เที่ยวฟุกุชิมะ (Fukushima) 3 วัน 2 คืน กับYUTTARI (relaxing) AIZU TOBU FREE PASS เปิดประสบการณ์พักเรียวกังหรู พร้อมเล่นหิมะสุดมันส์ที่ลานหิมะ Ashinomaki Onsen Snow Park เมืองAizuwakamatsu
แจกทริปสนุกๆหน้าหนาวหิมะฟูๆที่เมืองไอสึวาคามัทสึ (Aizuwakamatsu) เดินทางง่ายจากโตเกียว ใช้ Tobu pass กันเลยจ้า
สารบัญ
- ซื้อ YUTTARI (relaxing) AIZU TOBU FREE PASS
- Tokyo Sky Tree
- เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)
- Ashinomaki Onsen Snow Park
- หมู่บ้านโออุจิจูกุ
- ปราสาทสึรุงะ Tsuruga Castle Entrance
- ศาลเจ้า คาซามะ อินาริ (kasama Inari)
- Tsurugajo Kaikan
- วัดเซ็นโซจิ(Sensoji Temple)
- Tōbu-Asakusa Sta.
YUTTARI (relaxing) AIZU TOBU FREE PASS
ไอสึ (Aizu) เป็นชื่อเรียกหนึ่งในอาณาจักรที่สำคัญของจ.ฟุกุชิมะ (Fukushima) ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าเรียนรู้มากๆ ด้วยเกี่ยวข้องกับซามูไรที่มีชื่อเสียงในอดีตมากมาย และนอกเหนือจากนี้ยังเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยม เดินทางมาเที่ยวได้ตลอดปี และครั้งนี้เราเลือกมาในฤดูหนาวและเราจะเลือกการเดินทางโดยใช้ Tobu pass
พาสของ Tobu มีราคาไม่แพงมาก (7 พันกว่าเยน) และเหมาะแก่ผู้ที่ชอบนั่งรถไฟผ่านแม่น้ำ ภูเขา เดินทางง่ายๆไม่รีบร้อน เริ่มต้นทริปจากอาซาคุสะ(Asakusa)หรือ Tokyo Sky Tree ได้ โดยซื้อพาส YUTTARI (relaxing) AIZU TOBU FREE PASS พาสมีอายุการใช้งานถึง 4 วัน เอาล่ะเดี๋ยวเราแปะรายละเอียดการซื้อไว้ให้นะ ตอนนี้เรามาเตรียมเดินทางกัน เริ่มที่สถานี Tokyo Sky Tree
Credit:Chill Chill Trip
Tokyo Sky Tree
หากไม่แน่ใจว่าต้องมาขึ้นรถไฟที่ไหน ก็ให้มาที่โตเกียวสกายทรีเลยจ้า สถานีก็อยู่แถวด้านล่างทาวเวอร์นี่เลย เดี๋ยวจะเห็นป้ายบอกทางเรื่อยๆ
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทางไปไอสึ (Aizu) จะเริ่มช่วงก่อนเที่ยง ดังนั้นหากมีเวลา แนะนำมาตอนเช้าเพื่อถ่ายรูปรอบๆก่อน ถ้ามาช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์อาจจะเจอคาวาซุซากุระด้วยนะ (Kawazu zakura)
Credit:Chill Chill Trip
บรรยายความสวยงามไม่หมด เพราะว่าประทับใจจริงๆ แม้ว่าจะมีอยู่แค่ต้นเดียวแต่ที่นี่ก็เป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมเลยนะ
รถไฟของเราจะมาถึงในเวลาราว 11 โมงเช้า เลยมีเวลาขึ้นไปเดินเล่นที่โตเกียวสกายทรี (Tokyo Sky Tree) ดังนั้น ขึ้นไปเลยจ๊ะ วิวตอนเช้าสวยเน้อ
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 8.00 น. – 22.00 น. เลยได้มีโอกาสชมวิวของโตเกียวในช่วงที่แดดอ่อนๆ สบายๆ หากวันไหนอากาศดี ฟ้าโปร่ง เราจะเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
เพิ่งเห็นว่าโตเกียวมีขนาดใหญ่มากๆเลย นี่ขนาดเห็นแค่มุมเดียวนะ ในช่วงพระอาทิตย์ตกดินเราว่าคงจะสวยกว่านี้แน่นอนหากต้องการซื้อเครื่องดื่มหรือเสบียงไว้ดื่มระหว่างทาง สามารถแวะร้านสะดวกซื้อก่อนได้
Credit:Chill Chill Trip
Tokyo Sky Tree
ที่อยู่ | 1-1-2 Oshiage, Sumida, Tokyo 131-0045 |
เวลาทำการ | 8.00 น. – 22.00 น. |
ราคา | มีทั้งราคาวันธรรมดาและวันหยุดและแยกดังนี้ : ขั้นไปทั้งชั้น 350 + ชั้น 450 / ขึ้นไปเฉพาะชั้น 350 |
Website | Tokyo Sky Tree |
การเดินทาง | ลงที่สถานี Oshiage Station โดยรถไฟสาย Hanzomon Line (รถไฟใต้ดิน) / ลงที่สถานี Tokyo Skytree โดยรถไฟสาย Tobu Skytree Line / ตรวจเช็คเส้นทางอื่นได้จากเว็บไซต์ของที่นี่ |
เรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso)
จากนั้นได้เวลามาเตรียมรอขึ้นรถไฟกัน ชิลชิลทริปอยากแนะนำเพื่อนๆที่เพิ่งเคยเดินทางในรูทนี้ว่าให้มาก่อนเวลา สัก 1 ชั่วโมง ตรวจสอบสถานี ชานชลา และเส้นทางก่อน ค่อยเดินเล่นนะคะ เพื่อความไม่ผิดแผน ยื่นตั๋วแล้วขึ้นไปรอที่ชานชลาเลย
Credit:Chill Chill Trip
ชานชลามีแค่ 2 ฝั่งเท่านั้นเอง ง่ายและสะดวกมากเลย เราไม่ต้องสับสนกับการอ่านป้ายและการยืนรอว่าจะตรงโบกี้ไหมนะ ขบวนที่เราขึ้นนี้ เรียกว่า Riverty
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในรถไฟมีเบาะนั่งสบาย บริการฟรีไวไฟ และป้ายแจ้งก่อนถึงสถานีมีทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ ดังนั้นไม่ต้องกังวลใจ
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในรถไฟทานอาหาร ดื่มน้ำได้จ๊ะ และระหว่างเดินทางก็จะมีเจ้าหน้าที่เข็นขนมและเครื่องดื่มมาขายในรถไฟด้วย *เราซื้อเบนโตะก่อนขึ้นรถไฟ
Credit:Chill Chill Trip
และแล้วรถไฟก็มาสุดสายที่สถานี Aizu Tajima ซึ่งจากนี้เราจะต่อสายรถไฟท้องถิ่น เรียกว่า Aizu Line ไปลงที่สถานี Ashinomaki Onsen ซึ่งจะเป็นทั้งที่พักและที่ทำกิจกรรมของเราในทริปนี้
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อรถไฟมาจอดที่สถานี Ashinomaki Onsen แล้วก็จะเจอรถของเรียวกังมารับ แน่นอนว่าเราต้องแจ้งรอบเวลาล่วงหน้ากับเจ้าหน้าที่เรียวกังก่อนอย่างน้อย 1 วัน คืนนี้เรามาพักที่ เรียวกังชื่อดัง โอคาวาโซ (Ookawaso) และความพิเศษคือมีเจ้าหน้าที่คนไทยคอยประสานงานให้ด้วยนะ สะดวกมากๆ สามารถติดต่อได้ที่เฟซบุ๊คภาษาไทยของเรียวกังได้เลย
Credit:Chill Chill Trip
บรรยากาศทางเข้าก่อนไปถึงเรียวกัง จริงๆที่นี่สามารถเดินเล่นได้นะ เพราะเป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อน มีร้านค้า ร้านอาหารประปราย
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่โด่งดังในเรื่องการแสดงดนตรีสดชามิเซ็งมากๆ ด้วยเป็นการแสดงโบราณที่คงคุณค่าด้านศิลปะวัฒนธรรมมากจริงๆ จัดการแสดงตั้งแต่เวลา 16.00 – 18.00 น.
Credit:Chill Chill Trip
ภายในเรียวกังนอกจากจะมีห้องโถงรับรองที่ใหญ่แล้ว เรายังสามารถใช้เวลาเพลิดเพลินไปกับการจับจ่ายสินค้าท้องถิ่นที่ร้านค้าด้วย
Credit:Chill Chill Trip
และเรื่องของอาหารค่ำที่ไม่พูดถึงก็ไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นเซ็ทอาหารค่ำไคเซกิที่รวมในค่าห้องปกติ แต่ถ้าอยากได้ความพรีเมี่ยม สามารถสั่งเพิ่มอัพเกรดได้นะ ก็จะมาสวยๆแบบนี้เลย
Credit:Chill Chill Trip
ชอบในความตะมุตะมิของการจัดเรียง ที่ต้องใช้ศิลปะในการทำควบคู่ไปกับการปรุงรสชาติอาหารที่ดีด้วย
Credit:Chill Chill Trip
เราเลือกพักห้องที่ออกแบบใหม่ของปี 2021 นี้ ชื่อว่าห้อง Yoimachitei -Aizumomennoma ซึ่งให้ความเป็นท้องถิ่นมากด้วยใช้ผ้าฝ้ายไอสึที่มีประวัติมากว่าร้อยปีมาใช้ในงานออกแบบด้วย
Credit:Chill Chill Trip
จิบชาร้อนไป ก็ดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามด้านนอกไปด้วย วันนี้ขอพักผ่อนช้าๆแล้วกัน พรุ่งนี้ค่อยลุยกันต่อ
Credit:Chill Chill Trip
วันนี้ขอแช่ออนเซ็นให้หายคิดถึงก่อนนะ สามารถจองแช่แบบส่วนตัวได้เลยนะ 45นาที/ครั้ง ในราคา 3300 เยน จริงๆที่นี่ก็ยังมีอีกหลายบ่อแบบแช่รวมด้วยนะ เอาเป็นว่า ฟินให้สุดๆ แช่ให้ครบทุกบ่อ
Credit:Chill Chill Trip
บ่อแช่ออนเซ็นที่มีชื่อเสียงที่สุดของที่นี่ เรียกว่า Shiki Butai Tanada ซึ่งมีลักษณะแบบนาข้าวขั้นบันได ขณะที่แช่ไปก็มองเห็นท้องฟ้า สายน้ำ ภูเขา ฟินสุดๆ
Credit:Chill Chill Trip
อาหารเช้าของที่นี่เป็นแบบบุฟเฟต์นะ มีทั้งแบบตะวันตก ขนมปังที่ทำเองและแบบอาหารญี่ปุ่น พิเศษคือมีการทำทามาโกะยากิให้ชมแบบสดๆด้วย เพลินมากเลย
Credit:Chill Chill Trip
ที่ชอบมากๆคือ บุฟเฟต์ของโรงแรมที่มีอาหารให้เลือกทานมากมายและเติมเต็มตลอดเวลา แม้ว่าเราจะเป็นกลุ่มสุดท้ายที่มาทานก็ตาม
Credit:Chill Chill Trip
Ashinomaki Onsen Snow Park
จากนั้นเราจะไปทำกิจกรรมมันส์ๆที่ลานหิมะ โดยเราจองเล่นหิมะที่ Ashinomaki Onsen Snow Park ซึ่งเป็นลานหิมะของหมู่บ้านน้ำพุร้อน Ashinomaki Onsen เดินทางได้โดยรถยนต์ของเรียวกังเพียง 5 นาทีเท่านั้นเอง
Credit:Chill Chill Trip
แม้จะไม่ได้เตรียมชุดเล่นหิมะ รองเท้าบูทยาง ถุงมือ หรืออุปกรณ์อื่นๆมา ที่นี่ก็มีให้เช่านะ แต่เพื่อความเรียบร้อย เราแนะนำว่าควรแจ้งล่วงหน้าว่าจะเช่าอะไรบ้าง โดยประสานงานกับเรียวกังโอคาวาโซได้เลย
Credit:Chill Chill Trip
ได้เวลาจะเล่นแล้ว หิมะก็โปรยปรายลงมาทันทีเลยจ้า เอาล่ะๆ ดีๆ จะได้เล่นหิมะนุ่มกันละคราวนี้ ค่าเช่าเล่นก็ไม่แพงมากนะ หลักร้อยเยนเท่านั้นเอง เช่น รอบละ 600 เยน เป็นต้น
Credit:Chill Chill Trip
เรือกล้วย หรือ บานาน่าโบ๊ทที่ชิลชิลทริปแนะนำว่า ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง สามารถนั่งเดี่ยวๆ ก็ได้นะ ฮ่าๆ เอาเป็นว่า ท่านใดอย่างท้าทายความสามารถในการทรงตัวก็จัดไป
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับคนที่ชอบความมันส์ เราแนะนำให้ลองขับเจ้านี่ดูนะ เจ้าหน้าที่บอกว่าอาจจะยากหน่อยนะ แต่พอเราได้ลองบิด เหอๆ เหยียบไปเลยลูกเพ่
Credit:Chill Chill Trip
ของเล่นอื่นๆยังมีอีกเพียบเลยนะ รับรองว่าต้องกรี๊ดด้วยความสนุกและก็ต้องหันมาขำให้กันเลยล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
เด็กๆก็สามารถมาเล่นตรงนี้ได้นะ ที่นี่เค้าทำมาเพื่อครอบครัวที่มีเด็กๆ แต่ๆ เราก็ชอบน้า ฮ่าๆ
Credit:Chill Chill Trip
ท้ายสุดจะไม่แนะนำบ้านกระท่อมหิมะคงไม่ได้ เพราะที่นี่ไว้เป็นที่หลบหิมะ ย่างโมจิร้อนๆกินได้ด้วยนะ ซึ่งแน่นอนว่ามีเตาถ่านให้เช่าและแถมโมจิมาด้วย ฮ่าๆ ใครแพลนมาเที่ยว ★ชั่วโมงทำการ★10: 00-15: 00 น. จ้า จากนั้นนัดรถโรงแรมมารับกลับนะ
Credit:Chill Chill Trip
หมู่บ้านโออุจิจูกุ
จากที่นี่ เราเดินทางเที่ยวต่อ ซึ่งเรามีแพลนคือหมู่บ้านโออุจิจูกุ โดยให้รถของเรียวกังไปส่งที่สถานีรถไฟอาชิโนะมากิออนเซ็น ที่ห่างไปแค่ 10 นาที วิวระหว่างทางสวยมาก
Credit:Chill Chill Trip
เราจะนั่งรถไฟต่อไปที่สถานียูโนะคามิออนเซ็น (Yunokami Onsen)สถานีหลังคามุงหญ้าที่โด่งดัง อีกแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
หากมีเวลาขากลับ อยากขอแนะนำให้ลองแช่ออนเซ็นแช่เท้าที่อยู่ข้างสถานีดูนะ รับรองความสุกแบบ Medium เอ๊ย ความอุ่นสบาย จากนั้นเดินทางไปหมู่บ้านโออุจิจูกุ(Ouchijuku)ต่อด้วยรถบัสที่จอดรอข้างสถานี ปกติเค้าจะรอรับผู้โดยสารที่ลงรถไฟแต่ละรอบเสมอ
Credit:Chill Chill Trip
หมู่บ้านโออุจิจูกุ (Ouchijuku) มีประวัติยาวนานกว่า 400 ปีเชียวนะ ทัศนียภาพยังคงไว้เหมือนเดิมแบบในอดีต
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่เคยเป็นจุดพักผ่อนบนเส้นทางเดินเท้าในอดีตที่ไปยังนิกโก้ได้ แลกเปลี่ยนข่าวสารข้อมูล มีที่พัก ร้านอาหาร ร้านขายสินค้าที่ระลึก ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงมีอาหารท้องถิ่นที่ลองทานได้
Credit:Chill Chill Trip
อาหารแนะนำก็คงจะไม่พ้น โซบะต้นหอม ที่เรียกว่า Negi-Soba ที่ใช้ก้านต้นหอมขาวมาแทนตะเกียบ แต่ใครที่ไม่ถนัด ก็ใช้ตะเกียบทานได้นะ มันคือสีสันน่ะ
Credit:Chill Chill Trip
จากนั้นก็เดินไปถ่ายรูปที่จุดชมวิวด้านบนเขาโน้น แต่ๆ เดินระวังด้วยนะเพราะว่าหิมะมันลื่นมากๆเลย
Credit:Chill Chill Trip
จบทริปก็กลับในเส้นทางเดิมเพื่อพักผ่อนที่โรงแรมอีกคืนนึง ในคืนที่สองนี้เราก็เปลี่ยนบรรยากาศมานั่งเล่นกันที่โซนห้องรับรองแขกได้นะ
Credit:Chill Chill Trip
อาหารค่ำคืนนี้ของเรา เป็นแบบเซ็ทไคเซกิทั่วไปที่มาอยู่ในแพ็คเกจของเรียวกังอยู่แล้ว แซ่บอยู่เด้อ * ไคเซกิคือเสิร์ฟตามลำดับ
Credit:Chill Chill Trip
Ouchi-juku
ที่อยู่ | Ouchi-Yamamoto, Shimogomachi, Minamiaizu-gun, Fukushima |
เวลาทำการ | 9:00 – 16:30 น. |
Website | Ouchi-juku |
แผ่นที่ | Ouchi-juku |
การเดินทาง | จากสถานี Aizuwakamatsu นั่งรถไฟสาย Aizu มาลงที่สถานี Yunokami Onsen จากนั้นนั่งรถบัสด้านข้างสถานีที่จอดรออยู่ ไปลงที่หน้าหมู่บ้านที่เป็นป้ายสุดท้าย ใช้เวลานั่งรถประมาณ 25 นาที ส่วนขากลับก็เดินมาขึ้นที่ป้ายเดิม ตารางขากลับสามารถรับได้ที่พนักงานขายตั๋วบนรถบัส |
ปราสาทสึรุงะ Tsuruga Castle Entrance
เช้านี้เดินทางต่อหลังจากที่เช็คเอาท์เรียบร้อย รถของเรียวกังโอคาวาโซ (Ookawaso) จะออกไปส่งเราเวลา 10.00 น. ที่สถานี Aizuwakamatsu ที่นี่เราสามารถฝากสัมภาระที่ด้านหน้าสถานี แล้วค่อยมานั่งรถ Aizu Loop Bus ได้ ซื้อตั๋ว 1 Day pass ตรงใกล้ๆกันกันที่ขึ้นรถบัสเลย
Credit:Chill Chill Trip
ลงรถบัสแล้วก็ไปเที่ยวปราสาทสึรุงะกันต่อดีกว่า หิมะก็ลงกระหน่ำมาอีกแล้ว แนะนำว่าเตรียมร่ม หรือ เสื้อที่กันน้ำมาด้วยนะ เพราะหิมะตกแล้วเสื้อผ้าเปียก (ลงรถที่ป้าย Tsuruga Castle Entrance หรือ Tsurugajo Iriguchi)
Credit:Chill Chill Trip
ศาลเจ้า คาซามะ อินาริ (kasama Inari)
สำหรับผู้ที่ต้องการไปไหว้ศาลเจ้าเพื่อขอเกี่ยวกับการสอบ ก็ต้องที่ศาลเจ้า คาซามะ อินาริ (kasama Inari) ที่อยู่ด้านข้างปราสาทเลย ยังเป็นศาลเจ้าที่ผู้คนนิยมมาไหว้ช่วงปีใหม่ด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ในสมัยเอโดะ หอคอยปราสาทได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แต่ได้รับการปรับปรุงใหม่และกลายเป็นหอคอยปราสาทห้าชั้นแบบเดียวกับในปัจจุบัน ในช่วงปลายสงครามโบชิน ผู้สำเร็จราชการแทนโชกุนโทกุงาวะ เรียกที่นี่ว่าปราสาทอันแข็งแกร่ง เพราะสามารถต้านทานการโจมตีจากกองกำลังรัฐบาลใหม่ได้ แต่สุดท้ายก็ถูกทำลายโดยคำสั่งของรัฐบาลในปี พ.ศ. 2440
Credit:Chill Chill Trip
ปราสาทสึรุงะปัจจุบันสร้างขึ้นใหม่ในปีพ. ศ. 2508 ด้านในจัดเป็นพิพิธภัณฑ์ บนชั้น 5 เราสามารถมองเห็นทัศนียภาพของเมือง Aizu Wakamatsu, Aizu Basin และ Mt. Bandai
Credit:Chill Chill Trip
จากด้านบนของปราสาท เป็นจุดชมวิวแบบพาโนรามา ที่เห็นวิวของเมืองได้ 360 องศาเลย ด้านในมีโซนที่ห้ามถ่ายภาพด้วย ระวังด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ปราสาทสึรุงะ Tsuruga Castle Entrance
ที่อยู่ | 1-1 Otemachi , Aizuwakamatsu City, Fukushima |
ค่าเข้า | ผู้ใหญ่ 500 เยน (รวมค่าเข้าปราสาท+พิธีชงชาที่เรือนชงชา) / เข้าแค่ปราสาท คนละ 410 เยน |
เวลาทำการ | 8.30-17.00น.(ปิดรับ 16.30) สำหรับด้านนอกปราสาทสามารถมาได้ตลอดเวลา |
Website | ปราสาทสึรุงะ Tsuruga Castle Entrance |
การเดินทาง | จากสถานี Aizuwakamatsu นั่งรถบัส Haikara -san Bus / Akabe Bus โดยซื้อตั๋ว One day pass ราคา 600 เยนที่ด้านหน้าสถานีตรงจุดขายตั๋วข้างนอก แล้วมาลงที่ป้าย Tsurugajo iriguchi เดินต่อ 5 นาที /นั่งแท็กซี่ ราคาประมาณ 2500 เยน |
Tsurugajo Kaikan
ใกล้กันยังมีจุดให้แวะซื้อของฝาก หรือทำกิจกรรมเล็กๆน้อยๆ เช่น ระบายสีตุ๊กตาวัวแดงหรืออาคะเบโกะ และร้านอาหารท้องถิ่น
Credit:Chill Chill Trip
ตุ๊กตาพื้นเมือง หรือ ตุ๊กตาล้มลุกชื่อว่า Okiagari Koboshi เป็นตุ๊กตาความเชื่อแห่งความโชคดี และเมื่อซื้อกลับบ้าน ต้องซื้อเพิ่ม 1 ตัวจากจำนวนสมาชิกในครอบครัวด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ขนมนี้เรียกว่า อาวะมันจู เป็นขนมท้องถิ่นแป้งนุ่มไส้ถั่วแดงกวน ทำสดๆใหม่ๆเลย ซื้อทานเล่นๆดูก็อร่อยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ฝนตกพายุร้องก็ไม่ต้องหวั่น เพราะด้านในนี้มีทั้งของฝากมากมายให้ได้เดินซื้อกันเพลินไปเลย
Credit:Chill Chill Trip
หากจะลองทานอาหารท้องถิ่นก็เรียกว่าไม่ผิดหวังเพราะรสชาติดีเลยล่ะ ทานก่อนแล้วค่อยเดินทางกลับสถานีก็ได้นะ
Credit:Chill Chill Trip
จริงๆ รูทเที่ยวของเส้นทางนี้ยังมีอีกเพียบนะ ถ้าหากมีเวลาก็อยากให้อยู่เที่ยวต่อเพราะว่ายังมีอีกหลายสถานที่ๆน่าไปเดินชมมากๆเลย เวลากลับก็ขึ้นรถที่ป้ายเดิมได้ เพราะรถบัสจะขับวนมาที่สถานีไอสึวาคามัทสึ (Aizuwakamatsu) เหมือนเดิม จากนั้นก็เดินทางต่อเลยจ้า
Credit:Chill Chill Trip
วัดเซ็นโซจิ(Sensoji Temple)
สำหรับเพื่อนที่เดินทางกลับ แนะนำลงที่สถานีโทบุอาซาคุสะ(Tobu Asakusa station)ก็ได้ แล้วเดินต่อมาที่วัดเซ็นโซจิ(Sensoji Temple) ซึ่งอยู่ห่างกัน ราว 5 นาที เพื่อจะได้มาพักผ่อนและเดินเล่นที่นี่ก่อน หรือพักโรงแรมแถวนี้ก็ได้
Credit:Chill Chill Trip
อาซาคุสะคือย่านที่มีชื่อเสียง ถนนที่เดินไปสู่วัดเซ็นโซจิ(Sensoji) เรียกว่า ถนนนากามิเสะ และมีประตูคามินาริ เป็นศูนย์กลาง
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่มีร้านค้า ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก และถือว่าเป็นย่านการค้าแห่งหนึ่งเลยล่ะ ได้บรรยากาศญี่ปุ่นสุดๆ ก่อนที่จะแยกตัวไปพักผ่อนกันต่อ เราหวังว่า คงทำให้เพื่อนๆได้มีอีกหนึ่งทริปสนุกๆกันบ้างนะคะ
Credit:Chill Chill Trip
Tōbu-Asakusa Sta.
รายละเอียด พาส YUTTARI (relaxing) AIZU TOBU FREE PASS *แนะนำซื้อล่วงหน้าที่สถานีโทบุอาซาคุสะในตึก EKIMISE
Tōbu-Asakusa Sta.
ที่อยู่ | 11 Naito-machi, Shinjuku-ku, Tokyo 160-0014 |
วิธีการซื้อตั๋ว | เข้าในตึก Ekimise ที่ชั้น 1 มีจุดขายตั๋วและประชาสัมพันธ์ของ Tobu สามารถติดต่อซื้อตั๋วได้ที่ตรงจุดนี้ |
Website | Tōbu Pass (Aizu) |
Website | ทัวร์ภายในประเทศญี่ปุ่น |
การเดินทาง | สถานี Tobu Asakusa มีรถไฟสายหลักๆคือ Asakusa line และ Ginza line ถ้านั่งรถไฟจากสถานีชินจูกุนั่งสาย Yamanote แล้วเปลี่ยนขบวนนั่งสาย Ginza ไปลงที่สถานี Asakusa แล้วออกทางออก 7 ก็เจอเลยจ้า |
รีวิวนิยม
- 1 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
- 2 ร้านอาหารสุขใจแลนด์ บ้านฝาง ขอนแก่น กับบรรยากาศกินข้าวที่เฮือนน้อยริมทุ่งนา
- 3 กล้วยปิ้ง ไม่ง้อกะทิ … ใช้เครื่องปรุงง่ายๆ ในบ้านทำกินก็ได้หว้า
- 4 ล่องเรือเที่ยววัดปากน้ำภาษีเจริญ ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลองท่าต้นสายของเรือคลองภาษีเจริญ แม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร
- 5 คลองหลวงคาเฟ่ ปทุมธานี ความสุขเล็กๆ กับอาหารรสดี นั่งทานข้าวในซุ้มไม้ไผ่ พร้อมชมเหล่าปลาคาร์ปว่ายน้ำไปมา