
แนะนำ 5 สวน ชมดอกไม้ ต้นฤดูใบไม้ร่วงของญี่ปุ่น ก่อนไปตามล่าใบไม้เปลี่ยนสี
ประเทศญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เที่ยวได้ตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นฤดูร้อน ฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วง หรือฤดูหนาว ซึ่งในช่วงหน้าร้อนดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์พากันเบ่งบานแทบทุกภูมิภาคของญี่ปุ่น ครั้งนี้เราเลยขอแนะนำดอกไม้ที่พร้อมใจกันบานช่วงเดือนกันยายนจนถึงตุลาคมให้เพื่อน ๆ ดูกันแก้คิดถึงญี่ปุ่นนะคะ
สารบัญ
- ดอกลิลลี่แมงมุมแดง สวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ
- ต้นโคเชีย สวนโออิชิ คาวากูจิโกะ
- ทุ่งดอกคอสมอส สวนสาธารณะโชวะคิเนน
- Shinrin Park Central Gate
- ทุ่งต้นโคเชีย สวน Hana Hiroba
ดอกลิลลี่แมงมุมแดง สวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ
ช่วงเดือนกันยายน ดอกฮิกันบานะ หรือที่ดอกลิลลี่แมงมุมแดง จะพากันบาน ซึ่งสถานที่ชมที่ขึ้นชื่อและเดินทางจากโตเกียวสะดวกคงหนีไม่พ้นสวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ ที่อยู่จังหวัดไซตามะ

Credit:Chill Chill Trip
ซึ่งดอกลิลลี่แมงมุมแดงเป็นดอกไม้ที่มีความทนมาก เพราะบานอยู่ถึง สามสัปดาห์ เลยนะ ทำให้เมืองฮิดากะ ช่วงนี้เมืองจะคึกคักและเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อถ่ายรูปกับเจ้าดอกไม้สีแดงสดนี้

Credit:Chill Chill Trip
ดอกฮิกันบานะ มักบานในช่วงวันวสันตวิษุวัตในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ฮิกัน จึงเป็นที่มาของชื่อ “ฮิกันบานะ” ซึ่งหมายถึงดอกไม้ที่บานในช่วงวันวสันตวิษุวัต

Credit:Chill Chill Trip
แต่เจ้าดอกฮิกันบานะ มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า มันจูชาเงะ เคยได้ยินว่ามีคำรากศัพท์มาจากภาษาสันสกฤต จึงทำให้ดอกมันจูชาเงะ ถือเป็นดอกไม้แห่งสวรรค์

Credit:Chill Chill Trip
ซึ่งเชื่อกันว่าเมื่อมีดอกฮิกันบานะขึ้นบานบริเวณของบ้านจะมีเรื่องน่ายินดีหรือเกิดเรื่องมงคลเกิดขึ้นนั่นเอง

Credit:Chill Chill Trip
หากใครเคยมาชมดอกฮิกันบานะที่สวนแห่งนี้แล้ว คงบอกได้คำเดียวว่ายอมใจ ที่นี่สามารถนำอาหาร เครื่องดื่มมานั่งทานริมแม่น้ำได้ หากอยู่ในช่วงจัดงานชมดอกไม้ จะมีการออกร้านเพื่อขายอาหารและเครื่องดื่ม

Credit:Chill Chill Trip
เพราะเรื่องความอลังจัดเต็มของทุ่งดอกฮิกันบานะที่เมืองฮิดากะแห่งนี้ เลยมีดอกฮิกันบานะมากกว่า 5 ล้านดอกเรียงรายตลอดฝั่งแม่น้ำโคมะ

Credit:Chill Chill Trip
ดอกฮิกันบานะมี 2 สี ซึ่งเราจะเห็นสีแดงได้บ่อย เพราะเป็นที่นิยมของคนทั่วไป แต่จริง ๆ แล้วดอกฮิกันบานะ ยังมีสีขาว และสีเหลืองด้วย

Credit:Chill Chill Trip
แต่ว่าเราไม่ควรกินหรือดมดอกฮิกันบานะ เพราะเนื่องจากดอกฮิกันบานะ “มีพิษ” เพราะตัวกระเปาะของดอกฮิกันบานะ มีสารพิษที่เรียกว่า alkaloids (แอลคาลอยด์) เมื่อทานเข้าไปจะทำให้เกิดอาการตัวสั่น ปวดท้อง มีการหลั่งน้ำลายเพิ่มขึ้น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง หากใครพาเด็ก ๆ ไปเที่ยวก็ระวังน้อง ๆ เอาเข้าปากด้วยนะคะ

Credit:Chill Chill Trip
ก่อนจะจบเรื่องดอกฮิกันบานะ เรามาคุยเรื่องความหมายของสีของดอกฮิกันบานะกันตบท้ายดีกว่าเนอะ ดอกสีขาว หมายถึง ฉันเฝ้ารอวันที่เราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้ง สีเหลือง หมายถึง คิดถึงความหลัง ดอกสีแดง หมายถึง ฉันคิดถึงเพียงคุณเท่านั้น เพราะงั้นเราคิดว่าที่สวนไซตามะแห่งนี้ที่ตั้งใจปลูกสีแดงคงอยากสื่อความหมายบอกนักท่องเที่ยวว่า พวกเค้าคิดถึงพวกคุณ แล้วกลับมาเที่ยวชมที่สวนของเราใหม่นะ ฮ่าๆๆๆๆ

Credit:Chill Chill Trip
สวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ
ช่วงเวลาแนะนำ | กลาง-ปลายเดือนพฤศจิกายน ค่าเข้า 300 เยน |
Website | สวนคินชาคุดะ-มันจูชาเกะ |
การเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Seibu Ikebukuro จากสถานี Ikebukuro ลงที่สถานี Hanno และเปลี่ยนเป็นสาย Seibu Chichibu ลงที่สถานี Koma เดินต่อไปที่สวนประมาณ 15 นาที |
ต้นโคเชีย สวนโออิชิ คาวากูจิโกะ
หากเพื่อนๆ มีเวลาน้อย ไม่สะดวกไปที่สวนฮิตาชิ ที่อิบารากิ แต่อยากดูต้นโคเชียเปลี่ยนสีเป็นสีแดง เราขอแนะนำที่สวนโออิชิ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศเหนือของทะเลสาบคาวากูจิโกะ

Credit:Chill Chill Trip
สวนนี้สามารถเดินทางมาได้สะดวก และไม่ไกลจากโตเกียวมาก ที่สำคัญคือ คนไม่เยอะ และยังสามารถมองเห็นทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิได้อีกด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip
ต้นโคเชียในสมัยก่อน มักถูกนำไปตากแห้งเพื่อใช้ทำเป็นไม้กวาด ซึ่งจะเริ่มบานในช่วงฤดูร้อน พอต้นเจอแสงอาทิตย์จนเต็มที่แล้วจะกลายเป็นสีเขียวอ่อน ดูน่ารัก และยังให้ความรู้สึกนุ่มนวลเมื่อเราสัมผัส

Credit:Chill Chill Trip
และช่วงปลายกันยายนจนถึงต้นตุลาคม หรือช่วงต้นฤดูใบไม้ร่วง ต้นโคเชียจะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงครึ่งต้นตัดกับสีเขียว ทำให้รู้สึกสวยไปอีกแบบ

Credit:Chill Chill Trip
และเมื่อเข้าสู่ปลายเดือนตุลาคมหรือช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วง ต้นโคเชียก็จะกลายเป็นสีชมพูอมแดง ก้อนกลม ๆปุกปุย ให้ความรู้สึกทั้งน่ารัก ทั้งสวย และยังดูสง่างามอีกด้วย

Credit:Chill Chill Trip
หากเราสังเกตประเทศญี่ปุ่นดีๆ ที่นี่จะเน้นให้เราชื่นชมธรรมชาติและสัมผัสความงามของดอกไม้ ภูเขา ทะเล ม่านหมอก และประเพณี รวมถึงวัฒนธรรมที่แฝงอยู่เกือบทุกที่ ที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยว บางทีเราอาจไม่สามารถบอกได้ว่าสวยที่สุด ดีที่สุด เยอะที่สุด แต่เราสามารถบอกว่างดงามที่สุดได้ จากการที่เราใช้ใจสัมผัสในทุกๆสถานที่ที่เราไป

Credit:Chill Chill Trip
สวนโออิชิ คาวากูจิโกะ
ช่วงเวลาแนะนำ | ปลายตุลาคม ถึง ต้นพฤศจิกายน ค่าเข้า 300 เยน |
Website | สวนโออิชิ คาวากูจิโกะ |
การเดินทาง | นั่งรถไฟสาย Seibu Ikebukuro จากสถานี Ikebukuro ลงที่สถานี Hanno และเปลี่ยนเป็นสาย Seibu Chichibu ลงที่สถานี Koma เดินต่อไปที่สวนประมาณ 15 นาที |
ทุ่งดอกคอสมอส สวนสาธารณะโชวะคิเนน
สวนโชวะคิเนน เป็นสวนขนาดใหญ่ที่มีอาณาบริเวณกว้างกว่า 180 เฮกเตอร์ ตรงกลางสวนเป็นที่ตั้งของทุ่งมินนะ โนะ ฮารัปปะ「Minna no Harappa」

Credit:Chill Chill Trip
ภายในสวนโชวะคิเนนแห่งนี้ จะมีการจัดงานเทศกาลคอสมอสมัตสึริ ซึ่งจะมีจัดตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน~พฤศจิกายนเป็นประจำของทุกปี

Credit:Chill Chill Trip
เราจะได้เห็นดอกคอสมอสที่บานสะพรั่งไปไกลสุดลูกหูลูกตา ที่ถูกปลูกขึ้นภายในพื้นที่กว่า 20,000 ตารางเมตร

Credit:Chill Chill Trip
ในทุ่งดอกคอสมอสจะมีเส้นทางเล็ก ๆ ให้ เราสามารถเดินเข้าไปถ่ายรูปตามเส้นทางเดิน ที่เป็นช่องว่างระหว่างแปลงได้ด้วยนะ แต่อย่าเข้าไปลุยในทุ่งนะคะ …

Credit:Chill Chill Trip
ดอกคอสมอสมีหลากหลายสีสัน ทั้งสีชมพู สีม่วงไปจนถึงดอกคอสมอสที่มีสีเหลืองสุดแปลก ก็ล้วนแต่ชูช่อดอกรับแสง และบานสะพรั่งพร้อมกันให้เหล่าตากล้องและนักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับการถ่ายรูป

Credit:Chill Chill Trip
ด้วยพื้นที่มีขนาดกว้างใหญ่ หากจะเดินชมจนทั่วก็คงจะขาลาก เพราะอย่างนั้นที่นี่ก็เลยมีรถไฟวิ่งคอยรับส่งตามจุดรับส่ง หรือจะนั่งชมวิวก็ได้

Credit:Chill Chill Trip
โดยมีค่าบริการเที่ยวละ 310 เยน ตัวรถไฟมีสองแบบให้เลือก โดยมีค่าบริการเท่ากัน ชอบแบบไหนก็ขึ้นแบบนั้นได้เลยนะคะ

Credit:Chill Chill Trip
เกร็ดเล็กเกร็ดน้อย ก่อนจบบทความดอกคอสมอส ดอกคอสมอส หรือที่หลายคนเรียกว่า ดอกดาวกระจาย มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ ดอกคอสมอสมีรูปร่างเหมือนซากุระ ดังนั้นชื่อของดอกคอสมอสในตัวอักษรคันจิ จึงมีความหมายว่า ซากุระฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งความหมายสำหรับคนญี่ปุ่น หมายถึง เด็กสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา

Credit:Chill Chill Trip
สวนสาธารณะโชวะคิเนน
ช่วงเวลาแนะนำ | (Nov 1 to the end of Feb. 9:30 to 16:30) (March 1 to Oct. 31 ,9:30 to 17:00) ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 450 เยน เด็กเข้าฟรี |
Website | สวนสาธารณะโชวะคิเนน |
การเดินทาง | การเดินทาง จากสถานี Shinjuku นั่งรถไฟสาย JR Chuo ลงที่สถานี Tachikawa และเดินต่ออีก 15 นาที ใช้เวลาเดินทาง 35 นาที ค่ารถไฟ 470 เยน หรือเปลี่ยนขบวนแล้วต่อรถไฟไปลงที่สถานี Nishi-Tachikawa เดิน 2 นาที |
ดอกหงอนไก่ Shinrin Park Central Gate
Shinrin park หรือ Musashi-Kyuryo National Government Park ตั้งอยู่บนพื้นที่เนินเขาสูง ถึง 304 เฮกตาร์และเป็นสวนสาธารณะแห่งแรกในญี่ปุ่น

Credit:Chill Chill Trip
สวนแห่งนี้สร้างจากต้นไม้ที่ทำให้มีสภาพแวดล้อมที่หลากหลายรวมถึงสระน้ำบึงและทุ่งหญ้าและเป็นที่อยู่ของพืชและสัตว์อันมีคุณค่า

Credit:Chill Chill Trip
สวนสาธารณะแห่งนี้ยังเป็นที่นิยมในฐานะสถานที่พักผ่อนตามธรรมชาตินอกเขตเมือง และปลูกดอกไม้ตามฤดูกาลเพื่อความสวยงามและต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยือน ทั้งมาถ่ายรูปและมาตั้งเดย์แคมป์

Credit:Chill Chill Trip
สวนสาธารณะนี้มีขนาดประมาณ 65 เท่าของโตเกียวโดม เต็มไปด้วยอุปกรณ์การเล่นและพื้นที่ เช่น แทรมโพลีนอากาศที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น( Ponpoko Mountain ) สนามกีฬา Adventure Courses และสนามหญ้าขนาดใหญ่รวมถึงสถานที่เล่นน้ำ ทุกคนในครอบครัวได้ออกออกกำลังกายด้วยกันได้ มีจักรยานให้เช่าปั่นด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างทางที่ปั่นจักรยานไป เรายังสามารถชมพันธุ์ไม้นานาชนิดรวมทั้งเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ต้นไม้และดอกไม้ทั้งสี่ฤดูกาล โดยเฉพาะดอกหงอนไก่นี้ สวยงามมากๆ มีสีชมพู แดง เหลือง ส้ม

Credit:Chill Chill Trip
มีเก้าอี้ให้นั่งเพื่อพักผ่อนและชื่นชมกับบรรยากาศได้อย่างช้าๆสบายๆ รอบๆบริเวณนี้ก็มีร้านค้าจำหน่ายอาหาร ขนม เครื่องดื่ม แต่จริงๆแล้วเราก็สามารถนำเบนโตะเข้ามานั่งทานในสวนได้ด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip
ดอกโซบะสีแดง ปกติจะเห็นดอกโซบะสีขาวตามทุ่งที่ปลูก แต่คราวนี้เราได้มาเห็นดอกโซบะสีแดง ซึ่งว่ากันว่าหายาก แต่สวยน่ารักมากๆ

Credit:Chill Chill Trip
Musashi-Kyuryo National Government Park
ช่วงเวลาแนะนำ | ช่วงกลางเดือนตุลาคม ถึง ต้นพฤศจิกายน 9.30 – 16.30 น. ผู้ใหญ่ 450 เยน เด็กมัธยมต้นและต่ำกว่า เข้าฟรี |
Website | Musashi-Kyuryo National Government Park |
การเดินทาง | สาย Tobu Tojo Line ลงที่ Shinrin-koen Station ทางออก North Exit จากนั้นขึ้นรถบัสเพื่อไปลงที่ป้าย Shinrin-koen (ระยะทาง 3 กม.) สาย JR Takasaki Line ลงที่ Kumagaya Station |
ทุ่งต้นโคเชีย สวน Hana Hiroba
นอกจากแถบนี้จะมีโรงแรมที่พักที่ติดทะเลสามารถเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจได้อย่างง่ายๆจากนาโกย่าแล้ว ยังมีที่เที่ยวมากมาย เช่น สวนดอกไม้ ที่สวน Hana Hiroba หรือชื่อทางการเค้าคือ Kanko Noen Hana Hiroba Tourist Farm ซึ่งเป็นสวนขนาดใหญ่มากๆและมีดอกไม้สวยงามตามฤดูกาล

Credit:Chill Chill Trip
จริงๆแล้วดอกทานตะวันนั้นบานช่วงเดือนกลางเดือนสิงหาคม แต่สำหรับที่นี่เป็นเนินเขาสูง จึงบานช้าหน่อยคือราวปลายเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป

Credit:Chill Chill Trip
สำหรับดอกไม้อื่นๆ ก็มีให้ได้เดินชมเช่นกัน เรียกว่า ดอกโมโมอิโระโทอิคิ แปลว่า สวยจนต้องถอนหายใจ (หูย เปรียบราวกับสวยมาก) ดัดแปลงพันธุ์มาจากพันธุ์พิทูเนีย โดยคุณอาเคมิ ซุงิอิ ร่วมกับมหาวิทยาลัยจิบะ ปกติเราจะเห็นได้ตามริมถนน สำหรับที่นี่ปลูกเป็นพุ่มยาวสวยเชียว เดินเข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆก็ได้นะ

Credit:Chill Chill Trip
ที่อยากแนะนำคือ ทุ่งต้นโคเชียแห่งภูมิภาคจูบุ ที่จะเปลี่ยนทุ่งนี้ทั้งหมดให้เป็นสีแดงเมื่อยามปลายเดือนตุลาคมที่อากาศเริ่มหนาวเย็นลงและเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง

Credit:Chill Chill Trip
สวน Hana Hiroba
ช่วงเวลาแนะนำ | สำหรับรายละเอียด การชมดอกไม้ของที่นี่ก็ตามนี้เลย ดอกป๊อปปี้ ดอกดาวเรือง กลางมีนาคม – พฤษภาคม ดอกฟรีเซีย ต้นเดือนมีนาคม – เมษายน ดอกไอริส ต้นเมษายน – พฤษภาคม ดอกไฮเดรนเยียร์ กลางพฤษภาคม –ปลายมิถุนายน ดอกนาโนฮานะ กลางเดือนธันวาคม – ต้นเดือนมีนาคม ทุ่งต้นโคเชีย ต้นเดือนกรกฎาคม (สีเขียว) – ปลายเดือนพฤศจิกายน *เริ่มเปลี่ยนสีแดง ช่วงเดือนตุลาคม คอสมอส ต้นตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน |
Website | สวน Hana Hiroba |
การเดินทาง | จากสถานี Meitetsu Nagoya นั่งรถไฟสาย Kowa line มาลงที่สถานี Kowa ใช้เวลา 45 นาทีค่ารถไฟ 920 เยน แล้วนั่งรถบัสสาย Umikko Toyohama (豊浜線Toyohama-sen)อีกราว 20 นาที ค่ารถบัส 300 เยน ลงที่ป้าย Tai Matsuri Hiroba/Hana Hiroba-mae แล้วเดินต่อราว 10-20 นาที |
รีวิวนิยม
-
1 เที่ยวอิบารากิ ชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สะพานแขวนข้ามน้ำตกชิโอมิ ที่เมืองทาคาฮากิ
-
2 เที่ยวYamanashi ปีนภูเขา Mitsutoge ที่สุดแห่งการชมใบไม้เปลี่ยนสี ภูเขาใกล้โตเกียว ที่เดินทางสะดวก
-
3 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
-
4 เที่ยวปีนัง ประเทศมาเลเซีย ไปเดินเล่นที่หมู่บ้านชาวประมง Chew Jetty
-
5 Saiko Iyashino Sato Nenba หมู่บ้านพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งโบราณพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดอลังการ