของสถานที่กันนะ Pavilion of Absolute Perfection (ศาลาความสมบูรณ์แบบ): เป็นสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป เนื่องจากมีโครงสร้างทรงแปดเหลี่ยมสีทองตั้งอยู่กลางสระบัว แท้จริงถือเป็นสัญลักษณ์ของความสมบูรณ์ทางทุกด้านของชีวิต สำหรับสะพานไม้สีแดง: คือ สวนมีสะพานไม้สีแดงทั้งสองฝั่งของสระบัว ทั้งทิศเหนือและทิศใต้ เส้นทางสะพานนี้เพิ่มเติมความสวยงามและสมบูรณ์ในการตกแต่งสวน
Credit:Chill Chill Trip
สวนแห่งนี้ได้รับการดูแลอย่างสวยงามมากและตกแต่งอย่างดี พักผ่อนจากความวุ่นวายในเมือง ว่ากันว่าเป็นสถานที่ที่วิเศษสำหรับการออกเดตด้วยล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
เพื่อนๆสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เครื่องปั้นดินเผาได้ในราคา 20 ดอลลาร์(อาจมีปรับราคา) ซึ่งคุ้มค่ากับงานศิลปะจากปรมาจารย์ อย่าลืมนั่งเล่นกับปลาคาร์ปในสระน้ำด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
โอเอซิสที่สวยงามแห่งความเงียบสงบในใจกลางเมืองที่พลุกพล่านของฮ่องกง ล้อมรอบด้วยคอนกรีตและมอเตอร์เวย์ เมื่อหลุดเข้าไปที่นี่ ทุกอย่างสงบและคอลเลกชั่นบอนไซก็งดงามมาก คุ้มค่าแก่การเยี่ยมชมอย่างแน่นอนจ้า
Credit:Chill Chill Trip
เราเดินต่อมาอีกหน่อยจะพบกับ Lotus pond garden มีอาคารไม้ที่ตั้งอยู่กลางน้ำและน้ำตกที่เพิ่มความสง่างามและสันติสุขในสวน มีต้นบอนไซและหินประดับที่สวยงาม ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถพักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติ
Credit:Chill Chill Trip
สวนมีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ที่ทำให้นักท่องเที่ยวสามารถนั่งพักผ่อนและชิมชาหรือเครื่องดื่มต่างๆได้ สวนหนานเหลียนถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจและเหมาะสำหรับการพักผ่อนในสัมผัสกับธรรมชาติและวัฒนธรรมที่มีความเป็นเอกลักษณ์ของจีนและญี่ปุ่นในที่เดียว
Credit:Chill Chill Trip
สรุป เป็นยังไงกันบ้างเอ่ยกับทริปเที่ยวฮ่องกงที่เราแนะนำกัน ทั้งหมดสามารถใช้บัตร Octopus ได้เลย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวก็สามารถใช้บัตรนี้จ่ายได้ รวมถึงซื้อบัตรต่างๆ ผ่าน Klook จะถูกกว่าเราไปซื้อที่โน่น และเรายังมีโค้ดส่วนลด 5% มาฝากเพื่อนๆ ด้วย สามารถใช้ส่วนลด 5% สำหรับจองกิจกรรมท่องเที่ยวบน Klook เมื่อมียอดใช้จ่ายขั้นต่ำ 1,500.-ลดสูงสุดถึง 300.-
วิธีการเดินทาง