หมู่บ้านไฮดี้คือธีมพาร์คจากอะนิเมะเรื่อง Alps Girl Heidi ที่ออกอากาศครั้งแรกในปี 1974 โดยมาจากหนังสือ “ไฮดี้” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบรรดาหนังสือขายดีที่สุดตลอดกาล และได้รับการถ่ายทอดเป็นภาษาต่างๆทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ภาษา ได้รับการถ่ายทอดเป็นทั้งภาพยนตร์และโทรทัศน์มากมาย

หมู่บ้านไฮดี้ Heidi Village

เมื่อเรามาที่นี่ เราจะได้เห็นทิวทัศน์และวิถีชีวิตของสวิตเซอร์แลนด์ที่ยังคงเป็นดินแดนที่รักของใครหลาย ๆคน เป็นการจำลองบรรยากาศการใช้ชีวิตในถิ่นทุรกันดารของเทือกเขาแอลป์สวิสของเด็กหญิงไฮดี้ ผู้ซึ่งเติบโตมาด้วยความสดใสร่าเริงโดยแสดงให้เห็นถึงปฏิสัมพันธ์ระหว่างคนและสัตว์ที่อยู่รอบๆในความพอเพียง ในภาษาญี่ปุ่นจะเรียกที่นี่ว่า Haiji no mura

Credit:Chill Chill Trip

กลุ่ม Kikyoya （คือกลุ่มบริษัทที่รับทำธีมต่างๆ ทั้งร้านค้า โรงแรมและสวนสนุก）ได้รับมอบงานจากจังหวัดยามานาชิในปีพ.ศ. 2549 ในฐานะผู้จัดการที่ได้รับมอบหมายของ “Heidi Village” (เดิมคือ Yamanashi Prefectural Flower Center)เพื่อให้ลูกค้าจำนวนมากสามารถเพลิดเพลินกับโลกของไฮดี้(Heidi) ด้านในมีการภาพสามมิติขนาดใหญ่ 4 เมตรที่สามารถมองเห็นเมืองแฟรงค์เฟิร์ตได้จากหมู่บ้าน Delphi

Credit:Chill Chill Trip

ไฮดี้ถูกนำไปฝากอาศัยอยู่กับชายชรา ซึ่งมีฐานะเป็นปู่ของไฮดี้ ที่อาศัยอยู่ที่หมู่บ้าน มายเอ็นเฟลด์ ในเขตนอกหมู่บ้านออกไปใกล้เนินเขา ซึ่งเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ ที่ชาวสวิสเรียกว่า อาลม์(ALM) ด้านในจึงมีการจำลองกระท่อมบนภูเขาใน ALM ซึ่งเราสามารถเห็นเตียงและห้องครัวของชายชรา ส่วนด้านนอกนั้น มีรถไฟนั่งนำเที่ยวด้วยนะ ได้ฟีลสุดๆ

Credit:Chill Chill Trip

เวทีกุหลาบ เป็นที่นั่งพักผ่อนและจัดอีเวนต์ต่างๆ รอบข้างสวยงามด้วยดอกไม้นานาชนิดที่ปลูกในแต่ละฤดูกาล

Credit:Chill Chill Trip

เมื่อเดินเข้าประตูทางเข้าและผ่านลานปูหินเพื่อพบกับสวนแบบพาโนรามาที่สวยงามไปตามทางลาดโดยมีทิวทัศน์ของเมืองสไตล์สวิสที่แปลกตาเป็นฉากหลัง หนึ่งในทิวทัศน์ที่ดีที่สุดของหมู่บ้านไฮดี้สวนแห่งนี้ประดับประดาไปด้วยดอกไม้ในทุกฤดูกาลและวิโอลาและดอกทิวลิปก็เป็นภาพที่สวยงามในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ

Credit:Chill Chill Trip

ถ้าลองหามุมถ่ายภาพดีๆ รับรองว่าบรรยากาศแบบนี้ทำให้ภาพถ่ายของเราเสมือนกับเราไปเที่ยวสวิสมาได้เลยนะคะ

Credit:Chill Chill Trip

ตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิ ประมาณเดือนมีนาคม ที่นี่จะเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสดใสแบบนี้เลย และยังมีวางขายแบบเป็นกระถางให้เราได้ซื้อกลับบ้านด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip

วิวมุมสูงบนหอคอยที่จะทำให้เราได้เห็นวิวของที่นี่แบบ360 องศา มองมาด้านล่างเหมือนกำลังอยู่ท่ามกลางอาณาจักรยุโรปจริงๆ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านนอกมีเก้าอี้ให้นั่งพักผ่อน สามารถซื้อขนมปังอบสดใหม่จากด้านในมาทานได้ ร้านอาหารของที่นี่จะเป็นแบบตะวันตก เช่น พาสต้า ชีส ไวน์

Credit:Chill Chill Trip

สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดอกทิวลิปและอยากมาถ่ายภาพ ที่นี่ก็น่าจะเป็นอีกสถานที่ที่ถ่ายภาพได้สวย แนะนำให้มาช่วงต้นเดือนเมษายน

Credit:Chill Chill Trip

ดอกทิวลิปมากมายถูกปลูกไว้รอบๆ สามารถชื่นชมความงามได้ตลอดทั้งเดือนเมษายน

Credit:Chill Chill Trip

หลังจากเดือนเมษายนไปแล้ว ก็จะเป็นดอกไม้ชนิดอื่นๆถูกนำมาปลูกโดยเน้นความสดใสและยังคงคอนเซ็ปท์สวิสเซอร์แลนด์

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่ไม่ได้มีแค่ดอกทิวลิปนะ เรายังเห็นดอกซากุระหลากหลายสายพันธุ์ด้วย สำหรับการชมซากุระ ก็ช่วงเดียวกับทิวลิปเลยจ้า

Credit:Chill Chill Trip

ไม่ว่าจะอยู่ที่มุมไหน หรือถ่ายรูปแบบไหน ก็สามารถทำให้เราเข้าไปอยู่ในธีมของไฮดี้ได้อย่างง่ายดาย

Credit:Chill Chill Trip

นี่เป็นหมู่บ้านธีมดอกไม้ที่เราสามารถเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งปี หอสังเกตการณ์สูง 15 เมตร นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมมากมายในช่วงปีที่มีการประดับไฟยามค่ำคืนในช่วงวันหยุดฤดูร้อนและเทศกาลคริสต์มาส มันคือโลกของ Heidi ที่มี Mt. ฟูจิภูเขา Yatsugatake และเทือกเขา Southern Alps ที่อยู่รอบ ๆ หมู่บ้าน

Credit:Chill Chill Trip

พุ่มดอกยิปโซฟิลล่าในภาษาไทยนี้ แปลว่า รักนิรันดร์ แต่ความหมาย หมายถึง ความจริงใจ จิตใจบริสุทธิ์ และอ่อนหวาน “ชื่อมาจากภาษากรีก แปลว่า การแสดงความรัก จึงมักถูกใช้ในสัญลักษณ์เพื่อแสดงถึงความรัก อยู่เสมอ ในภาษาดอกไม้ ดอกยิปโซฟิลล่า หมายถึง รักอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ” ช่อดอกยิปโซจะทนไม่เหี่ยวง่าย และอยู่ได้นาน ยิปโซฟิล่า เป็นไม้พุ่ม มีถิ่นกำเนิดในยูเรเซีย ไปจนถึงแอฟริกา ออสเตรเลีย ว้าว ดีงามมากๆค่ะ

Credit:Chill Chill Trip

วิวความงามของทุ่งดอกทิวลิปในช่วงเมษายน สีหวานและสวยมากๆ ถ่ายรูปได้สบายๆ ด้านหลังเป็นแถวของซากุระพันธุ์ดอกสีชมพู

Credit:Chill Chill Trip

ที่ประเทศญี่ปุ่น เรามีซากุระหลักๆอยู่ประมาณ 10 สายพันธุ์เลยนะคะ ได้แก่ Somei Yoshino, Yamazakura, Shidarezakura (Japanese weeping cherry tree), Edohigan, Kanzan, Ichiyou, Kanhizakura, Kikuzakura, Ukon, Fugenzou

Credit:Chill Chill Trip

หากใครรักสีชมพูและชอบซากุระสีนี้ ที่นี่มีเยอะเลยนะ รับรองว่าถ่ายรูปออกมาแล้วต้องสวยงามมากๆเลย ช่วงเวลาแนะนำคือ ประมาณวันที่ 5-15 เมษายน

Credit:Chill Chill Trip

หากใครที่เดินทางมาช่วงสิงหาคม ซึ่งเป็นฤดูร้อนของญี่ปุ่น ก็จะได้เห็นทุ่งดอกทานตะวันขนาดกว้างใหญ่ ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้านไฮดี้

Credit:Chill Chill Trip

ถือว่าเป็นสีสันแห่งฤดูร้อนจริงๆ นอกจากจะได้ชมดอกไม้สวยๆ ถ่ายรูปจนจุใจแล้ว ภายในบริเวณงานยังมีการออกร้านขายอาหารและเครื่องดื่มด้วย

Credit:Chill Chill Trip

หมู่บ้านไฮดี้ Heidi Village

ที่อยู่	2471 Asao, Akeno-cho, Hokuto-shi, Yamanashi
ค่าเข้า	วันที่ 2 มกราคม ถึง 10 มีนาคม เข้าฟรี วันที่ 11 มีนาคม ถึง 31มีนาคม และเดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนธันวาคม ผู้ใหญ่ 260เยน เด็กโต 130เยน เดือนเมษายน ถึง เดือนตุลาคม ผู้ใหญ่ 710 เยน เด็ก 360 เยน
เวลาทำการ	9.00 – 18.00 น. (1 เมษายนถึง 31 กรกฎาคม / 1 สิงหาคมถึง 30 พฤศจิกายน) 9.00 – 21.00 น. (1 ธันวาคมถึง 31 ธันวาคม) 9.00-17.00 น. (2 มกราคมถึง 31 มีนาคม) วันหยุด ทุกวันอังคารตั้งแต่วันที่ 1 มกราคมถึงปลายเดือนมีนาคม (จะเปิดทำการ หากวันอังคารนั้นเป็นวันหยุดประจำชาติ)
Website	หมู่บ้านไฮดี้ Heidi Village
Website	ตารางรถบัส
การเดินทาง	จากสถานี Nirasaki โดยรถไฟสาย JR Chuo โดยสารรถประจำทางชนบท Kayagatake Mizugaki Denen Bus ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ลงที่ป้าย haiji no mura (เปิดให้บริการตามฤดูกาลทุกวันตั้งแต่วันเสาร์แรกของเดือนเมษายนถึง 23 พฤศจิกายน) ตารางเวลารถบัสชนบท Mizugaki