เที่ยวคามาคุระ(Kamakura)ด้วยพาสรถไฟสายเอโนเดน(Enoden) บ้านพัก 10 คนพักได้สบาย บรรยากาศดี พักได้ตลอดทั้งปี พร้อมโปรแกรมเที่ยวคามาคุระ แบบจัดเต็มๆ 4 วัน

เที่ยวประหยัดด้วยพาสวันเดย์เอโนเดน (Enoden pass) ไหว้พระใหญ่คามาคุระ ถ่ายรูปรถไฟสายคลาสสิกเอโนเดน(Enoden) ชวนตามรอยอนิเมะสุดดังแสลมดังก์ (Slamdunk) ปาร์ตี้ฟินๆในบ้านพักใกล้ทะเล

วันที่ 1

  1. Kamakura station
  2. Tsurugaoka Hachimangu(ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู)
  3. Komachi dori ถนนโคมาจิ
  4. Enoden บ้านพักสายรถไฟเอโนเดน
  5. Enoshima ศาลเจ้าเอโนะชิมะ
  6. เทศกาลไฟเอโนชิมะ(โชนันโนะโฮเซกิ)

วันที่ 2

  1. ตามรอย Slamdunk
  2. Fujisawa station
  3. ร้านขนมรถไฟอายุกว่า 200 ปี
  4. วัดเรียวโคจิ
  5. Koshigoe station
  6. Boulangerie Le beau temps
  7. Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)
  8. Hasedera temple (วัดฮาเซเดระ)
  9. ร้านขนมปัง EKIYOKO BAKE エキヨコ ベイク
  10. ร้าน Seedless

วันที่ 3

  1. Enoshima Aquarium
  2. บ้านพักที่ Hayama

วันที่ 4

  1. ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน
  2. ร้าน Alpen TOKYO

วันที่ 1

Kamakura station

วันนี้เราพาเพื่อนๆออกไปพักและเที่ยวนอกโตเกียวกัน นั่นคือ คามาคุระ (鎌倉) ที่นี่เป็นเมืองชายฝั่งในจังหวัดคานางาวะ ห่างจากโตเกียวไปทางใต้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เป็นเมืองเล็กๆ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมาก คามาคุระบางครั้งเรียกว่าเกียวโตแห่งญี่ปุ่นตะวันออก มีวัด ศาลเจ้า และอนุสรณ์สถานทางประวัติศาสตร์อื่นๆ มากมาย นอกจากนี้ หาดทรายของคามาคุระยังดึงดูดผู้คนจำนวนมากในช่วงฤดูร้อน เอาล่ะ จากชินจูกุก็นั่งรถไฟมาลงที่สถานีคามาคุระกันนะ

Kamakura station

Credit:Chill Chill Trip

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู ศาลเจ้าเก่าแก่แห่งคามาคุระ ที่แรกที่เราจะไป ต้องเดินจากสถานีฝั่งทางออก JR เดินก็แค่ราว 10 นาที ผ่านเสาโทริอิสีแดง ตรงไปเลย ที่ๆเราจะไปเยือนคือศาลเจ้าสำคัญแห่งญี่ปุ่น ชื่อว่า ศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมังกู สร้างขึ้นในยุคคามาคุระ ตรงกับ ค.ศ. 1185 – 1333 ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องการขอพรเกี่ยวกับความโชคดี และหากต้องการขอเรื่องความรักให้ไปขอที่หินเจ้าหญิง Masago ishi เชื่อกันว่าเราจะสมหวังดังใจปรารถนาในทุกๆเรื่อง

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Credit:Chill Chill Trip

มาฟังประวัติของศาลเจ้ากันนะ Tsurugaoka Hachimangu (鶴岡八幡宮, Tsurugaoka Hachimangū) เป็นศาลเจ้าที่สำคัญที่สุดของคามาคุระ ก่อตั้งโดยมินาโมโตะโยริโยชิในปี 1063 ซึ่งเป็นโชกุนคนแรกของรัฐบาลคามาคุระ ศาลเจ้าอันยิ่งใหญ่แห่งนี้สร้างเพื่ออุทิศให้กับ Hachiman เทพเจ้าผู้อุปถัมภ์ของตระกูล Minamoto และเหล่าซามูไร

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Credit:Chill Chill Trip

Komachi dori ถนนคนเดินโคมาจิ

ขากลับมาที่สถานีคามาคุระ ระหว่างสองข้างทาง อื้อหือ เหมือนจะไม่ให้เราไปถึงศาลเจ้าง่ายๆอย่างงั้นแหล่ะ เพราะมีร้านค้าที่ขายสินค้าน่ารักๆมากมาย โคมาจิโดริ เป็นถนนที่อยู่ทางออกทิศตะวันออกของสถานีคามาคุระไปยังศาลเจ้าสึรุงะโอกะ ฮาจิมันกู เราสามารถเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้งและรับประทานอาหาร มีร้านค้าและร้านอาหารมากมายตั้งแต่ร้านขายของที่ระลึกแบบดั้งเดิมไปจนถึงเสื้อผ้าสมัยใหม่

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Credit:Chill Chill Trip

ด้วยระยะทางกว่า 350 เมตร ก็ทำให้ที่นี่เพลิดเพลินมากๆเลยจ้าเพื่อนๆ ไม่ว่าจะวัยไหนๆ รับรองว่ามาแล้วก็ต้องใช้เวลาที่นี่อย่างคุ้มค่า แวะกิน แวะชม ไปตลอดทาง

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Credit:Chill Chill Trip

กลับมาที่สถานีคามาคุระกัน จากนั้นเราก็ไปจ่ายตลาดกันที่ชั้น 1 ของห้าง Tokyu ที่อยู่เยื้องกับสถานีคามาคุระ ของสด ไม่แพงเลยจ้า การมาซื้อกับข้าวที่ญี่ปุ่น แนะนำใช้ถุงผ้าของตัวเองก็ดีจ้า

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Credit:Chill Chill Trip

เมื่อจะเริ่มเดินทางด้วยรถไฟสายเอโนเดน (Enoden) แนะนำใช้พาสเดินทาง ที่นี่มีพาสแบบ 1 วัน เราเรียกว่า ตั๋วเอโนเด็น 1 วัน “โนริโอริคุน” ราคา (ผู้ใหญ่) 800 เยน และ (เด็ก) 400 เยน ซื้อได้ที่ตู้กดซื้อตั๋วอัตโนมัติทุกสถานีของสายเอโนเดน

Tsurugaoka Hachimangu ศาลเจ้าสึรุงะโอกะฮาจิมังกู

Credit:Chill Chill Trip

Enoden บ้านพักใกล้รถไฟสายเอโนเดน

จากนั้น เอากระเป๋าจากล็อกเกอร์และไปเช็คอินกันที่บ้านเช่าของเรา โดยผู้ดูแลบ้านจะส่งรหัสเปิดกล่องใส่กุญแจมาให้เราล่วงหน้าผ่านอีเมล

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นก็เปิดกล่อง หยิบกุญแจมาไขบ้านเลยจ้า อันนี้อย่าทำกุญแจหายนะจ๊ะ แล้วก็ได้เวลาสำรวจบ้านกันเล้ย

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

บ้านหลังนี้ มีทั้งหมด 4 ห้องนอน (ชั้นล่าง 3 ห้องนอน/ ชั้นสอง มี 1 ห้องนอน) มีสองห้องสุขา และหนึ่งห้องอาบน้ำใหญ่ บนพื้นที่ 160 ตร.ม. พร้อม 4LDK สะดวกสบายจนอยากอยู่ตลอดไป

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

แนะนำสำหรับหลายครอบครัว กลุ่มเพื่อน ที่ทำงาน หรือการเข้าพักระยะยาวก็สบายมากไม่มีปัญหา เชิญเข้าบ้านค่า

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

สำหรับห้องญี่ปุ่นนี้ สามารถนอนได้ถึง 4 คน ใครที่มากับเด็กเล็ก ไม่ต้องกลัวตกเตียง เพราะห้องญี่ปุ่นสามารถนอนแบบฟูกได้เลย กลิ้งไปมาก็ไม่ต้องกลัวเจ็บ

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

ภายในชั้น 1 นี้ยังมีห้องนอนอีกสองห้องเลยนะ เรามาดูห้องถัดไปแล้วกัน ถือเป็นห้องนอนใหญ่ของบ้าน มีมุมให้ชมวิวมากที่สุด และสามารถนอนได้ 2 คน เอาจริงๆคือ เตียงใหญ่มากนะ นอนด้วยกันก็อุ่นใจมาก

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

บรรยากาศคือดีมาก หน้าร้อนก็เย็นสบาย หน้าหนาวก็มีฮีทเตอร์อุ่นๆ และนอนเล่นเน็ทสบายๆเพราะมีไวไฟทั้งบ้านเลยจ้า

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

ห้องนอนเล็ก ที่ติดกันกับห้องนอนใหญ่ก็พอดีมากๆสำหรับนอนสองคน ด้านบนมีกระจกโปร่งแสงทำให้ห้องดูสว่าง สบายตา

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นไปที่ชั้นสองของบ้านกัน ด้านบนเรายังมีอีกห้องนอน ที่นอนได้ 1 คนด้วยนะ เอาเป็นว่า ใครที่ชอบบรรยากาศนอนในห้องคนเดียว ต้องปลื้มห้องนี้ มาพร้อมกับมุมอ่านหนังสือด้วย

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่มีมุมห้องครัวที่ใหญ่มาก มีถ้วย ชาม ไห หม้อ มีด เขียง กาต้มน้ำร้อน ไมโครเวฟ หม้อหุงข้าว ตู้เย็น ที่ล้างจาน แบบว่าพร้อมทำกับข้าวมากๆ

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

เพื่อนๆไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้เตาแก๊สเลย เพราะเค้ามีเขียนคู่มือภาษาอังกฤษพร้อมรูปภาพ อธิบายเข้าใจง่ายๆ และใช้งานง่ายจริงๆ

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

เตรียมเครื่องดื่มร้อนๆที่ชอบ ต้มน้ำใส่เข้าไป(สามารถใช้น้ำเปล่าจากก็อกน้ำได้นะ น้ำที่นี่ดื่มได้) แล้วมายืนชมนกชมไม้กัน สบายใจ

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

มุมห้องพักผ่อนนั่งเล่น ก็มีที่นั่งดูทีวี ความเริ่ดของที่นี่คือเค้ามีช่อง Netflix ด้วยเน้อ ขอตัวไปดูหนังที่ชอบให้สะใจไปเลยคืนนี้

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

เพื่อนๆที่ตั้งใจมาพักหลายวัน หรือมาจากที่อื่นแล้วมาพักพร้อมเสื้อผ้าที่ใส่แล้วแต่อยากซักให้เรียบร้อยก่อนก็มาซักที่นี่ได้เลย พร้อมอบแห้งได้ด้วย ไม่ต้องมีผงซักฟอกก็ได้เพราะเค้าเตรียมให้หมด รวมถึงผ้าเช็ดตัวและแปรงสีฟัน (เพื่อนๆต้องเตรียมชุดนอนมาเองนะ)

บ้านพัก STELLA STORIA

Credit:Chill Chill Trip

หลังจากเอาของเข้าไปเก็บแล้ว เราก็รีบเดินทางออกมาเที่ยวกันเล้ย ความสะดวกสบายของบ้านหลังนี้คือ เดินไปสถานียูอิงะฮามะ 5 นาที เดินไปชายหาดยูกาฮามะ 1 นาที เดินไปวัดฮาเซเดระ 12 นาที และเดินไปวัดพระใหญ่คามาคุระแค่ 15 นาที แต่เรามาที่สถานีคามาคุระ แวะกินข้าวก่อน

Credit:Chill Chill Trip

Enoshima เกาะเอโนะชิมะ

จากนั้นก็เดินต่อมาเรื่อยๆเพราะวันนี้เราจะไปเดินเที่ยวที่เกาะเอโนะชิมะกันจ้า วันธรรมดาคนจะน้อยกว่าวันหยุด แต่ๆ ก็ไม่เสมอไปเน้อ ถ่ายรูปเล่นก่อน ที่นี่เรียกว่า ถนนเบ็งไซเท็งนากามิเสะ

Enoshima เกาะเอโนะชิมะ

Credit:Chill Chill Trip

เดินมาจนสุดทางก็เจอทางขึ้นศาลเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ของคนที่นี่ คือ ศาลเจ้าเอโนะชิมะได้รับการก่อสร้างตัวศาลในถ้ำหินด้วยพระบรมราชโองการจากสมเด็จพระจักรพรรดิคินเมย์ในปีค.ศ. 552 มีความขลังมากๆ

Enoshima เกาะเอโนะชิมะ

Credit:Chill Chill Trip

ผ่านประตูเทพเจ้าแห่งศาลเจ้าเอโนะชิมะ ถูกสร้างขึ้นด้วยรูปแบบวังมังกรและถูกเรียกขานว่า “ประตูซุยอิงมง” ซึ่งเป็นชื่อที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อให้ผู้มาเยี่ยมเยือนสักการะศาลเจ้าด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์มาแล้ว ขึ้นมาก็จะเจออาคารหลัก ไหว้พระเลยจ้า

Enoshima เกาะเอโนะชิมะ

Credit:Chill Chill Trip

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

เพื่อนๆที่ไม่อยากเดินขึ้นเขา แนะนำซื้อตั๋วขึ้นบันไดเลื่อนจ้า เพราะเราจะมากันที่ไฟประดับชื่อดังกัน เทศกาลประดับไฟหน้าหนาวที่พูดถึงนั้น มีชื่อว่า “โชนัน โนะ โฮเซกิ” (Shonan no Hoseki) มีความหมายว่า “อัญมณีแห่งโชนัน”

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

เทศกาล โชนัน โนะ โฮเซกิ มีขึ้นตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 1999 โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่หอชมวิวเอโนชิมะ ซีแคนเดิล (Enoshima Sea Candle) ซึ่งเสียค่าเข้านิดหน่อย แต่คุ้มสุดๆ

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

จนถึงปัจจุบันนี้ เทศกาลนี้ก็ก้าวเข้าสู่ปีที่ 19 แล้ว ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ใน 3 เทศกาลประดับไฟสุดยิ่งใหญ่ของภูมิภาคคันโต รองจาก illumination ที่ Ashikaga Flower Park และ Tokyo German Village ปกติจะจัดขึ้นช่วงหน้าหนาว สำหรับปี 2023 เริ่ม 23 พฤศจิกายน – 29 กุมภาพันธ์

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

จบวันกลับเข้าที่พักมาทำมื้ออร่อย ๆ กินกัน เที่ยวนี้เราซื้อของมาเยอะมาก แต่หมดไป 9000 เยนซึ่งเราซื้อสำหรับมื้อเช้ามาด้วยนะ

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

ความเก๋คือเรามีผักชีด้วย ล้างผักให้สะอาดและเตรียมทำกับข้าวกัน เครื่องปรุงหลายอย่างก็สามารถนำมาจากไทยได้นะ เช่น น้ำปลา น้ำตาล พริกป่น น้ำพริกต่างๆ ส่วนมะนาวและของสดเราจะมาซื้อที่นี่เอา ห้ามนำพืชผักหรือเนื้อต่างๆจากไทยขึ้นเครื่องมาด้วยน้า

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

มื้อนี้ของเรา เพียบพร้อมไปด้วยของกินนานาชนิด ฮ่าๆ อดอย่างอื่นได้แต่ของสำหรับปากท้องต้องไม่พร่อง ผลไม้ตามฤดูกาลก็ต้องมี

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

มื้อนี้ของเรามี ยำวุ้นเส้น ปูอัด เนื้อย่าง ซาชิมิแบบเน้นแซลมอนแบบจุกๆ พร้อมด้วยสาหร่าย ข้าวสวยและน้ำจิ้มทั้งแบบโชยุและซีฟู๊ด พูดแล้วก็น้ำลายไหล

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

ความสะดวกของการมาพักที่บ้านเป็นหลังคือ เราสามารถทำกับข้าวง่ายๆ โดยเลือกวัตถุดิบสด ราคาไม่แพงจากแหล่งซื้ออย่างซูเปอร์มาร์เก็ตได้ และมีมีดให้ด้วย หั่นเป็นชิ้นขนาดเท่าที่อยากกินเลย

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

มื้ออาหารค่ำนี้ ก็จัดไปเต็มๆ สามคนอยู่ในงบ 3 พันบาทเท่านั้นเองจ้า แต่รับรองว่า อิ่มอร่อยสะใจไปเลย

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

เห็นไหมว่า การได้มาพักแบบบ้านเป็นหลังนี่ สบายแค่ไหน หากเราจะกินแบบย่างเนื้อ ก็มีเตาย่างไฟฟ้าให้ด้วยนะสำหรับคืนนี้ นอนหลับสบายละ(ขอความร่วมมือ รักษาความเรียบร้อย งดเสียงดัง และโดยเฉพาะนอกระเบียงหลัง 21:00 น. เนื่องจากต้องรักษาความสงบรอบๆพื้นที่)

Shonan no Hoseki เทศกาลไฟประดับโชนัน

Credit:Chill Chill Trip

DAY 2

ตามรอย Slamdunk

วันที่สอง ตื่นนอนกันตั้งแต่ 6 โมงเช้า หลังจากที่เรากินอาหารเช้าแบบง่ายๆเรียบร้อยแล้ว เราก็รีบออกมาถ่ายรูปกันก่อน โดยแวะที่สถานี Kamakurakokomae

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นเราก็เดินมาที่ตรงที่กั้นรถไฟที่อยู่ใกล้ๆ มุมนี้แหล่ะเรียกว่า มุมมหาชนที่ใครก็ต่างอยากมาเก็บบรรยากาศแบบที่เหมือนในการ์ตูนเรื่อง Slam Dunk

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

“Slam Dunk” ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 1990 ในซีรีส์มังงะสำหรับเด็กผู้ชาย และเป็นเรื่องราวของทีมบาสเก็ตบอลชายในโรงเรียนมัธยมปลาย ต่อมาได้ถูกสร้างเป็นอนิเมะและออกอากาศไม่เพียงแต่ในญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในไต้หวัน ส่วนอื่นๆ ของเอเชีย และแม้แต่ในยุโรป

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

ด้านล่างของอีกฝั่งชายหาดเป็นจุดเดินเล่นที่สวยงามมากๆ จากจุดนี้สามารถมองเห็นภูเขาไฟฟูจิได้ในวันที่อากาศดี

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

เดินลงไปเล่นหน่อยดีกว่า หาดทรายละเอียดมากๆเลย และคลื่นทะเลก็สวยมากๆ ที่นี่เป็นจุดที่มีนักกีฬาเซิร์ฟเยอะมากๆ

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

ประเทศญี่ปุ่นมีทะเลที่เหมาะกับการเล่นเซิร์ฟมากมาย และถ้าเรามาพักที่นี่ เราจะเห็นภาพคนถือบอร์ดเซิร์ฟเดินไปมาอย่างชินตา

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

Fujisawa station

แวะไปเที่ยวจุดอื่นๆต่อกันดีกว่า ตรงนี้เป็นด้านล่างของสถานีฟูจิซาวะ ( Fujisawa Station) สถานีปลายทางของเส้นรถไฟนี้ มุมนี้คือหนึ่งในภาพปฏิทินของเมืองเลยนะ

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

รถไฟสายเอโนเดนวิ่งผ่านเข้าออกตลอดเวลา แต่ก็ช้าๆ ทำให้ถ่ายรูปได้สบายๆ แถวๆนี้ยังมีห้าง Bic camera ที่ขายอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยนะ

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

พอถ่ายรูปรถไฟเรียบร้อยแล้ว เราก็มากันที่ตู้คีบตุ๊กตากันบ้างละกัน ไม่ได้มีแค่เด็กๆเท่านั้น ผู้ใหญ่อย่างเราก็ต้องสนุกกันบ้างล่ะ

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

Enoshima Monaka ร้านขนมรถไฟอายุกว่า 200 ปี

เสน่ห์ของการเดินทางด้วยรถไฟสายเอโนเดนยังไม่หยุดแค่นี้ การเดินข้ามไปมา หรือแม้แต่การจอดเทียบกัน ย้อนให้เรานึกถึงบรรยากาศในอดีต

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

ใกล้กับสถานีเอโนะชิมะ เราเดินมาหาวิวถ่ายรูปเล่นกันบ้างดีกว่า รถไฟเอโนเดนแบบวิ่งบนถนนก็เท่มากๆเลย เพื่อนๆคิดเหมือนเราไหม

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

ไม่ว่าจะยืนถ่ายรูป เดินถ่ายรูป ก็ยังอยู่ในจุดที่ปลอดภัยและภายในกฏจราจร แค่มุมนี้ก็สนุกกันมากๆ เราใช้เวลาอยู่ตรงนี้เกือบชั่วโมงเลยนะ

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

รถไฟขบวนย๊าวยาว ยิ่งมองจากฝั่งนี้ยิ่งสนุกมากๆ เด็กๆที่ชอบรถไฟ มานั่งดูรถไฟสายเอโนเดนกันนะ รับรองความว้าวเลยจ้า

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

ใกล้กันเราเจอร้านขายขนมโบราณด้วย ที่นี่คือ ร้าน Enoshima Monaka เป็นร้านขนมที่มีอายุเก่าแก่ราว เกือบ 400 ปี พระเจ้า! เค้าบอกว่า ร้านนี้เกิดในช่วงรอยต่อยุคเอโดะ – ยุคเมจิ

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

มีขนมญี่ปุ่นแท้ๆ ที่เป็นขนมแบบนึ่งอย่าง ขนมมันจูไส้ถั่วแดง ขนมวาราบิโรยด้วยน้ำตาลทรายแดง และขนมอื่นๆ เราซื้อมาอย่างละชิ้น ลองชิมทุกชิ้นเลย

ตามรอย Slamdunk

Credit:Chill Chill Trip

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

และฝั่งตรงข้ามร้าน เป็นวัดที่สวยมากๆวัดหนึ่ง ชื่อว่าวัดเรียวโคจิ (Ryuko-ji) ถือเป็นหนึ่งในสถานที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาวัดพุทธที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่แห่งของนิจิเร็นโชนิน (มัตสึบาดานิ อิซุ โคมัตสึบาระ และริวโนะคุจิ)

Credit:Chill Chill Trip

นอกจากนี้ วันที่ 11, 12 และ 13 กันยายนของทุกปีถูกกำหนดให้เป็น “วัดเรียวโคจิโฮนันไก” และพิธีรำลึกครั้งใหญ่จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ตอนเย็นของวันที่ 12 จนถึงกลางดึก

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

ผู้คนที่ไปวัดจะจุดโคมจำนวนมาก และแผงขายของยามค่ำคืนตั้งเรียงรายอยู่หน้าประตู ทำให้เกิดบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเป็นอย่างมากค่ะ ตอนช่วงปลายมีนาคมซากุระบานสวยมาก

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

Koshigoe station

อยากบอกว่า แทบทุกๆสถานีของรถไฟสายเอโนเดน มีมุมถ่ายรูปเก๋ๆเพียบเลย ถ้าเราซื้อพาสด้วยก็ยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมาก ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายเลย 800 เยนทั้งวันตั้งแต่เช้ายัน 5 ทุ่มเลยจ้า

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

ถ้าเรามีกล้องซูมไกลๆด้วยแล้ว การถ่ายรูปที่เมืองนี้ยิ่งสนุกมากๆเลยล่ะ รถไฟสายเอโนเดนนี้ มีเส้นแบ่งระหว่างฟูจิซาวะและคาตาเสะเปิดในปี 1902 และเส้นทางทั้งหมดไปยังโคมาจิเปิดในปี 1910 สัญลักษณ์เส้นทางที่ใช้ในการระบุหมายเลขสถานีคือ EN

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

เส้นทางรถไฟสายนี้มีความยาว 10 กิโลเมตร เส้นทางทั้งหมดอยู่ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบการรถไฟ (鉄道事業法, Tetsudō Jigyō Hō) ของรัฐบาลญี่ปุ่น โดยได้รับข้อยกเว้นให้อนุญาตให้มีการวิ่งบนถนนได้

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

Boulangerie Le beau temps

รอบๆสถานีรถไฟก็จะมีพวกร้านของกินน่ารักๆมากมาย อย่างที่นี่ก็จะเป็นร้านขนมปังน่ารักๆ ที่นักท่องเที่ยวอย่างเราต้องไม่พลาดที่จะไปลอง

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในมีขนมปังน่ากินมากๆ กลิ่นหอม อยากซื้อทุกชิ้นเลยจ้า ก็จัดไปเป็นขนมกินเล่นกันคนละชิ้นก่อนที่จะเดินทางกันต่อและถ่ายรูปเล่นกันทั้งวัน

Ryuko-ji วัดเรียวโคจิ

Credit:Chill Chill Trip

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

บ่ายนี้เราจะไปไหว้พระใหญ่ไดบุตซึ (Kamakura Daibutsu หรือ The Great Buddha) เป็นพระพุทธรูปที่สำคัญที่สุดในเมืองคามาคุระ ตั้งอยู่ในวัดโคโตะกุอิน (Kotokuin Temple)

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

มีความสูง 13.35 เมตร น้ำหนัก 95 ตัน เป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่เป็นอันดับสองในญี่ปุ่น รองจากหลวงพ่อโต แห่งวัดโทไดจิ เมืองนารา

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

องค์หลวงพ่อสร้างจากโลหะสำริด และทองแดง โดยช่างฝีมือในอดีต ที่เห็นองค์พระเป็นสีเขียวเป็นเพราะว่าเกิดปฏิกิริยาทางเคมี เกิดออกไซด์ของโลหะที่สะสมมาเป็นเวลานานจนองค์พระเป็นสีเขียวสนิม

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

องค์พระถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ.1252 ด้านหลังองค์พระจะมีประตูทางเข้าเล็กๆ มีค่าใช้จ่าย 20 เยน สำหรับเดินเข้าไปข้างในองค์พระได้

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

Hasedera temple (วัดฮาเซเดระ)

เราลงที่สถานี Hase จากนั้นเดินไม่เกิน 10 นาทีก็จะมาถึงวัดฮาเซเดระ หรือ Hasedera เป็นวัดอิสระของนิกาย Jodo ในเมือง Hase เมือง Kamakura จังหวัด Kanagawa มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าวัดไคโกะซัง จิโชอิน ฮาเซเดระ หรือที่รู้จักกันในชื่อฮาเสะคันนง

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในอาคารหลักคือรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมสิบเอ็ดหน้า ซึ่งเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปไม้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ผู้ก่อตั้งคือโทคุโดะ โชนิน เป็นวัดแห่งที่สี่ของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์บันโดสามสิบสามเจ้าแม่กวนอิม แนะนำเข้าไปชมด้านในด้วยจ้า

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

EKIYOKO BAKE エキヨコ ベイク

ร้านขนมแบบมินิมอลที่เดินไม่ไกลจากสถานีฮาเสะ (Hase station) จุดที่เพื่อนๆจะต้องเดินไปไหว้พระใหญ่ ร้านนี้คนมาเต็มร้านเรื่อยๆเลยจ้า

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป กลิ่นหอมของเนยเตะเข้าจมูกอย่างแรง หอมมากๆๆๆ จนต้องเดินไปตามกลิ่นและมองหาขนมสักชิ้นกินคู่กับกาแฟแก้วโปรด

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

หูย อร่อยจนหยุดกินไม่ได้จริงๆด้วย ปกติเป็นคนที่ไม่กินขนมสโคน แต่ว่าครั้งนี้อดใจไม่ไหวต้องซื้อกิน และเนยที่อุ่นให้ร้อนและละลายลงมาบนขนม ทำให้หอม อร่อยสุดๆ

Kotokuin Temple (วัดโคโตะกุอิน)

Credit:Chill Chill Trip

ร้าน Seedless

สำหรับมื้อเที่ยงเราแวะไปกินที่ร้านSeedless ตรงใกล้ๆบ้านพักอีกรอบ ซึ่งเป็นร้านอาหารและคาเฟ่แบบติดทะเล

Credit:Chill Chill Trip

เราสั่งเมนูแบบสเต็กไปคนละอย่างกัน แต่ละจานมาแบบเกินคาดเดามากๆ น่ากินและได้ในปริมาณที่อิ่มสุดๆ เป็นอีกร้านคุณภาพที่แนะนำ

ร้าน Seedless

Credit:Chill Chill Trip

Day 3

Enoshima Aquarium

ไหนๆก็มาทะเลแล้ว แวะมาที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเอโนะชิมะ ( Enoshima Aquarium) กันดีกว่า ว่าแล้วก็ขึ้นรถไฟไปลงที่สถานีเอโนะชิมะกันจ้า

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเอโนะชิมะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่หันหน้าไปทางอ่าวซากามิ Sagami Bay จังหวัดคานากาวะ (Kanagawa) ซึ่งมีสถานที่ตั้งที่มองเห็นมรดกโลกอย่างภูเขาไฟฟูจิและเกาะเอโนะชิมะที่สวยงาม

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำเอโนะชิมะ (Enoshima Aquarium) มีปลากว่า 90 ชนิดและมีจำนวนกว่า 20,000 ตัว สามารถนั่งชมได้อย่างใกล้ชิดแบบที่เก็บภาพมาได้แบบนี้เลย และที่เป็นไฮไลต์ของที่นี่คือการแสดงโชว์ของปลาโลมา ที่เค้าบอกว่า นั่งชมการแสดงปลาโลมาไปด้วยชมภูเขาไฟฟูจิไปด้วยก็ได้

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

มีการแสดงการดำน้ำภายในแท้งค์น้ำเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกับการดูปลาอย่างใกล้ชิด เรียกโชว์นี้ว่า uogokoro

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

ด้านใน เค้าออกแบบให้เรามองดูปลาได้ในรูปทรงต่างๆ เช่น แบบเรือดำน้ำ ที่มองผ่านกระจกออกไปก็เจอปลาว่ายน้ำไปมา หรือแบบตู้ปลาขนาดใหญ่มากๆ

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

ส่วนรอบๆห้องเป็นเหมือนนิทรรศการแสดงชีวิตแมงกระพรุนขนาดน้อยใหญ่ เพื่อแนะนำโลกของแมงกะพรุนในระบบนิเวศน์

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

เด็กๆหรือแม้แต่ผู้ใหญ่ที่อยากมีประสบการณ์สัมผัสกับปลาต่างๆ ก็มีโซนที่จับปลาได้ด้วยนะ

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

ด้านนอก มีชายหาดเต่าและหาดทรายสำหรับให้เต่าวางไข่ ที่เราสามารถเพลิดเพลินกับการดูพวกมันว่ายน้ำช้าๆได้ และก็ยังมีเจ้าหนูยักษ์ คาปิบาร่า ให้ชมด้วย

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

สำหรับเพนกวิน ก็มีการให้ชมการให้อาหารและดูน้องๆว่ายน้ำไปมาอย่างเพลิดเพลิน เด็กๆชอบมุมนี้มาก

Enoshima Aquarium

Credit:Chill Chill Trip

บ้านพักที่ Hayama

จากนั้นเราก็เปลี่ยนบรรยากาศกันบ้าง เรามาบ้านอีกแห่งของเครือเดียวกัน เราเรีกว่า บ้านฮายามะ เนื่องจากอยู่ในเขตเมืองฮายามะ ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ บนคาบสมุทรมิอุระ ตั้งอยู่ทางใต้ของเขตซุชิ ในจังหวัดคานางาวะ ทางใต้สู่โตเกียว และใกล้กับคามาคุระ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

บ้านหลังนี้มีความเก่าแก่กว่า 80 ปีเลยนะ การตกแต่งยังคงรูปแบบญี่ปุ่นมากๆ ซึ่งทำให้เรารู้สึกเหมือนได้มานอนบ้านจริงๆ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

ห้องนอนหลักของที่นี่เป็นเตียงขขนาดใหญ่สองเตียงวางคู่กัน หันหน้าออกสู่ทะเล จากห้องนอนบนนี้ สามารถส่องดูดาวได้ด้วยนะ (เค้ามีกล้องส่องดูดาวให้ยืมด้วย)

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

ห้องนอนติดกัน สามารถพักได้อีก 6 คนเลยล่ะ ที่นอนและหมอน ผ้าห่มก็พร้อมปูมากๆ ถ้าเพื่อความสะดวกสบายก็สามารถพักได้ 7 คน แต่ก็รองรับได้ถึง 10 คนเลยนะ เพราะมีห้องอาบน้ำและสุขาแค่ห้องเดียว

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

แต่ถ้าเรื่องการสื่อสารล่ะก็ไม่ต้องกังวล คู่มือการใช้งานอุปกรณืทุกอย่างภายในบ้าน มีแปลภาษาอังกฤษอย่างดีและรวมถึงมีภาพประกอบด้วย

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

ความพิเศษของบ้านฮายามะคือ อ่างแช่น้ำอถ่นที่วางไว้หน้าบ้าน ใช้เวลาเติมน้ำราว 20 นาที ก็จะได้บรรยากาศฟินๆ อาบน้ำริมทะเล ฮิ้วๆ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

พอพระอาทิตย์เริ่มตกดิน โห บรรยากาศดีสุดๆ เพื่อนๆอยากชมวิวยามเย็นที่ในเมืองที่คนพลุกพล่านมากมาย หรือเป็นที่สงบๆสักที่และมีแค่คนรู้ใจอยู่ข้างๆ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

ในวันที่อากาศสดใส ภูเขาไฟฟูจิของที่นี่ก็วิวสวยไม่แพ้ที่อื่นเลยนะ จากบ้านพักของเรา เดิน 20 ก้าวก็เห็นวิวนี้แล้ว

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

มานั่งเล่นริมหาดทราย ชมภูเขาไฟฟูจิจนพระอาทิตย์หายลับไปจากเส้นขอบฟ้า มุมนี้คือดีต่อใจมากๆ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

ได้เดินเล่นริมหาด ได้ชมภูเขาไฟฟูจิอย่างเต็มอิ่มแล้ว ยังพอมีเวลาเหลือก่อนกินข้าวเย็น มาแช่น้ำอุ่นๆกันสักรอบดีไหมนะ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

หรือเพื่อนๆจะเลือกเดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน ( Morito Daimyojin) ซึ่งสามารถเดินเลียบชายหาดไปได้ แค่เพียง 10 นาทีเท่านั้น ที่นี่สวยสุดๆ

Stella Storia Hayama

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าในเวลากลางคืนก็น่าเดินเหมือนกันนะ ด้านในจะจุดไฟสว่างๆ ทำให้ได้ฟีลความขลังไปอีกแบบเหมือนกันนะ

Stella Storia Hayama

Day 4

Credit:Chill Chill Trip

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

วิวยามเย็นว่าสวยแล้ว ตื่นเช้าออกมาเดินเล่นออกกำลังกายก็ยังได้เจอวิวนี้อีก เพลินสุดๆเลย เห็นเกาะเอโนะชิมะชัดมากเลย

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

Credit:Chill Chill Trip

พอเริ่มสายๆ ก็จะเริ่มเห็นชาวบ้านมาตกเบ็ดกัน ถ้าไม่รีบต้องเดินทางต่อ ก็คงอยากจะใช้เวลาช้าๆ ไปเหมือนกัน

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

Credit:Chill Chill Trip

จากที่พัก เดินเลียบชายหาดไปก็จะเจอ ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน ใจกลางเมืองฮายามะ ดินแดนเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยทะเลซึ่งชวนให้นึกถึงทิวทัศน์ของโอกินาว่า ความพิเศษของโมริโตะ-ไดเมียวจินเมื่อเทียบกับศาลเจ้าทั่วไปคือที่ตั้งบนชายฝั่ง โดยมีแผ่นเอมะและดวงชะตากระดาษปลิวไปตามลมทะเล

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

Credit:Chill Chill Trip

อาคารที่เห็นอยู่ในปัจจุบันหันหน้าไปทางฮอนเดนของศาลเจ้านี้ถูกสร้างขึ้นใหม่จากอาคารเดิมในศตวรรษที่ 16-17 และถูกกำหนดให้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่สำคัญของฮายามะ ที่นี่มีผู้คนมากมายมาขอบุตรด้วยนะ

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

Credit:Chill Chill Trip

ด้านหลังศาลเจ้ายังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง ทั้งเสาโทริอิสีแดงลิบๆ ประภาคารกลางทะเล และยังมีโขดหิน หาดทรายที่สวยพร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิแบบพระอาทิตย์ตกดินก็โรแมนติกสุดๆ

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

Credit:Chill Chill Trip

เดินย้อนกลับมาที่บ้าน จากนั้นก่อน 10.00 น. เช็คเอาท์แล้ว สามารถนั่งรถบัสที่ป้ายหน้าบ้าน กลับไปยังสถานี Zushi ได้ด้วย จากที่สถานีนี้มีรถไฟสายนั่งยาวตรงไปถึงชินจูกุด้วยล่ะ สะดวกสบายมากๆ (มีตัวหนังสือเขียนหน้ารถบัส ว่าไป Zushi station)

Morito Daimyojin ศาลเจ้าโมริโตะ-ไดเมียวจิน

Credit:Chill Chill Trip

ร้าน Alpen TOKYO

ขากลับเข้าชินจูกุ เพื่อนๆยังสามารถแวะช้อปปิ้งอย่างจุใจกันที่ร้าน Alpen TOKYO ร้านค้าปลอดภาษีขนาดใหญ่ใจกลาง Shinjuku ที่เดินทางสะดวก มีสินค้าอุปกรณ์กีฬาแบรนด์ต่างๆ รวมถึงรองเท้าOn ให้สายช้อปได้เลือกซื้อในราคาสบายกระเป๋าพร้อมขอคืนภาษีได้อีกด้วย

ร้าน Alpen TOKYO

Credit:Chill Chill Trip

จากฝั่งทางออก East exit ของสถานีชินจูกุ เดินมาแค่ 5 นาทีก็ถึงแล้ว Alpen Tokyo คือ ร้านที่จำหน่ายสินค้าเกี่ยวกับกีฬา กิจกรรมกลางแจ้ง และกอล์ฟที่ใหญ่และครบวงจรอันดับต้นๆในญี่ปุ่น ที่ตั้งอยู่ใจกลางย่าน shinjuku ซึ่งทางร้านแบ่งออกเป็น 8 ชั้น โดย
ชั้น B2 เป็นโซนอุปกรณ์เบสบอล ซอฟต์บอล
ชั้น B1 เป็นโซนอุปกรณ์เทนนิส แบดมินตัน ปิงปอง วอลเลย์บอล และว่ายน้ำ
ชั้น 1 เป็นโซนอุปกรณ์เกี่ยวกับ วิ่ง บาสเก็ตบอล และแผนกขอคืนภาษี
ชั้น 2 เป็นโซนอุปกรณ์เกี่ยวกับฟุตบอล เสื้อผ้าผู้ชาย
ชั้น 3 เป็นโซนอุปกรณ์กิจกรรมกลางแจ้ง ฟิตเนส เสื้อผ้าผู้หญิง
ชั้น 4 เป็นโซนอุปกรณ์แคมป์ เต็นท์ เสื้อผ้าเดินป่า
ชั้น 5 เป็นโซนอุปกรณ์แคมป์ในแบรนด์ต่างๆ
ชั้น 6 เป็นโซนอุปกรณ์รองเท้าและเสื้อผ้ากอล์ฟ
ชั้น 7 เป็นโซนอุปกรณ์กอล์ฟ
ชั้น 8 เป็นโซนอุปกรณ์เดินป่า ตั้งแคมป์ สกี สโนว์บอร์ด(เอาออกมาขายตามฤดูกาล)

ร้าน Alpen TOKYO

Credit:Chill Chill Trip

พูดคุยสอบถามรายละเอียดวิธีการเดินทางหรือดูข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมได้ที่นี่

FacebookChillChillTrip
IGChillChillTrip
YouTubeChillChillTrip

ซื้อพาสรถไฟ บัตรสถานที่ท่องเที่ยว ราคาถูกที่นี่

Klook.com
  1. 1 กระรอกบิน ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider) มารู้จักนิสัย ราคา การเลี้ยงดู อาหาร ตากลมแบ๊วแสนน่ารักแต่นิยมการผาดโผน
  2. 2 Hie shrine ศาลเจ้าฮิเอะ ขอพรเรื่องธุรกิจเจริญรุ่งเรือง สมหวังเรื่องความรัก ในโตเกียว Tokyo
  3. 3 ปลาหมาน้ำ หมาน้ำ หรือเจ้าปลาตีนเม็กซิโก – ซาลาแมนเดอร์ มาทำความรู้จักสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกันเถอะ
  4. 4 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
  5. 5 ล่องเรือเที่ยววัดปากน้ำภาษีเจริญ ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลองท่าต้นสายของเรือคลองภาษีเจริญ แม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร