ตำรวจซามูไรสุดแกร่งแห่งกรุงเอโดะ อดีตบ้านพักซามูไรแห่งเดียวในโตเกียวที่ยังคงหลงเหลืออยู่บนเส้นทางโคชูไคโด(Koshu Kaido)หนึ่งในห้าเส้นทางหลักสมัยเอโดะ

ชมพิพิธภัณฑ์ Hino Honji

ใครที่ชอบประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น บางทีเราอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ Shinsengumi ซามูไรกลุ่มสุดท้ายในญี่ปุ่น กลุ่มนี้ทำงานส่วนใหญ่ในเกียวโต แต่บ้านเกิดของ Shinsengumi หรือ furusato เป็นเมืองฮิโนะ หรือ Hino โตเกียวนี่เอง ชิลชิลทริปพาเพื่อนๆมาชมบ้านพักของรองผู้บัญชาการ ฮิจิคาตะ โทชิโซ (Hijikata Toshizo)สุดเท่ ไปกันเลยจ้า

Credit:Chill Chill Trip

รองผู้บัญชาการ ฮิจิคาตะ โทชิโซ เกิดและเติบโตในเมืองนี้ และสมาชิกที่โดดเด่นหลายคนได้ฝึกฝนทักษะดาบร่วมกับเขาที่โรงฝึกของฮิโนะ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมสถานที่ที่ดีที่สุดในการติดตามจุดเริ่มต้นอันต่ำต้อยของชินเซ็นกุมิจนถึงจุดจบอันวุ่นวายคือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ชินเซ็นกุมิ ฟุรุซาโตะในเมืองนี้ นี่คือบ้านพักของครอบครัวซาโตะ ซึ่งเราจะเล่าต่อไปว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับเขา ก่อนเข้ามาอย่าลืมดูตรงหน้าจั่วหน้าบ้านนะ แกะสลักเป็นรูปสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในกลุ่มเทพ

Credit:Chill Chill Trip

Hinojuku Honjin เป็นอาคาร Hinojuku แห่งเดียวที่เหลืออยู่ที่สร้างขึ้นในสมัยเอโดะในโตเกียว สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2406 พิพิธภัณฑ์รวบรวมและแสดงทรัพยากรที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มซามูไรที่มีชื่อเสียง เช่น การสร้างจดหมายสำคัญฉบับหนึ่งของผู้บังคับบัญชา ซึ่งเขาตั้งใจที่จะอยู่ในเกียวโตและปกป้องโชกุน – และจุดจบอันขมขื่นของเขาเองหลังจากแพ้สงคราม และความสัมพันธ์กับบ้านหลังนี้ของฮิจิคาตะ โทชิโซคือ พี่สาวของฮิจิคาตะ โทชิโซ ได้มาแต่งงานกับครอบครัวซาโตะ แล้วกลายมาเป็นสะใภ้ของที่นี่ แล้วครอบครัวของฮิจิคาตะ โทชิโซ เหลือแค่สองพี่น้องเท่านั้น พอพี่สาวมาอยู่ที่นี่เลยทำให้เขามาพักที่นี่บ่อยครั้ง

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในมีแผนผังแสดงความสัมพันธ์ของครอบครัวซาโตะ ซึ่งทายาทคนสุดท้ายยังมีชีวิตอยู่ บ้านของคุณซาโตะอยู่ด้านหลังพิพิธภัณฑ์นี้เอง ซึ่งคุณซาโตะจะเข้ามาพูดคุยในอาทิตย์ที่1และ3 ต้องขอขอบคุณที่มอบบ้านหลังนี้ให้พวกเราได้ศึกษาเรียนรู้ ที่สำคัญคือดูแลดีมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

ลานด้านหน้าเมื่อมีกองทัพหรือมีกลุ่มเข้ามาเยี่ยมที่บ้าน จะต้องอยู่กันตรงนี้ ซึ่งเป็นลานที่ค่อนข้างกว้าง ฮอนจินเป็นอาคารสำหรับไดเมียวและเจ้าหน้าที่ที่เปลี่ยนไปทำงานในช่วงสมัยเอโดะ

Credit:Chill Chill Trip

ตรงมุมของลานที่นั่ง เราจะสังเกตเห็นหลุมเล็กๆ เป็นรูปทรงเกาลัด เป็นการตกแต่งลวดลายบนพื้น

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่เคยทนต่อเพลิงไหม้ครั้งยิ่งใหญ่ที่โจมตี Hino-juku หลายครั้ง ทั้งการฟื้นฟูเมจิ และแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่คันโต และเมื่อสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สอง เศษของระเบิดที่ตกลงมารอบๆ โรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น Hino Daiichi ได้ทำลายหลังคา กระเบื้อง

Credit:Chill Chill Trip

ความพิเศษอีกอย่างของบ้านพักหรือคฤหาสน์หลังนี้คือ บานประตูไม้ขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ผืนเดียวเท่านั้น และการก่อสร้างบ้านทั้งหลังด้วยเทคนิคโบราณ ใช้ตะปูน้อยที่สุด บางห้องไม่ได้ใช้ตะปูเลย

Credit:Chill Chill Trip

หากเราแหงนมองบนคานหรือเพดาน จะเจออุปกรณ์รูปทรงแปลกๆ เช่น สัตว์ต่างๆ หรือ ตราประจำตระกูลติดอยู่ที่ตามคานไม้ เพื่อปกปิดรอยตะปู

Credit:Chill Chill Trip

เราอาจจะไม่เคยเห็นเพดานที่ทำช่องให้แสงลอดผ่านบ่อยนัก ในสมัยนั้น ที่นี่น่าจะเป็นบ้านที่ทันสมัยมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

ตราสัญลักษณ์ประจำตระกูลไซโตะ ที่เราจะเห็นตามคาน หน้าจั่ว หรือมุมต่างๆของบ้านรวมถึงหลังคา

Credit:Chill Chill Trip

อาคารหลังนี้ถูกสร้างขึ้นแทนอาคารหลักที่ถูกทำลายโดยไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ถล่มฮิโนะในปี พ.ศ. 2392

Credit:Chill Chill Trip

ลังไม้โบราณที่มีตัวจับโลหะมีสนิมขึ้นแสดงให้เห็นว่ากาลเวลาผ่านมานานแค่ไหนแล้ว…นานราว 160 กว่าปีเชียวล่ะ

Credit:Chill Chill Trip

ที่ประตูบานเลื่อนในบ้าน มีประตูกระดาษสาที่มีตัวอักษรคันจิโบราณแปะไว้อยู่ ดูๆแล้วก็เหมือนมีสัญลักษณ์ต่างๆแฝงอยู่

Credit:Chill Chill Trip

หมอนในสมัยก่อน ที่เป็นทรงสูงก็เนื่องจากว่า สาวๆญี่ปุ่นนั้นต้องเกล้าผมขึ้นและแต่งผมค่อนข้างยาก ปกติจะไม่ได้สระผมทุกวัน ดังนั้นเวลานอนจะเลือกหนุนหัวให้สูงเพื่อรักษาทรงผมไว้

Credit:Chill Chill Trip

ประตูบานเลื่อนที่มีหน้าต่างเปิดปิดได้อีกชั้น มีไว้เพื่อส่งสำรับอาหารและของต่างๆ เนื่องจากคนญี่ปุ่นสมัยก่อนจะไม่อนุญาตให้ผู้รับใช้เข้ามาเดินในบ้านเลย

Credit:Chill Chill Trip

อ่างอาบน้ำของเจ้านายในอดีต แม้จะเป็นอ่างเล็กๆ แต่ก็มีห้องสำหรับอาบน้ำเป็นสัดส่วนนะ บางทีก็เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิเสด็จมาพำนัก ก็จะใช้อ่างอาบน้ำนี้

Credit:Chill Chill Trip

สังเกตประตูบานไม้สีดำเข้ม เป็นประตูของจริงที่เคยถูกไฟไหม้ครั้งหนึ่ง เค้าเลยถอดออกมาเก็บไว้ด้านในเลย ห้องนี้สำหรับชมนิทรรศการ

Credit:Chill Chill Trip

ห้องน้ำจะอยู่ตรงบริเวณด้านนอก หลังบ้านพัก ตัวอักษรที่อธิบายว่านี่คือห้องน้ำยังคงเป็นตัวคันจิโบราณ อ่านว่า เซ็จจิน – Secchin

Credit:Chill Chill Trip

ผู้ที่ชื่นชอบกาจาปองต้องไม่พลาด ตรงนี้ยังมีกาจาปองสำหรับคนที่สนใจประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นโดยเฉพาะช่วง Shinsengumi

Credit:Chill Chill Trip

จากที่นี่เดินไปราว 15 นาที จะมีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ที่คนให้ความสนใจไม่น้อยเลย เรียกว่า Shinsengumi Furusato Historical Museum หรือ 新選組のふるさと歴史館 ที่ชั้น 1 จัดแสดงไว้เพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับภูมิภาคนี้และวิธีที่ Shinsengumi ก่อตัว ต่อสู้ และสลายไปในที่สุด แสดงเรื่องราวของสงครามโบชินที่เกี่ยวข้องกันด้วย

Credit:Chill Chill Trip

เมื่อเราเข้าไปในพิพิธภัณฑ์ เราจะมีโอกาสได้แต่งกายในชุดเครื่องแบบชินเซ็นกุมิแบบดั้งเดิม สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้เลย รับรองว่าแต่งแล้วจะเหมือนเพิ่งเดินออกมาจากแถวของชินเซ็นกุมิเลยจ้า ทั้งสองพิพิธภัณฑ์นี้ดีหมด เพียงแต่ว่ามีแค่ภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น แต่หากเพื่อนๆสนใจจะเห็นของจริง สัมผัสบรรยากาศจริง ก็สามารถไปได้เลย โดยอ่านรีวิวจากเราไปก่อนก็ได้ ** ‘ชินเซ็นกุมิ’ (新選組 กลุ่มคัดสรรใหม่) คือ หน่วยตำรวจพิเศษเพื่อปกป้องโชกุนอย่างเป็นทางการ ตั้งขึ้นในสมัยยุคเอโดะ

Credit:Chill Chill Trip

ชมพิพิธภัณฑ์ Hino Honji

ที่อยู่	2-15-9 Hinohonmachi, Hino City, Tokyo 191-0011
ค่าเข้า	ผู้ใหญ่ 200 เยน เด็กประถม 50 เยน
เวลาทำการ	เวลา 9.30-7.00 น. (เข้าได้ถึงเวลา 16:30 น.) ทุกวันจันทร์ * หากตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์จะหยุดวันถัดไป วันสิ้นปีและวันขึ้นปีใหม่ (มีการปิดชั่วคราวอื่นๆ)
Website	พิพิธภัณฑ์ Hino Hon
การเดินทาง	นั่งรถบัสจาก Takahatafudo คันที่มุ่งหน้าไปยังฮิโนะ ลงที่ป้าย “Health Center 「生活保健センター」” เดินต่อ 5 นาที