เที่ยวเมืองชิรากาวะ (Shirakawa) ที่เที่ยวใกล้เมืองไอสึ (Aizu) ) 3 วัน 2 คืน จ.ฟุกุชิมะ (Fukushima)

เส้นทางธรรมชาติใกล้เมืองไอสึ(Aizu) พักเรียวกังหรู แช่ออนเซ็น ชมธรรมชาติ ปั่นจักรยานที่ชนบทญี่ปุ่นและนั่งกระเช้าฟินๆกันที่ Nasu จ.โทจิงิ (Tochigi) ต่อด้วยมุมถ่ายรูปเท่ๆในเรียวกังโอคาวาโซ(Ookawaso) แห่งดาบพิฆาตอสูร มีที่เที่ยวที่ไหนบ้างไปดูกันเลย

Day 1

  1. Aizu-wakamatsu station
  2. Omachi dori
  3. Jitsujoji Temple
  4. Yuzuji Temple
  5. ปั่นจักรยานหมู่บ้าน Ashinomaki Onsen
  6. เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)

Day 2

  1. จุดชมวิวสะพาน
  2. วนอุทยานคันนน (Kannon numa forest park)
  3. จุดชมวิวน้ำตกฮิกุระชิ (Higurashi Falls Observatory)
  4. สถานีริมทางชิโมโกะ (Michi no Eki Shimogo)
  5. นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans, Tochigi)
  6. สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge)
  7. น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)
  8. สวนนันโกะ (Nanko Park)
  9. ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

Day 3

  1. จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ
  2. ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ (Tonohetsuri)
  3. หมู่บ้านโออุจิจูกุ (Ouchijuku)

Day 1

Aizu-wakamatsu station

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen) ทริปสุดหรรษานี้เราจะไปเที่ยวกันที่ไอสึ (Aizu) จ.ฟุกุชิมะ (Fukushima) เป็นเวลา 3 วัน 2 คืน ครั้งนี้เราจะได้ไปลองเที่ยวโซนใหม่ๆบ้าง ไปให้ถึงเขตจ.โทจิงิ (Tochigi) กันเลยจ้า แต่บอกก่อนว่า รูทนี้ต้องเช่ารถขับกันนะจ๊ะ ถึงจะได้ภาพสวยๆเต็มอิ่ม สามารถเช่าได้จากแถวสถานี Aizuwakamatsu เลย

Aizu-wakamatsu station

Credit:Chill Chill Trip

สถานีไอสึวาคามัทสึ (Aizu wakamatsu st.) ซึ่งเป็นสถานีที่มีเอกลักษณ์มากๆ มีทางออกเดียว ด้านหน้าสถานีมีมุมทางออกเหมือนประตูเมืองอยู่สองฝั่ง ถ่ายรูปแล้วได้ฟีลดีมากๆ และตรงนี้ยังใกล้กับ Aizu Bus Terminal ที่เราสามารถนั่งรถบัสเบอร์ 12 ไปยังหมู่บ้าน Ashinomaki Onsen ได้ด้วย

Aizu-wakamatsu station

Credit:Chill Chill Trip

Omachi dori

เพื่อนๆที่มีเวลาเยอะอยู่ สามารถเดินเล่นรอบๆเมืองได้ด้วยนะ แม้ว่าเมืองนี้จะเป็นทาง one way เยอะก็ตามแต่เข้าใจง่ายมากๆเลยจ๊ะ เอ๊ะๆ มีรถบัสเที่ยวรอบเมืองกำลังวิ่งผ่านด้วย รถบัสแบบนี้มีตั๋ว 1 day pass ด้วยนะ ซื้อได้ที่ห้องขายตั๋วหน้าสถานี

Omachi dori

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างที่เดินเที่ยวไปเรื่อยๆ เห็นอะไรก็ดูน่ารักไปหมด เราแวะมากันที่ร้านผลไม้ริมถนน ที่นี่ขายผลไม้เป็นลูกๆด้วยล่ะ แวะเข้าไปซื้อส้มสักสองลูกก่อนนะ

Omachi dori

Credit:Chill Chill Trip

ลูกเล่นของถนน Omaji street ยังไม่หมดแค่นี้ เรายังเห็นหุ่นรูปร่างหน้าตาแปลกๆ ด้วย จะรอช้าอยู่ไย ไปถ่ายรูปกันเลยจ้า

Omachi dori

Credit:Chill Chill Trip

Jitsujoji Temple

เราเดินเล่นจนมาถึงวัดเล็กๆแห่งหนึ่ง ชื่อวัด Jitsujoji ซึ่งเรารู้สึกว่านี่อาจจะเป็นวัดที่มีความสำคัญในอดีตเพราะมีต้นซากุระที่เก่าแก่มากๆอยู่ด้วย

Jitsujoji Temple

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในวัดคือสงบมากๆ ที่นี่เราเห็นนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินมาถ่ายรูปเหมือนกับเราด้วยนะ ต้นเดือนพฤศจิกายนต้นแปะก๊วยกำลังสวยเลย

Jitsujoji Temple

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

Jitsujoji Temple

Yuzuji Temple

จากนั้นเราก็เดินมาต่อที่วัดข้างๆ ซึ่งที่นี่ คือ วัดยุตสึจิ (Yutsu Temple) เป็นวัดนิกายโจโด กล่าวกันว่าวัดยุตสึจิก่อตั้งใน ปี ค.ศ.1361

Yuzuji Temple

Credit:Chill Chill Trip

รอบๆวัดมีมุมถ่ายรูปอื่นๆอีก ความสงบของวัดและบรรยากาศยามเช้าทำให้การเดินทางของเรา มีความสุขแบบไม่ต้องเร่งรีบจริงๆ

Yuzuji Temple

Credit:Chill Chill Trip

เพื่อนๆสามารถตีระฆังได้นะ ต้นไม้ที่เลื้อยอยู่ตามฝาผนังแบบนี้ พอถ่ายรูปออกมาแล้วก็สวยดีเหมือนกันเนอะ

Yuzuji Temple

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

Yuzuji Temple

หลังจากมาถึงสถานี Aizuwakamatsu และเช่ารถเรียบร้อยแล้ว เราก็มานั่งกินข้าวเที่ยงกันแถวที่พักก่อน ที่นี่เรามาบ่อยมากๆ เมื่อมาที่ไอสึ นั่นคือร้านมื้อเที่ยง Deccora ตอนนี้เค้ามีเมนูใหม่ Yamashio Pudding Icecream ที่ทำมาจากพุดดิ้งชื่อดังของเรียวกังโอคาวาโซ เข้มข้นอร่อยมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

แต่สำหรับกับข้าว ที่ Deccora ก็มีความอร่อยและราคาสมคุณภาพจริงๆ มีหลายเมนูให้เลือก เช่น ข้าวราดหน้าแกงกะหรี่สูตรออริจินัล ข้าวหน้าหมูทอดราดซอส( ซอสคัตสึด้ง) ราเมง และ ข้าวหน้าหมูผัดขิง เป็นต้น

Yuzuji Temple

Credit:Chill Chill Trip

เอาจริงๆ สารภาพก็ได้ว่ามาถึงที่นี่คือตั้งใจมาหาน้องมารุ (แอบตั้งชื่อให้เอง) เพราะมาทีไรก็เจอกันตลอด ก็เลยคิดว่าครั้งนี้คงเจอแหล่ะ ฮ่าๆ เจอจริงด้วย น่ารักมากๆ น้องจะนอนอยู่แถวข้างๆร้านเสมอ

Yuzuji Temple

Credit:Chill Chill Trip

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

เราเดินมาถึงร้านเช่าจักรยานซึ่งด้านนอกเป็นเหมือนร้านขายขนมโบราณ เข้ามาด้านในเลยจ้า บอกเค้าว่าขอเช่าจักรยาน ( ติดต่อล่วงหน้าจากเพจภาษาไทยของเรียวกังโอคาวาโซก่อนนะ)

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นเราก็เริ่มเส้นทางปั่นจักรยานกันเล้ย เมื่อออกจากโรงแรมโอคาวาโซแล้ว ก็ปั่นข้ามไฟแดงตรงถนนใหญ่ติดกับอุโมงค์มาเลยจ๊ะ เพื่อมาตรงศาลเจ้า เจ้าแม่กวนอิม ชื่อว่า Mikazukifudoson ทุกคนมักจะมาขอพรเกี่ยวกับบุตร ครอบครัว ความรักสมหวังและการอุดมสมบูรณ์ในชีวิต (ด้านในมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิม 33 องค์)

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นก็ควบสองล้อมาต่อเลยจ้า และแล้วเราก็เจอมุมที่ถูกใจมากๆ ตรงนี้สามารถมองเห็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนอาชิโนะมากิออนเซ็นได้ทั้งหมดเลย

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ด้วยเพราะเรามีจักรยานไฟฟ้าที่สามารถเพิ่มความเป็นเทอร์โบได้ในแบบไฟฟ้า และยังเปลี่ยนเพิ่มลดเกียร์แบบมือได้อีก ดังนั้น ซิ่งยาวๆไปเลยจ้า 500 เยนคุ้มสุดๆ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

หมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ที่มีประวัติยาวนานกว่า 1200 ปีเชียวนะ แหล่งน้ำพุร้อนของที่นี่ดีมากๆ แช่แล้วผิวเนียนนุ่ม ที่เรียวกังโอคาวาโซคือแบบไม่มีสี ไม่มีกลิ่นเลย

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

เส้นทางถนนเก่าแก่ พาเรามาสู่หมู่บ้านของชาวบ้านแถวนี้ เราห่างจากโซนโรงแรมมาราวหนึ่งกิโลเมตรแล้วล่ะ ถนนเล็กๆ บ้านน่ารักๆ เพลินมาก

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

จอดถ่ายรูปเป็นระยะๆ ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคือราวต้นเดือนพฤศจิกายน ทุกๆอย่างดูน่าตื่นเต้นสุดๆ เพราะความงามแบบไม่มีคำบรรยายได้จริงๆ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

พอเจอมุมนี้ลงไปก็แทบละลายเลย ฝายน้ำขนาดใหญ่ไหลลงมากระทบกับแสงแดดอ่อนๆยามบ่ายของฤดูหนาว สวยสุดๆ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างที่เราหยุดถ่ายรูปกันอยู่นั้น ก็มีรถไฟสายไอสึ (Aizu line) วิ่งผ่านรางรถไฟเหนือหัวเราไปด้วย กรี๊ด ดีใจ กดถ่ายรูปแทบไม่ทัน รถไฟกำลังจะเข้าไปสถานี Ashinomaki onsen ล่ะ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

ฝายกั้นน้ำกับวิวรถไฟ

เราปั่นกันต่อ ความเป็นชนบทนี่แหล่ะที่โคตรดึงดูดใจให้เราชอบการเที่ยวแบบช้าๆ เรื่อยๆที่สุด

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างที่ปั่นจักรยานชมวิวเพลินๆ กรี๊ด เจอรถบัสสาธารณะด้วย รถบัสเบอร์ 12 วิ่งมาจาก Aizu bus terminal มาจนถึงโซนหมู่บ้านน้ำพุร้อนอาชิโนะมากิออนเซ็นเลยนะ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ปั่นมาให้ถึงสถานี Ashinomaki onsenกันเลยจ้า ดูเหมือนจะไกล แต่พอปั่นจริงๆ สบายมากๆ ที่นี่เราแวะถ่ายรูปเล่น โดยขอยืมเสื้อคลุมจากเจ้าหน้าที่ในสถานีที่ให้ยืมถ่ายรูปฟรีได้นะ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ถ่ายเล็กๆไม่ แต่เบอร์ใหญ่ต้องไม่พลาด ก็เลยปีนป่ายกันสนุกสนานไปเลย นั่งชมพระอาทิตย์กำลังตกดินจนเพลินเกือบจะลืมกลับไปคืนรถจักรยานให้ทันเวลา

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

เพื่อนๆที่เป็นทาสแมว ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ด้วยการแวะมาส่องน้องเหมียวนายสถานีรถไฟ (งดถ่ายรูปแมว) และถ่ายรูปด้านหน้าเป็นที่ระลึกด้วยนะ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่รถไฟแต่ละขบวนมีลายแตกต่างกันไปเราเจอลายสีชมพูหวานๆ พอถ่ายรถไฟเสร็จก็แว๊บไปด้านในสถานีแมว ที่เป็นร้านขายของเกี่ยวกับแมวที่มีของเยอะมากที่สุดแห่งหนึ่ง เพื่อนๆอาจจะได้เสื้อยืด กระเป๋า ของที่ระลึกกลับบ้านไปสักชิ้นสองชิ้นเลยล่ะ

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

ด้วยมากันในฤดูใบไม้ร่วง ผลไม้หลักๆของฤดูกาลนี้ก็คงเป็นลูกพลับ ที่มีอยู่ตามริมถนนอย่างมากมาย ลูกพลับญี่ปุ่นน่ารักมากๆเลย

ปั่นจักรยานหมู่บ้านอาชิโนะมากิออนเซ็น(Ashinomaki Onsen)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

เส้นทางปั่นจักรยาน

เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)

เวลาคืนรถจักรยาน คือก่อนเวลา 17:00 น. พอคืนรถเรียบร้อยแล้วเราก็ออกมาถ่ายรูปเล่นกันที่สะพานใกล้โรงแรมกันก่อน บรรยากาศดีมากๆ

เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)

Credit:Chill Chill Trip

กลับเข้ามาในโรงแรมกันบ้าง ที่เวทีลอยน้ำตรงกลางโรงแรมนี้ มีการแสดงสดดนตรีโบราณเรียกว่า ชามิเซ็ง (Shamisen) แสดงเวลา 16:00 น.- 18:00 น.โดยอาจารย์ซาโต้ ไพเราะและงดงามมากๆ

เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)

Credit:Chill Chill Trip

และอาหารค่ำแบบฟินๆ ด้วยเมนูแบบไคเซกิเซ็ท ที่ตอนแรกคิดว่าอาจจะไม่อิ่ม แต่เอาไปเอามาก็อิ่มเหลือเกิน

เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)

Day 2

ชมวิวสะพาน

เช้านี้ตื่นมาด้วยความสดใส เรารีบคว้ากุญแจรถออกมาถ่ายรูปและออกทริปกันทันที โดยจุดมุ่งหมายเราคือ วนอุทยานคันนน แต่ๆระหว่างทางขอถ่ายรูปก่อนนะที่จุดชมวิวสะพานที่อยู่ระหว่างทางที่เราจะไปสำหรับแพลนเช้านี้ เพื่อนๆสามารถแวะชมความงามของที่นี่ได้ตลอดเส้นทางเลยนะ สวยมากๆ

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

เพื่อนๆที่ชอบถ่ายรูป อยากแนะนำให้ออกเดินทางเช้าหน่อย เพราะนอกจากจะมีรถน้อยแล้วอากาศยังดีอีกด้วย

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างการเดินทาง ก็มีจุดให้จอดถ่ายเป็นระยะๆ ปกติเราแทบจะไม่เคยเห็นการรีวิวเส้นทางโซนนี้เลย เมื่อได้มาครั้งนี้ เลยตื่นเต้นกับทุกๆวิว

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

วนอุทยานคันนน(Kannon numa forest park)

Kannon Numa Forest Park วนอุทยานคันนน เป็นจุดชมวิวและถ่ายรูปที่นักถ่ายภาพนิยมชมชอบกันมากๆ เดินทางมาง่าย ถนนขับไม่ยากเลย

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

วนอุทยาน Kannon-numa (観音沼森林公園) เป็นพื้นที่ธรรมชาติที่งดงามในเขต Minamiaizu ทางตอนใต้ของจังหวัดฟุกุชิมะ

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่มีรูทเส้นทางเดินเล่นหลายรูท เส้นทางหลักครอบคลุมระยะทางประมาณ 1.2 กม. และเดินไปรอบๆ บึงคันนน หรือ คันนน-นุมะ ซึ่งเป็นหนึ่งในไฮไลท์หลักของสวนสาธารณะนี้

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

สวนสาธารณะแห่งนี้จะเปลี่ยนไปในแต่ละฤดูกาล โดยมีดอกซากุระในฤดูใบไม้ผลิและดอกไฮเดรนเยียในฤดูร้อน และได้รับความนิยมเป็นพิเศษจากผู้มาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เอกลักษณ์คือตอไม้สีขาวมากมายที่อยู่ในบึง

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่มีความสะดวกสบายมากๆ ห้องน้ำที่สะอาด และใกล้ๆก็ยังมีจุดให้ได้เดินถ่ายรูปชมวิวได้ทั้งโซนเลยล่ะ

ชมวิวสะพาน

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

วนอุทยาน Kannon-numa

น้ำตกฮิกุระชิ (Higurashi Falls Observatory)

จากจุดนี้เราสามารถขับรถขึ้นเขาไปต่อกันที่จุดชมวิวน้ำตกฮิกุระชิ (Higurashi Falls Observatory) ใช้เวลาขับช้าๆด้วยความระวังนะคะ ไม่เกิน 15 นาทีก็มาถึงจุดจอดรถแล้ว จอดได้ราว 4 -5 คัน

น้ำตกฮิกุระชิ (Higurashi Falls Observatory)

Credit:Chill Chill Trip

น้ำตกฮิกุระชิเป็นน้ำตก 2 ชั้น สูง 40 ม. และ 15 ม. ในช่วงต้นสมัยเอโดะ เมื่ออาคินาริ คาโตะ ขุนนางศักดินาคนที่สองของไอสึ เดินทางจากเอโดะเข้ามาที่ไอสึ เขารู้สึกทึ่งกับน้ำตกแห่งนี้ที่มองเห็นได้จากฝั่งตรงข้ามของแม่น้ำ

น้ำตกฮิกุระชิ (Higurashi Falls Observatory)

Credit:Chill Chill Trip

และชื่อนี้มาจากการที่เขานั่งอยู่บนก้อนหิน และเฝ้าดูจนพระอาทิตย์ตกดิน ในป่าลึกรูปลักษณ์ที่สง่างามและไม่เกรงกลัวที่ไหลขณะสาดน้ำเป็นความงามที่สมควรเรียกว่าเป็นภูมิภาคที่ยังไม่มีใครสำรวจ

น้ำตกฮิกุระชิ (Higurashi Falls Observatory)

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างการเดินทางกลับ ก็อาจจะเห็น ร้านค้าเล็กๆตามข้างทางที่มีอาหาร ของป่า ของชาวบ้านนำมาขาย แวะเดินไปดูหน่อย

Credit:Chill Chill Trip

เห็ดน่ารักๆ เพียบเลย เอามาทำแกงเห็ดน่าจะอร่อยมากๆ ระหว่างที่เรายืนชมอยู่ ก็มีลูกค้าแวะเวียนมาซื้อเห็ดเรื่อยๆ น่าจะเพราะเป็นเห็ดที่ขึ้นตามฤดูกาล

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

น้ำตกฮิกุระชิ(Higurashi Falls)

สถานีริมทางชิโมโกะ(Michi no Eki Shimogo)

ระหว่างการเดินทางต่อไปยังจุดหมายต่อไป ซึ่งเป็นกอนโดล่าชมวิว เพื่อนๆสามารถพักเที่ยงเพื่อรับประทานอาหาร หรือเข้าห้อง หรือซื้อของฝากของกินได้ที่ สถานีริมทางชิโมโกะ (Shimogo Michi no eki)

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในตกแต่งด้วยไม้ และมีของที่ระลึกน่ารักๆ ในแบบสินค้าท้องถิ่น ทั้งของกิน ของใช้และของตกแต่งบ้าน

Credit:Chill Chill Trip

ของกินสบายๆ ขึ้นชื่อของที่นี่คือ ไอศกรีมรสวนิลาราดด้วยซอสบลูเบอร์รี่และพิซซ่าแบบกินง่ายๆ นอกเหนือจากนี้เพื่อนๆสามารถเข้าไปนั่งกินโซบะ อุด้งในร้านอาหารด้านในก็ได้นะ

Credit:Chill Chill Trip

ฝั่งระเบียงด้านนอกของร้าน สามารถนั่งชมวิวภูเขาสวยๆได้ ช่วงวันอากาศดีๆ คนนิยมมานั่งพักผ่อน กินข้าวกันที่นี่ ถือเป็นจุดเที่ยวที่น่าแวะมามากๆ

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

สถานีริมทางชิโมโกะ(Michi no Eki Shimogo)

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

จากเส้นทางนี้เราสามารถแวบไปนั่งกอนโดล่าเล่นๆได้ด้วยนะ โดยไม่เสียเวลามากเลยจ้า เราเลยพาเพื่อนเปลี่ยนบรรยากาศมาที่ นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola)

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

Credit:Chill Chill Trip

ที่ Nasu Gondola เราจะได้พบกับดอกไม้ สัตว์ และทิวทัศน์ต่างๆ ในฤดูใบไม้ผลิ ดอกแดฟโฟดิลสีสวยสดใสมากๆ ช่วงกลางตุลาคมคือใบไม้เปลี่ยนสี และช่วงฤดูหนาวที่จะเปลี่ยนที่นี่เป็นลานสกีสนุกๆ

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

Credit:Chill Chill Trip

เราสามารถเพลิดเพลินกับอากาศเย็นบนภูเขาที่ระดับความสูง 1,400 เมตร ในฤดูใบไม้ร่วง ภูเขาต่างๆ จะถูกเต็มไปด้วยด้วยสีแดง เหลือง และส้ม ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ยอดเขาหลากสีสันอันงดงามตระการตา

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

Credit:Chill Chill Trip

ด้านบนมีร้านอาหารที่ซื้อโดยตู้กดซื้อตั๋วอัตโนมัติ เข้าใจง่ายๆ ยื่นตั๋วให้พนักงานแล้วเดี๋ยวรอเรียก หรือไปยืนรอเอาก็ได้นะ รสชาติค่อนข้างดีเลยล่ะ

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

Credit:Chill Chill Trip

ด้านบนมีทั้งชิงช้าและเปลญวณ ที่ทุกคนสามารถใช้ได้ตามใจเลย ระหว่างนี้เราจะเห็นน้องหมาวิ่งเล่นตลอดเวลา เพราะที่นี่มีลานวิ่งสำหรับน้องหมาด้วย สนุกไปอีกแบบนะ แนะนำใช้เวลาที่นี่ราว 2 ชั่วโมงจ้า

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

นาสุกอนโดล่า (Nasu Gondola Mt.Jeans)

สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge)

ในช่วงบ่าย ก่อนที่เราจะเดินทางเมืองชิรากาวะ เรามาแวะถ่ายรูปเล่นที่สะพานกันก่อน นี่คือ สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge) สะพานเหล็กโค้งข้ามแม่น้ำอาบุคุมะแห่งนี้มีชื่อเสียงในฐานะจุดชมวิวสีเขียวสดของต้นฤดูร้อนและใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง

สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge)

Credit:Chill Chill Trip

สะพานนี้มีความยาว 81 เมตร และมีความสูงสูงสุด 50 เมตรจากก้นหุบเขา และเราสามารถเพลิดเพลินไปกับความรู้สึกสดชื่นที่รายล้อมไปด้วยทิวทัศน์โดยรอบขณะที่มองลงมาจากสะพาน

สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge)

Credit:Chill Chill Trip

วิวด้านข้างคือสวยมากๆ มีจุดยืนถ่ายรูปได้ และด้านล่างยังมีรูทที่สามารถเดินลงไปเล่นได้ด้วยนะ ที่จอดรถสามารถรองรับรถได้หลายคันเลย

สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge)

Credit:Chill Chill Trip

ด้านล่างมองเห็นแม่น้ำและเสียงน้ำไหลไปเรื่อยๆ แค่ยืนมองตรงนี้ก็มีความสุขแล้วล่ะ เพื่อนๆรู้ไหมว่าเราสามารถเดินเล่นที่ด้านล่างนี้ได้ด้วยนะ เดี๋ยวเราพาไปจ้า

สะพานยูกิวาริ (Yukiwari Bridge)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

สะพานยูกิวาริ(Yukiwari Bridge)

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

จากวิวด้านบน เรามาดูวิวด้านล่างกันต่อ ที่นี่แม้จะยังไม่เป็นที่รู้จักมากสำหรับคนไทยก็ตาม แต่ดูจากเส้นทางเที่ยวแล้ว เราว่าที่นี่จะเป็นที่เที่ยวในดวงใจของทุกคนได้ในไม่ช้าเลยล่ะ ขับรถมาจอดด้านล่างกันได้เลยจ้า

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างทางเดินลง ถือว่าเป็นเส้นทางที่เดินง่าย และแผนที่ก็ค่อนข้างเข้าใจง่าย จริงๆที่นี่มีน้ำตกถึง 3 แห่งเลยนะ เดินหากันได้แค่เรามีเวลา

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

Credit:Chill Chill Trip

การไต่ลงไปด้านล่างก็คือตามขั้นบันไดเหล็กนี่เลย แม้ว่าจะไม่ใช่เส้นทางยากมากแต่การเดินก็ต้องใช้ความระมัดระวังเช่นกัน

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

Credit:Chill Chill Trip

น้ำตกมีความสูงประมาณ 5 เมตรไต่ระดับไปนิดหน่อย แม้จะดูเหมือนว่าด้านข้างมีทางเรียบเนินขึ้นไปได้แต่ก็ค่อนข้างลื่นพอสมควรนะ

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

Credit:Chill Chill Trip

กระแสการไหลของน้ำสวยมากๆเลย เราว่าหน้าร้อนนี่คงสวยดี และถ้าได้นั่งเอาขาหย่อนลงไปน่าจะสนุกดีนะ

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

Credit:Chill Chill Trip

ขาลงง่าย ส่วนขาขึ้นก็ตามนั้นเลยจ้า หน้าตาบ่งบอกว่ายังไหวอยู่จ้า ค่อยๆไต่ขึ้นมานะ ระหว่างนี้ก็เก็บรูปถ่ายกันไปเรื่อยๆ

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

น้ำตกฮิโตะยาสุมิ (Hitoyasumino Falls)

สวนนันโกะ (Nanko Park)

เราอยากแนะนำสวนสาธารณะที่ดีมากๆแห่งหนึ่งของเส้นทางนี้ สวนนันโกะว่ากันว่าเป็นสวนสาธารณะที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น สร้างขึ้นโดยท่านมัตสึไดระ ซาดาโนบุ แห่งแคว้นชิราคาวะในปี ค.ศ. 1801

สวนนันโกะ (Nanko Park)

Credit:Chill Chill Trip

มีดอกซากุระโยชิโนะ (ประมาณ 800 ต้น) กุหลาบพันปี ต้นสน และต้นเมเปิ้ลที่ริมทะเลสาบ ที่เราสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ตามฤดูกาล ขอบอกว่า สวยจริงๆ (ต้นไม้นะ)

สวนนันโกะ (Nanko Park)

Credit:Chill Chill Trip

สวนสาธารณะแห่งนี้มีศาลเจ้านันโกะที่ซึ่งซาดาโนบุประดิษฐานเป็นเทพ ถัดจากศาลเจ้านันโกะคือสวนญี่ปุ่นซุยราคุเอ็นที่สวยงาม กลางทะเลสาบเป็นเกาะเล็กๆที่มีนกมาเกาะบนต้นไม้มากมาย

สวนนันโกะ (Nanko Park)

Credit:Chill Chill Trip

ช่วงใบไม้เปลีย่นสีแบบนี้ เพลินมากๆเลย แนะนำว่าให้มาถึงที่นี่ราวบ่ายสามโมงนะ อากาศกำลังเย็นสบายๆเลยล่ะ

สวนนันโกะ (Nanko Park)

Credit:Chill Chill Trip

เสน่ห์ของที่นี่คือการของอร่อยๆกิน เพราะรอบๆทะเลสาบจะมีร้านอาหาร ร้านคาเฟ่และร้านขนมท้องถิ่นอยู่หลายร้าน ต้องลองเลยจ้า (ด้านซายคือซอฟต์ครีมกับวาราบิ ขวาคือชาเขียว)

สวนนันโกะ (Nanko Park)

Credit:Chill Chill Trip

หรือในวันที่อากาศดีๆ ลมไม่แรงก็อาจจะลองพายเรือกันสักหน่อยไหม แค่นั่งชมวิว ตากแดดอุ่นๆก็มีความสุขแล้วล่ะ จริงไหม

สวนนันโกะ (Nanko Park)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

สวนนันโกะ (Nanko Park)

ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

รู้หรือไม่คะว่าที่ฟุกุชิมะก็มีอีกปราสาทที่มีชื่อเสียงไม่แพ้กันเลยนะ ปราสาทชิราคาวะโคมิเนะเป็นปราสาทญี่ปุ่นอยู่ทางเหนือของสถานีชิราคาวะ บนเส้นทางสายหลักโทโฮคุ เป็นหนึ่งในปราสาท 100 อันดับแรกของญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งใน 3 ปราสาทโทโฮคุอันดับต้นๆเลยนะ

ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

Credit:Chill Chill Trip

เนื่องจากมีกำแพงหินซึ่งหาได้ยากในภูมิภาคโทโฮคุ สร้างขึ้นในสมัยนันโบกุโจโดยยูกิ จิกาโตโมะ บนเนินเขาโคมิเนงาโอกะ ในสมัยเอโดะ

ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

Credit:Chill Chill Trip

ปราสาทโคมิเนะกลายเป็นเวทีแห่งการต่อสู้ระหว่างสงครามโบชินในปี 1868 ซึ่งกองกำลังพันธมิตรที่ภักดีต่อจักรพรรดิเมจิได้เข้าล้อมปราสาทและเอาชนะกองกำลังของไอสึ อาคารส่วนใหญ่สูญหายไประหว่างการรบครั้งนี้

ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

Credit:Chill Chill Trip

แม้ว่าด้านในปราสาทจะเล็กๆมากๆ เมื่อเทียบกับปราสาทอื่นๆ แต่กำแพงหินที่สร้างรายล้อมปราสาท ทำให้ที่นี่มีเสน่ห์มาก ด้านในเข้าชมฟรี

ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

Credit:Chill Chill Trip

เราชอบสวนด้านในที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามานั่งเล่น เดินเล่นฟรีๆ ต้นไม้ต่างๆของที่นี่น่าทึ่งมากๆ เราสามารถมานอนเล่น พักผ่อนแบบสบายๆได้เลย

ปราสาทโคมิเนะ (Shirakawa Komine Castle Ruins)

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

ปราสาทโคมิเนะ(Shirakawa Komine Castle Ruins)

Day 3

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

ก่อนจะเริ่มเดินทางกันต่อ เช้านี้ฝนตกมากมายเลย ระหว่างรอให้ฝนหยุดเราก็มานั่งกินข้าวเช้ากันที่ห้องอาหารของโรงแรม เป็นอาหารแบบบุฟเฟต์

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

เป็นที่เลื่องลือกันว่าอาหารเช้าของที่นี่นั้น อุดมสมบูรณ์มากๆ ไม่ว่าเราจะลงมากินข้าวในเวลาใดก็ตาม อาหารก็จะถูกเติมเต็มเสมอ จนถึงเวลา 9.00 (เวลาอาหารเช้า 7.00-9.00)

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

บรรยากาศที่สุดแสนจะสวยงามในต้นเดือนพฤศจิกายน ใบไม้เปลี่ยนสีเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะบนยอดเขาสูง

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

และความสวยงามก็เริ่มเผยขึ้น เมื่อมีฝนตกก็รับรู้ได้ทันทีว่าสักพักหมอกก็จะลงและความคลาสสิกก็มา สวยไหม

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

แต่ก็นะ ด้วยความที่โรงแรมมีมุมถ่ายรูปเพียบ ก็เลยอยากได้รูปถ่ายแซ่บๆกันซะหน่อย เอาล็อบบี้ของโรงแรมละกัน เท่ดี

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

เริ่มเดินทางไปถ่ายรูปกันต่อดีกว่า ระหว่างทางที่เราจะไปชมความงามของผาหินล้านปี เรามาถ่ายรูปรถไฟเล่นๆกันดีกว่า

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

จากวิวด้านบนของสะพาน เรามองไปที่ด้านล่างก็เห็นผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริได้อย่างชัดเลย วิวฝั่งนี้สวยเหมือนกันเนอะ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

ได้เวลารถไฟมาแล้ว เพื่อนๆสามารถเช็ครอบรถไฟได้จากจุดสถานี Tonohetsuri นะ เพราะจุดนี้จะถึงก่อนรถไฟจอด และจากนี่ไปสถานีก็ห่างกันไม่ถึง 1 นาทีเท่านั้นเอง (เช่น Aizuwakamatsu station – Tonohetsuri station)

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

มีขามาแล้วก็ต้องมีขากลับสินะ ซึ่งก็สามารถเช็ครูทได้จาก Tajima station – Tonohetsuri stationได้เช่นกัน ที่นี่จะอยู่เลยสถานีมานิดเดียวเหมือนเดิม ใกล้ๆเห็นน้ำตกกันไหม

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ (Tonohetsuri)

มาถึงสถานที่ๆเรียกว่า มหัศจรรย์โลกกันบ้าง โทโนเฮทสึริ ตั้งอยู่ในเขตมินามิ-ไอสึ (จังหวัดฟุกุชิมะ) ซึ่งเป็นชั้นหินรูปทรงหอคอยที่ก่อตัวขึ้นเมื่อ 28 ล้านถึง 1 ล้านปีก่อนเนื่องจากการกัดเซาะของกระแสน้ำ ลม และฝนเป็นเวลานาน

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

มีสะพานที่ทอดยาวไปนั้น จะปิดในช่วงที่มีหิมะตกเพื่อความปลอดภัย ถ้ามาแล้วอยากให้เพื่อนๆได้ลองข้ามไปฝั่งโน้นด้วยนะ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในจะเป็นศาลเจ้าเล็กๆ และเพื่อนๆยังจะได้เห็นสถาปัตยกรรมเล็กๆ ที่นักท่องเที่ยวมาทำไว้คือการเรียงหินที่ว่ากันว่าช่วยฝึกสมาธิได้อย่างดี แต่มีเงินเหรียญด้วยนี่ ก็น่าจะเพราะความเชื่อแล้วล่ะ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

ชมความสวยงามของผาหินล้านปีเสร็จแล้วก็แวบซื้อของฝากสำหรับครอบครัวกันหน่อย ของชิ้นเล็ก ถุงก็เล็กตาม ตะมุตะมิมาก ฮ่าๆ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

ช่วงใบไม้เปลี่ยนสีต้นเดือนพฤศจิกายนนี้คือเวลาทองแห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสีเลย เพื่อนๆที่มองหาจุดถ่ายรูปใบเมเปิ้ลสวยๆ ต้องมาที่นี่ให้ได้นะ สวยตาแตกมากๆ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

อดใจไม่ไหวก็ลงไปคลุกๆเลยจ้า ใบเมเปิ้ลสวยน่ารักมากๆ เลย เพื่อนๆที่ชอบเมเปิ้ลต้องไม่พลาดมาที่นี่เลยนะ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

ขนาดแค่มุมจอดรถก็ยังดูดีมากๆ ตอนแรกกะว่าจะใช้เวลาที่นี่ไม่นาน แต่เอาไปเอามา อยู่หลายชั่วโมงกันเลย เพลินมากๆ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

สถานี Tonohetsuri ที่ต้องใช้ความแม่นของเวลาและการดูทิศทางให้เป็น เพราะที่นี่เป็นรถไฟที่มีรางเดียว ต้องขึ้นให้ถูกฝั่งเลยนะ

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

Credit:Chill Chill Trip

คลิกแผนที่

จุดถ่ายรูปรถไฟใกล้ผาหินล้านปีโทโนเฮทสึริ

หมู่บ้านโออุจิจูกุ (Ouchijuku)

จุดท่องเที่ยวชื่อดังที่เพื่อนๆไม่แวะมาไม่ได้เลยล่ะ บ้านหลังคามุงจากกว่า 30 หลังตั้งอยู่ในโออุจิจุกุ ซึ่งภูมิทัศน์เมืองยังคงสะท้อนถึงสมัยเอโดะ สถานที่นี้เคยรุ่งเรืองในฐานะสถานีไปรษณีย์ตามทางหลวงไอสึตะวันตกเดิมเมื่อ 400 ปีที่แล้ว

Credit:Chill Chill Trip

สมัยก่อน เหล่าซามูไรจะใช้ที่แห่งนี้มานัดเจอพบปะเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสาร ส่งเสบียงและพักแรมก่อนเดินทางไปยังเอโดะ แม้ว่าหลังคามุงจากที่ทำจากหญ้าซูซูกิ (หญ้าเงินญี่ปุ่น) ช่วยให้บ้านเย็นในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว แต่ก็เสี่ยงต่อการเกิดเพลิงไหม้ได้ เพื่อป้องกันอันตรายดังกล่าว เค้าจะจัดให้มีการรดน้ำทั่วทั้งเมืองในวันที่ 1 กันยายนทุกปี

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่ เป็นจุดพักผ่อนที่เราชอบมาบ่อยๆ อาหารก็อร่อย คาเฟ่ก็ดีมากๆ และยังได้เห็นสินค้าท้องถิ่นแปลกๆด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip

วิธีการเดินทางกลับ Aizu wakamatsu

การเดินทาง จากสถานียูโนะคามิออนเซ็น (Yunokami onsen) มีรถบัสจอดข้างสถานี รถบัสใช้เวลาเดินทาง 15 นาที ค่าโดยสาร 1000 เยนรวมขากลับแล้ว ขากลับมีรอบเวลาที่ตั๋วโดยสาร จ่ายเงินตอนขึ้นรถได้ ถ้าขับรถยนต์มาก็คืนรถได้ แต่ถ้าเพื่อนๆพักที่โอคาวาโซและอยากกลับด้วยรถบัสโดยสารประจำทาง เพื่อความท้าทาย ฮ่าๆ ที่นี่ก็มีรถบัสไปส่งถึงสถานี Aizuwakamatsu เลยจ้า ( จริงๆ โรงแรมเค้ามีไปส่งถึงสถานี Ashinomaki Onsen ทุกรอบเวลารถไฟด้วยนะ)

Credit:Chill Chill Trip

พูดคุยสอบถามรายละเอียดวิธีการเดินทางหรือดูข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมได้ที่นี่

FacebookChillChillTrip
IGChillChillTrip
YouTubeChillChillTrip
  1. 1 ปลาหมาน้ำ หมาน้ำ หรือเจ้าปลาตีนเม็กซิโก – ซาลาแมนเดอร์ มาทำความรู้จักสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกันเถอะ
  2. 2 Hie shrine ศาลเจ้าฮิเอะ ขอพรเรื่องธุรกิจเจริญรุ่งเรือง สมหวังเรื่องความรัก ในโตเกียว Tokyo
  3. 3 ล่องเรือเที่ยววัดปากน้ำภาษีเจริญ ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลองท่าต้นสายของเรือคลองภาษีเจริญ แม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร
  4. 4 กระรอกบิน ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider) มารู้จักนิสัย ราคา การเลี้ยงดู อาหาร ตากลมแบ๊วแสนน่ารักแต่นิยมการผาดโผน
  5. 5 Saiko Iyashino Sato Nenba หมู่บ้านพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบราณพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ