Fuji Camp 2 วัน 1 คืน งบ 5000 เยน นอนเต็นท์ชมดาว กินข้าวกลางสนามหญ้า สบตาภูเขาไฟฟูจิ
เที่ยวแบบสายลุย แคมป์ปิ้งวิวภูเขาไฟฟูจิ ใกล้ชิดธรรมชาติกับบรรยากาศสุดแสนประทับใจ นอนชมฟูจิกันตั้งแต่ตื่นนอนเลย
สารบัญ
- ทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka)
- Yamanaka Panoramadai View Point
- ฮานาโนะมิยาโกะ (Hanano Miyako Park)
- หมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะฮัคไค (Oshinohakkai)
- ศาลเจ้าฟูจิโยชิดะเซนเกน Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Jinja
- อิเดโบคุ Cow Resort IDEBOK
- ฟาร์มฮิโตอาน่า Hitoana farm
- ฟูจิมิรุขุลันโดะ Fuji Milk Land
- คาเซนโนะยุ Kazenoyu (風の湯)
ท่องเที่ยวญี่ปุ่นแนวใหม่ในครั้งนี้ ชิลชิลทริปพาเพื่อนๆไปลองประสบการณ์ตั้งเต็นท์นอนกันที่แคมป์ในจ.ชิซุโอกะ (Shizuoka) วิวภูเขาไฟฟูจิกัน โดยเราขับรถกันมาจากโตเกียว เพื่อนๆสามารถดูข้อมูลการเช่ารถได้จากเว็บไซต์ด้านล่าง ซึ่งการเช่ารถขับจะช่วยให้ทริปนี้สะดวกขึ้นเยอะ เพราะเราจะแวะหลายจุดรอบภูเขาไฟฟูจิ
Credit:Chill Chill Trip
ทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka)
เราเดินทางมาถึงที่ทะเลสาบยามานาคาก่อนเลย (Lake Yamanaka) ซึ่งที่นี่เป็นทะเลสาบที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 1 ใน 5 ทะเลสาบรอลภูเขาไฟฟูจิ แน่นอนว่าการเดินทางนั้น ต้องมาตั้งแต่ ตี 4 เพื่อจะได้มาถึงที่นี่ในเวลาไม่เกิน 5.30 น. เวลาที่แสงจะสว่างยามเช้าในเดือนตุลาคม *ใครแพลนจะมาชมแสงเช้า ต้องเช่ารถไว้ล่วงหน้านะ เพราะต้องเดินทางแต่เช้ามืด
Credit:Chill Chill Trip
ทะเลสาบยามานาคาในยามเช้า เป็นวิวที่สวย สงบมากๆ น้ำในทะเลสาบยังคงสงบนิ่ง มีแค่น้ำที่กระเพื่อมเป็นระยะจากการขยับของแมลงบ้าง ปลาบ้าง หรือหงส์ที่พากันว่ายไปมาทักทายผู้คนที่มาวิ่งออกกำลังกายยามเช้า
Credit:Chill Chill Trip
Yamanaka Panoramadai View Point
หลังจากถ่ายภาพจนแทบจะลืมเวลากัน เราก็รีบบึ่งรถออกไปยังจุดชมวิวฟูจิยอดนิยมที่อยู่บนเขา เราเรียกจุดนี้ว่า Panoramadai View Point ที่อยู่ไม่ไกลจากทะเลสาบยามานาคามากนัก ใช้เวลาขับขึ้นมาบนเขาไม่เกิน 10 นาทีก็ถึงแล้ว
Credit:Chill Chill Trip
เราเพิ่งเห็นว่า การได้มาชมธรรมชาติยามเช้านี้ ทำให้เราได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ความสวยของภาพอยู่ที่แสงเช้าที่ละมุน อ่อนโยน และอบอุ่น
Credit:Chill Chill Trip
ไม่แปลกใจเลยที่ช่างภาพทั้งหลาย ใช้ความพยายามอย่างมากในการปีนขึ้นมาบนเขาตั้งแต่กลางคืน เพื่อมาชมช่วงเวลาอันสั้น แค่ไม่เกิน 15 นาทีที่เราจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิสีแดง ก่อนจะเปลี่ยนเป็นฟ้า แบบที่เห็นกันตลอดทั้งวัน
Credit:Chill Chill Trip
ช่วงกลางเดือนตุลาคม เป็นช่วงที่ใบไม้บนภูเขาสูงจะเริ่มเปลี่ยนสีกัน แล้วจะค่อยๆไล่ลงไปที่โซนหมู่บ้านน้ำใส คาวากูจิโกะ อุโมงค์เมเปิ้ลที่จะสวยในช่วงต้นธันวาคม สำหรับใครที่อยากมาถ่ายภาพมุมนี้ ต้องมาด้วยรถยนต์ มีที่จอดฟรีประมาณ 10 คัน
Credit:Chill Chill Trip
ชมวิวเสร็จแล้วทานขนมปังเป็นอาหารเช้ากันนะ การได้นั่งชมวิวสวยๆแบบนี้ในเวลาอาหารเช้า เป็นช่วงเวลาที่แสนจะพิเศษจริงๆ
Credit:Chill Chill Trip
แล้วขับรถกันลงด้านล่าง เพื่อมาจอดแวะถ่ายภาพกันที่ทะเลสาบยามานาคา(Lake Yamanaka) ช่วงเวลานี้น้ำยังคงนิ่ง ถ้าไม่มีลมพัดเราอาจจะได้เห็นภูเขาไฟฟูจิอีกลูกสะท้อนที่บนผิวน้ำ
Credit:Chill Chill Trip
อากาศสดใส มายิ้มรับให้กับวันใหม่กันดีกว่า ที่ยังยิ้มได้เพราะว่ายังไม่หิวหรอกน่า สำหรับเช้านี้ มุมนี้ยังไม่มีหงส์ว่ายน้ำผ่านมา ต้องเข้าใจนะว่าหงส์มีแค่ไม่กี่ตัว กว่าจะว่ายน้ำวนรอบทะเลสาบทักทายผู้คนก็ใช้เวลาอยู่ ฮา
Credit:Chill Chill Trip
ช่วงเดือนนี้ น้ำในทะเลสาบต่างก็สูงขึ้น ปกติริมตลิ่งนี้จะมีน้ำน้อยกว่านี้ เดี๋ยวพอฤดูหนาวที่นี่จะเปลี่ยนเป็นทะเลสาบน้ำแข็ง
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่ถือเป็นมุมประจำของครอบครัวชิลชิลทริปก็ว่าได้ ไม่ว่าใครจะมาเที่ยวฟูจิก็ต้องมา ทะเลสาบยามานาคามีความลึกถึง 13.5 m ว่ากันว่าเมื่อมองมุมสูงจะมีรูปร่างคล้ายปลาวาฬ กิจกรรมหน้าหนาวคือการตกปลาวาคาซากิ wakasagi
Credit:Chill Chill Trip
ความสดใสของธรรมชาติยังเผื่อแผ่มายังยอดของต้นไม้ที่ขึ้นตามดินด้วย น้ำค้างยังคงเกาะตามกลีบใบให้เราเห็นและได้รับรู้ถึงความสดชื่น
Credit:Chill Chill Trip
แสงเริ่มมาเยอะแล้ว รีบเดินทางท่องเที่ยวกันต่อดีกว่า เส้นทางแถบนี้มีรถบัสผ่านด้วยนะ เผื่อใครอยากเที่ยวแบบทั่วไป สามารถขึ้นรถบัส/ซื้อพาสรถบัสได้ที่สถานีคาวากูจิโกะเลย เอาล่ะ มากันที่สวนดอกไม้ฮานาโนะมิยาโกะ(Hanano Miyako Park) กัน ตรงข้ามสวนมีที่จอดรถนะ ครั้งละ 300 เยน (จ่ายเงินตอนออก)
Credit:Chill Chill Trip
ฮานาโนะมิยาโกะ (Hanano Miyako Park)
เป็นสวนดอกไม้ที่เราชอบมากๆ เพราะมีดอกไม้ตามฤดูกาลตลอดทั้งปี ด้านในก็มีโรงเรือนปลูกต้นไม้เขตร้อน มีน้ำตกเล็กๆ มีร้านอาหาร สำหรับใครที่ไม่มีเวลามาก ด้านนอกคือสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ ช่วงตุลาคมมีดอกบานชื่น ดอกคอสมอสและดอกทานตะวัน
Credit:Chill Chill Trip
การถ่ายภาพดอกคอสมอสนี่คือความทุลักทุเลที่สุด ฮ่าๆ เพราะไม่มีทางเดินเป็นร่องเหมือนสวนดอกอื่นๆ แต่ก็ไม่เกินความสามารถของทีมเรา ถ้าเข้าไปแล้วออกมาไม่ได้ โปรดเดินมาเช็คกันด้วยนะ อาจจะโดนงูฉกนอนสลบอยู่ก็ได้ ฮา
Credit:Chill Chill Trip
เอ็นดูดอกทานตะวันที่แม้ว่าจะปลูกกันน้อยก็ตาม แต่ก็เต็มไปด้วยคุณภาพ ดอกใหญ่ สวย และทำให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นเยอะเลย
Credit:Chill Chill Trip
ความมีเสน่ห์ของเดือนตุลาคมคือ ทุ่งนาสีทอง และนี่ก็เป็นมุมประจำของเราอีกเช่นเคย การขับรถเที่ยวทำให้เราได้มุมใหม่ๆเสมอ เพราะจอดทุกที่ๆจอดได้
Credit:Chill Chill Trip
หมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะฮัคไค (Oshinohakkai)
ไม่เกิน 10 นาทีเราก็เดินทางมาถึงหมู่บ้านน้ำใสโอชิโนะฮัคไค (Oshinohakkai) ซึ่งเราเคยเขียนรีวิวลงบทความกันไปก่อนหน้านี้แล้ว Oshino Hakkai หรือทะเลทั้งแปดแห่ง Oshino เป็นสระน้ำ 8 แห่งที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lakes) บนพื้นที่ของทะเลสาบที่หก ที่เก่าและแห้งแล้งไปเมื่อหลายศตวรรษก่อน
Credit:Chill Chill Trip
บ่อน้ำทั้ง 8 แห่งถูกหิมะละลายจากเนินภูเขาไฟฟูจิที่ไหลผ่านภูเขาผ่านชั้นหินภูเขาไฟที่มีรูพรุนตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษ ทำให้น้ำในบ่อที่อุดมด้วยแร่ธาตุมีความใสและบริสุทธิ์อย่างน่าทึ่ง
Credit:Chill Chill Trip
โอชิโนะฮัคไค (Oshino Hakkai) เป็นส่วนหนึ่งของ Mt. Fuji UNESCO World Cultural Heritage Site ที่กำหนดในปี 2013 สระน้ำนี้เดิมรู้จักกันในชื่อ Fujisan Nemoto Hakko Sacred Grounds หรือ Moto-Hakko
Credit:Chill Chill Trip
เลข 8 เป็นจำนวนที่มีนัยสำคัญในพระพุทธศาสนาและการสร้างสระน้ำทั้งแปดแห่งเป็นส่วนสำคัญของการบูชาภูเขาไฟฟูจิ กลุ่มผู้ศรัทธาศาสนาจะชำระตัวเองในสระน้ำก่อนที่จะปีนภูเขาไฟฟูจิ อย่างไรก็ตาม การบูชาภูเขาไฟฟูจิได้ลดลงหลังจากปี พ.ศ. 2411 เมื่อรัฐบาลใหม่ที่นำโดยจักรพรรดิเมจิได้ดำเนินมาตรการเพื่อลดความมั่งคั่งและอำนาจอันยิ่งใหญ่ของนิกายในพุทธศาสนา และการสรงน้ำทางศาสนาที่สระน้ำก็ค่อยๆ หยุดลง
Credit:Chill Chill Trip
สระนี้ก็เป็นสระที่มีชื่อเสียงอีกบ่อ ด้านบนเป็นร้านขายอาหารท้องถิ่นของชาวยามานาชิ เรียกว่า โฮโต คล้ายเส้นอุด้งแต่มีลักษณะแบน ต้มทานร่วมกับผักต่างๆ มาแล้วไม่ควรพลาดที่จะลองชิมนะ ว่ากันว่าใต้บ่อน้ำมีช่องโพรงเล็กๆสำหรับคนเข้าไปได้ด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่ยังคงความเป็นท้องถิ่นเอาไว้เหมือนเดิม ขอแนะนำ Kusa mochi (草餅 แปลตามตัวอักษรว่า “grass mochi”) หรือที่เรียกว่า yomogi mochi (蓬餅: mugwort rice cake) เป็นขนมหวานญี่ปุ่น เค้าจะย่างหอมๆ ด้านในเป็นไส้ถั่วแดง
Credit:Chill Chill Trip
ศาลเจ้าฟูจิโยชิดะเซนเกน Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Jinja
หากมาเที่ยวภูเขาไฟฟูจิแล้วไม่มาไหว้ขอพรที่นี่ก็จะดูเหมือนมาไม่ถึงนะ ที่นี่คือศาลเจ้าสำคัญของภูเขาไฟฟูจิ จริงๆ ศาลเจ้านี้มีชื่อว่า “Kitaguchi Hongu Fuji Sengen Jinja” “jinja” เป็นคำที่แปลว่า “ศาลเจ้า” “เซนเก็น” ที่อ่านว่า “อาซามะ” แบบดั้งเดิม ก็เกี่ยวข้องกับการบูชาภูเขาไฟแบบชินโต เสาโทริอิสีแดงนี้มีความสูงถึง 18 เมตรเลยนะ
Credit:Chill Chill Trip
สมัยก่อน ผู้คนจะมาชำระล้างร่างกายที่นี่ก่อนเดินขึ้นปีนภูเขาไฟฟูจิ มีงานเทศกาลไฟเพื่อบูชาเทพเจ้า มีการขอบคุณและขอพรให้ปกปักษ์รักษาสาธารณะประโยชน์ สงบสุขแก่ผู้ที่ขึ้นปีนภูเขาไฟไปจนถึงช่วงปิดฤดูกาลปีนเขา เทศกาลไฟของที่นี่ถูกกำหนดให้เป็น1ใน3ของเทศกาลที่มีเอกลักษณ์ที่สุดของญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
ด้านหน้าอาคารหลักมีต้นไม้ขนาดใหญ่ที่มีอายุหลายร้อยปี เรียกว่า Gashinboku (Sacred Grove) ต้นไม้เหล่านี้ถูกกำหนดให้เป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติ มีอายุประมาณ 1,000 ปี และเชื่อกันว่าเป็นผู้ปกป้องศาลเจ้า
บ่อสำหรับชำระล้างร่างกายให้สะอาดก่อนที่จะเข้าไปสักการะด้านใน สมัยนี้ปรับเปลี่ยนขั้นตอนไปตามสถานการณ์โดยมีน้ำไหลออกมาโดยที่ไม่ต้องจับกระบวยเหมือนก่อน
Credit:Chill Chill Trip
ศาลเจ้านี้เป็นหนึ่งในศาลเจ้าหลายแห่งที่อุทิศให้กับ Konohana-sakuya Hime (เจ้าหญิงแห่งต้นไม้) ซึ่งเป็นเทพธิดาชินโตที่เกี่ยวข้องกับภูเขาไฟฟูจิ ศาลเจ้าแห่งนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นดั้งเดิมของเส้นทางโยชิดะของฟูจิ ซึ่งทอดยาวไปจนถึงยอดเขาฟูจิ หลายคนยังคงมาที่ศาลเจ้าก่อนที่จะปีนขึ้นไปเพื่ออธิษฐานขอให้ปีนขึ้นอย่างปลอดภัย
Credit:Chill Chill Trip
ห้องโถงหลักอันวิจิตร ซึ่งยังทาสีแดงสด มีอายุย้อนไปถึงปี 1615 ภายในตกแต่งด้วยโคมไฟ ภาพวาด และหน้ากากไม้ขนาดใหญ่สองชิ้นที่มองลงมาที่ผู้บูชา
Credit:Chill Chill Trip
เครื่องรางมากมายถูกวางเอาไว้เพื่อให้ผู้ศรัทธาเลือกไปบูชาตามความต้องการ แผ่นไม้ด้านหน้าเรียกว่า เอมะ สำหรับเขียนคำอธิษฐานให้สมหวังหรือเขียนขอบคุณหลังคำอธิษฐานสมหวัง
Credit:Chill Chill Trip
สองข้างทางของทางเข้าจะมีโคมหินตะไคร่น้ำเรียงรายอยู่หลายโคม ซึ่งอุทิศโดยผู้ศรัทธาที่สร้างบรรยากาศเคร่งขรึม ด้านหลังเป็นป่ากว้าง บริเวณนี้ครอบคลุมพื้นที่ 99,000 ตร.ม. และเป็นหนึ่งในศาลเจ้าป่าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างทางที่จะไปแคมป์ในคืนนี้ จะให้อดใจไหวกับวิวแบบนี้ได้อย่างไร ไปไม่เคยทันที่ไหนเลยเพราะมัวแต่หยุดรถลงไปถ่ายรูป เอ้าลงรถ (ริมถนนจะมีจุดเว้าที่จอดได้ เพื่อความปลอดภัย)
Credit:Chill Chill Trip
เรายังคงลัดเลาะไปเรื่อยๆ แล้วแถบนี้คือมีต้นหญ้าซูซูกิเยอะมาก ซึ่งถือเป็นต้นไม้ที่สวยและทำให้บรรยากาศช่วงใบไม้ร่วงดูโรแมนติกมากขึ้น
Credit:Chill Chill Trip
Cow Resort IDEBOK
ก่อนจะถึงแคมป์ที่พัก มีอีกที่จะแนะนำ นั่นคือ Cow Resort IDEBOK เป็นหนึ่งทางเลือกสำหรับคนที่มีรถแล้วมีแคมป์ปิ้งคาร์มาด้วย ด้านบนมีที่จอดรถได้ 15 คัน ภายในนี้มีอุปกรณ์ให้เช่าเพื่อแคมป์ปิ้ง เช่น เตาถ่าน ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำ จักรยานเช่า หรือจะมาซื้อเซ็ทเนื้อย่างทานก็ได้ แบบไม่ต้องเหนื่อยจัดการ
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับที่นี่คือร้านอาหาร และขนมหวานที่เราจะมาแวะเพื่อพักสักหน่อย ชมวิว ก่อนจะเดินทางต่อ มีเพลงเปิดเบาๆ บรรยากาศดีเลยล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
ด้านนอกมีโซนปิ้งย่าง สามารถมาได้เลยแม้ไม่ต้องถืออุปกรณ์มา มาเช่าเตาปิ้งย่างอันละ 3000 เยน แล้วบวกค่าเซ็ทเนื้อย่างคนละ 1800 เยน ให้เวลา 2 ชั่วโมง
Credit:Chill Chill Trip
แต่ผลิตภัณ์ที่น่าสนใจของที่นี่คือ นม ที่มีทั้งนมสด ไอศครีม และโรงงานผลิตชีส มั่นใจได้แน่นอนว่าเราจะได้ทานแบบสด อร่อยและเข้มข้น น้องๆหนูๆสามารถเดินไปเล่นกับม้าโพนี่ได้นะ
Credit:Chill Chill Trip
ฟาร์มฮิโตอาน่า Hitoana farm
การมาเที่ยวต่างจังหวัด เราชอบการแวะซื้อผลไม้ข้างทางมากๆเลย เพราะจะได้ผลไม้ที่สดและราคาไม่แพงมาก ซึ่งครั้งนี้เราไปที่ฟาร์มฮิโตอาน่า ที่เป็นทางผ่านในรูทของพวกเราพอดี ช่วงนี้เป็นองุ่น และจ.ยามานาชิก็เป็นแหล่งปลูกองุ่นไชน์มัสคัตด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
และก็เป็นเริ่มฤดูกาลแอปเปิ้ลกับสาลี่ ผลไม้ที่นี่ลูกใหญ่และสดมาก นอกจากผลไม้ก็มีเห็ดป่าต่างๆ
Credit:Chill Chill Trip
ฟูจิมิรุขุลันโดะ Fuji Milk Land
ได้ของเรียบร้อยแล้ว คืนนี้เราสบายแล้วล่ะ ก็ออกเดินทางกันไปที่แคมป์กัน เรามาถึงที่นี่ในเวลา 15.00 น. ที่ๆเราจะนอนคืนนี้คือ Fuji Milk Land ซึ่งเข้าสู่จ.ชิซุโอกะแล้ว
Credit:Chill Chill Trip
ขับรถเข้ามาที่ด้านในไปตามถนนเรื่อยๆถึงด้านหลังเลยนะ ผ่านโซนที่พักลอดจ์สวยๆแล้วจะเข้าสู่ถนนดินเล็กๆ ขับมาต่อเลย จะเจอจุดลงทะเบียน เราจองผ่านทางเน็ตมาเรียบร้อย มาจ่ายเงินสดที่นี่ ในราคาคืนละ 3850 เยน/กรุ๊ป สามารถขอซื้อถุงขยะได้ เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระอีก ในราคา 100 เยน
Credit:Chill Chill Trip
แล้วเราสามารถเลือกจุดจอดกางเต็นท์ของเราได้อย่างอิสระเสรี นี่ก็วิ่งไปมาเพื่อเล็งมุมที่ดีที่สุด เราชอบไปนอนที่ๆคนน้อยหน่อย เพราะจะได้เงียบๆ และเข้าห้องน้ำสบายด้วย โซนนี้คือ キャンプエリアA(車) หรือโซน A แต่ถ้ามาคนเดียวก็มีอีกโซนด้านหน้าที่เค้าแนะนำนะ
Credit:Chill Chill Trip
จอดรถแล้วก็กางเต็นท์เลยจ้า สีสันของการแคมป์ปิ้งคือการได้เลือกเต็นท์ที่ชอบมานอน แล้วยังได้มองดูแฟชั่นของเต็นท์คนอื่นๆด้วย
Credit:Chill Chill Trip
ใช้เวลาประมาณ 20 นาที เต็นท์น้อยๆของเราก็ประกอบขึ้นเป็นรูปร่างที่พร้อมให้เข้าไปพักคืนนี้แล้ว เห็นวิวฟูจิแล้วฟินสุดๆ
Credit:Chill Chill Trip
อุปกรณ์ในการช่วยให้เราประทังชีวิตรอดในคืนนี้ก็คือ เตาถ่าน ถ่าน หัวเชื้อ ไฟแช็ค ถุงมือ ถ้าใครไปแคมป์ที่ไม่มีอุปกรณ์ให้เช่า สามารถค้นหาจากเน็ต เช่าจากที่ร้านแล้วถือไปก็ได้นะ
Credit:Chill Chill Trip
การก่อไฟไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป ถ่านจากร้านร้อยเยนก็ใช้ดีมากเลยล่ะ จุดไฟลงที่หัวเชื้อ อันนี้อย่าลืมซื้อมานะ เพราะช่วยให้การติดไฟง่ายขึ้นมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
จากนั้น นั่งฟังเพลง สบายใจ รอเวลาถ่านร้อนแล้วค่อยเริ่มทำอาหารกันดีกว่า ระหว่างนี้มีของกินอะไรก็ขนออกมาให้หมด วิวฟูจิฝั่งนี้เป็นวิวสวยของช่วงบ่าย เราเลยจะเห็นภูเขาไฟฟูจิสีสวย
Credit:Chill Chill Trip
สีสันของการนอนเต็นท์คือมันเทศเผาจ้า อากาศกำลังดี ไม่หนาวมาก ช่วงเดือนตุลาคมนี่เหมาะแก่การนอนเต็นท์สุดๆ จริงๆที่ Fuji Milk Land มีกิจกรรมหลายอย่างนะ ทั้งสัตว์เลี้ยง เครื่องเล่นเด็กๆ และร้านขายขนมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์นม แนะนำควรมาก่อนเวลา เพื่อได้เดินเล่น (เช็คอินได้ตั้งแต่ 13.00 น.)
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อยล้ามาทั้งวัน จากนี้ก็ได้เวลาทำโยคะ เพื่อให้เส้นสายได้ยืด ไม่อย่างนั้นอาจจะมีบางคนนอนเกร็งกลางดึกคืนนี้
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับสาวน้อยอย่างเรา ก็ต้องดื่มน้ำผลไม้ก่อนเพื่อความสดชื่น ดูท่าดื่มแล้วคงรู้แล้วสินะว่าฟินขนาดไหน
Credit:Chill Chill Trip
เย้ๆ ในที่สุดเต็นท์สวยๆพร้อมหลอดไฟหรูหราก็ถูกประดับอย่างงดงามราวกับในเทพนิยาย(นิยายปรัมปรา)
Credit:Chill Chill Trip
รอบข้างเต็มไปด้วยความมืด และความเงียบ มีเสียงคนคุยเป็นระยะๆ แนะนำว่าควรเตรียมไฟฉายหรือ ตะเกียงที่ส่องสว่างนานๆมาให้ดีๆ เพราะมืดจริงๆ แต่บรรยากาศก็ดีมาก ไม่หนาวมาก ประมาณ 15 องศา เมนูคืนนี้ ลูกชิ้นปิ้ง ก๋วยเตี๋ยวจ้า
Credit:Chill Chill Trip
คาเซนโนะยุ Kazenoyu (風の湯)
ใครที่สงสัยว่า ไม่มีห้องอาบน้ำแล้วอาบน้ำกันได้อย่างไร คือแคมป์ของญี่ปุ่นเค้าจะตั้งไว้ในโซนที่ใกล้กับออนเซ็น แต่ถ้าพวกที่เป็นนักเดินป่าจริงๆ เค้าก็ไม่อาบน้ำกันจ้า ถ้าเราออกมาจากแคมป์ที่ถนนใหญ่ ให้ไปทางขวา ขับรถไป 2 นาทีจะเจอออนเซ็นด้านขวามือ เลี้ยวไปจอดเลยจ๊ะ ชื่อ Kazenoyu (風の湯) ราคาคนละ 600 เยน เตรียมผ้าขนหนูไปด้วยนะ หรือไปเช่าก็ได้ ราคาไม่แพง
Credit:Chill Chill Trip
ดูความสวยงามของบรรยากาศกลางป่าในคืนนี้ของเรา มองเห็นดวงดาวเต็มท้องฟ้าไปหมดเลย เพื่อนๆล่ะ อยากมาสัมผัสความน่าหลงใหลแบบนี้กับเราไหม
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อคืนนี้ หลับนอนกัน เอ๊ย นอนหลับกันอย่างสบาย ได้ถุงนอนมาคนละถุง ได้ซุกตัวเข้าไปก็อุ่นแล้วจ้า ตื่นมาแต่เช้า 5.30 น. อีกครั้งเพื่อมาชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า
Credit:Chill Chill Trip
น้ำค้างยังคงเกาะที่ยอดหญ้าให้เห็น แสงอาทิตย์ก็ค่อยๆสว่างขึ้นพร้อมกับพระอาทิตย์ก็เลื่อนตัวออกมาจากด้านหลังของต้นไม้ที่สูงใหญ่
Credit:Chill Chill Trip
และแล้วก็ได้เวลาเตรียมอาหารเช้ากันอีกครั้ง จะเลือกต้มข้าวหรือทานง่ายๆก็ได้นะ สำหรับเราก็มีขนมปังจากร้านในจ.ฟุกุชิมะ Cafe & activity nowhere ที่สั่งจากเน็ตถือมาทานด้วย
Credit:Chill Chill Trip
พร้อมด้วยกาแฟที่หอมกรุ่นแต่เช้า อร่อย เราค่อยๆดริปกาแฟเพื่อจะได้กลิ่นหอมโชยมาเป็นระยะๆ ชื่นใจ
Credit:Chill Chill Trip
หรือจะเลือกเครื่องดื่มธัญพืชแบบเทน้ำร้อนแล้วชงดื่มได้เลยก็ดีนะ ทำให้อิ่มท้องเบาๆ
Credit:Chill Chill Trip
ดื่มกาแฟไป สายตาก็สอดส่องมองเต็นท์ข้างๆไปด้วย เนื่องจากเมื่อคืนมืดมาก แล้วบางคนก็เพิ่งมากางเต็นท์กัน เช้านี้เลยเพิ่งเห็นว่า รอบข้างเราเป็นแบบไหน
Credit:Chill Chill Trip
ภูเขาด้านหลังก็สวยมากๆ ทุ่งหญ้าสีเขียวเหมาะแล้วที่เป็นทุ่งสำหรับกางเต็นท์ เพราะสดชื่นไปหมดเด็กๆก็วิ่งเล่นสบายๆด้วย
Credit:Chill Chill Trip
จุดที่เป็นที่สำหรับซักล้าง ล้างจาน ล้างแก้ว ล้างหน้าแปรงฟัน ห้องสุขา และที่ทิ้งขยะอยู่โซนเดียวกับจุดลงทะเบียนเลย กลางคืนนี่มืดมากนะ แต่ไม่ต้องห่วงเพราะที่นี่มีเจ้าหน้าที่เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง
Credit:Chill Chill Trip
น้ำยาล้างจาน ฟองน้ำล้างจาน ก็มีวางเอาไว้ให้เราด้วยถือว่าสะดวกมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับห้องน้ำ มีชายและหญิงอย่างละห้อง ด้วยเพราะที่นี่มีคนมากางเต็นท์น้อย (แนะนำมาวันธรรมดา) มาเมื่อไหร่ก็ได้เข้าห้องน้ำทันที ไม่ต้องห่วงเรื่องเสียง เพราะด้านในมีปุ่มกดเปิดเสียงเพลง
Credit:Chill Chill Trip
จักรยานเช่าสำหรับปั่นเล่นแถวนี้ ก็คุ้มนะเพราะที่นี่เป็นวิวฟูจิ การได้ปั่นจักรยานชมวิวถือว่าเป็นประสบการณ์ที่นี่ ได้ออกกำลังกายด้วย ราคา 500 เยน/ 1 ชม.
Credit:Chill Chill Trip
เศษขี้เถ้าก็มีจุดให้ทิ้งจ้า จะได้ไม่ต้องแบกไปมา เรียกว่าที่นี่อำนวยความสะดวกให้เยอะจริงๆ แล้วราคาไม่แพงด้วย นอนหลายคนก็ยิ่งหารกันเหลือคนละไม่เท่าไหร่ ( 1 เต็นท์นอนไม่เกิน 4 คน / 3850 เยน/ คืน ) ถ้าเกินบวกเพิ่มคนละ 500 เยน และนำสัตว์เลี้ยงมาได้ *ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้
Credit:Chill Chill Trip
ในราคา 100 เยน เค้าจะให้ถุงขยะแบบใสมา ก็พยายามแยกขยะทั่วไป/ ขวดน้ำพลาสติก / ขวดแก้ว แยกฝาออกจากกันด้วยนะ แล้วถือมาทิ้งที่มุมนี้
Credit:Chill Chill Trip
ชมบรรยากาศอันสวยงามกันอีกสักครั้งก่อนที่เราจะออกไปจากแคมป์ เวลาเช็คเอาท์คือไม่เกิน 10.00 น. ก่อนกลับเจ้าหน้าที่มายืนส่งด้วยนะ น่ารักจริงๆ แล้วทริปวันใหม่ของเราก็กำลังจะเริ่มต้นแล้ว รอติดตามกันด้วยจ้า
Credit:Chill Chill Trip
ตัวอย่างการเข้าจองแคมป์สำหรับที่นี่ กดเข้าไปในลิงก์ที่แปะไว้ให้ เป็นภาษาญี่ปุ่นนะ แต่สามารถไปแปะแปลที่กูเกิ้ลได้ กดเลือกวันที่ด้านขวาก่อน (10月คือเดือน10 ตุลาคม) แล้วกดเลือกโซน โซนของเราคืออันล่างสุด 3850 เยน キャンプエリアA(車)
Credit:Chill Chill Trip
ก็จะเข้าสู่หน้าของโซน キャンプエリアA(車) ก็มีคำอธิบายมากมาย มีออพชั่นอื่นๆให้จ่ายเพิ่มด้วยนะ ค่อยๆแปลและอ่านดู เช่น กรณีเอารถมา 2 คัน/ เอาเต็นท์มา 2 หลัง เป็นต้น
Credit:Chill Chill Trip
เมื่ออ่านเรียบร้อยเข้าใจแล้ว ก็ยืนยันการจอง ที่ปุ่มสีเหลืองด้านล่าง สำหรับวันที่นี้คือ เดือน 10 วันที่ 15 ที่สำคัญอย่าลืมกรอกเวลาเช็คอินด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
และเมื่อกดไปแล้วจะเป็นการกรอกอีเมล กดยืนยันที่ปุ่มสีฟ้า แล้วจะมีรหัสส่งเข้ามาที่อีเมล เอารหัสตัวเลขนั้นมากรอกต่อ เพื่อความปลอดภัย
Credit:Chill Chill Trip
ตอนนี้เหลืออีกแค่ 2 ขั้นตอนเท่านั้น ก็ทำตามต่อไปแบบไม่ยากเลยนะ แล้วจะได้อีเมลยืนยันมา ก็ปรินท์หรือไม่ต้องก็ได้ เพราะวันที่เช็คอิน เจ้าหน้าที่จะมีรายชื่อเราอยู่แล้ว ไปถึงก็แจ้งชื่อได้เลย แล้วจะได้รับใบจอดรถมา 1 ใบ เท่านั้นเอง หวังว่าคงช่วยให้ทุกคนเข้าใจขั้นตอนการนอนเต็นท์ที่ญี่ปุ่นได้ระดับนึงเนอะ
Fuji Camp 2 วัน 1 คืน
Website | Fujikyuko Bus |
Website | Hanano miyako park |
การเดินทาง | นั่งรถ Fujiyoshida/Oshino/Yamanakako Sightseeing Bus ลงรถบัสประจำทางที่ป้าย 135 Hana-no-Miyako Park |
แผนที่ | Hana-no-Miyako Park |
Website | Oshinohakkai |
การเดินทาง | นั่งรถบัส Fujiyoshida/Oshino/Yamanakako Sightseeing Bus ลงที่ป้าย 126 Oshino Hakkai |
แผนที่ | Oshinohakkai |
Website | Fuji Yoshida Sengen Shrine |
การเดินทาง | นั่งรถบัสประจำทาง ลงที่ป้ายรถประจำทาง Kitaguchi Hongo Fujisengen Jinja ซึ่งอยู่หน้าทางเข้าศาลเจ้า |
แผนที่ | Fuji Yoshida Sengen Shrine |
Website | Cow Resort IDEBOK |
แผนที่ | Cow Resort IDEBOK |
Website | Fuji Milk Land |
Website | จองแคมป์(แนะนำโซน キャンプエリアA(車)) |
แผนที่ | Fuji Milk Land |
Website | ออนเซ็น Kazenoyu) |
แผนที่ | ออนเซ็น Kazenoyu) |
Website | เช่าอุปกรณ์แคมป์ปิ้ง |
Website | Nippon rentacar |
Website | Times car rental |
รีวิวนิยม
- 1 กระรอกบิน ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider) มารู้จักนิสัย ราคา การเลี้ยงดู อาหาร ตากลมแบ๊วแสนน่ารักแต่นิยมการผาดโผน
- 2 วัดเขาทำเทียม สุพรรณบุรี เที่ยวชมพระพุทธรูปหินแกะสลักที่หน้าผา อู่ทอง สุพรรณบุรี ใกล้กรุงเทพ ไปเช้าเย็นกลับได้
- 3 ศาลเจ้าเสียนหลอไต้เทียนกง บางปู กราบสักการะเทพเจ้าทั้ง 5 พร้อมแก้ปีชง เดินทางสะดวก ใกล้กรุงเทพ
- 4 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
- 5 วัดป่าธรรมอุทยาน หรือ วัดหลวงพ่อกล้วย วัดแห่งเกจิอาจารย์ดังจังหวัดขอนแก่น ศรัทธาที่มาพร้อมกับความงดงามแห่งดินแดนธรรมะ