คามิโคจิ (Kamikochi) สวรรค์บนดินแห่งเทือกเขาแอลป์ จังหวัดนากาโน่ (Nagano)

ทัศนียภาพทางธรรมชาติอันงดงาม ทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของชาติด้วยระดับความสูงประมาณ 1,500 เมตร สถานที่ๆควรมาเยือนสักครั้งในชีวิต

คามิโคจิ (Kamikochi)

คามิโคจิ ( Kamikochi) หนึ่งในสถานที่ในดวงใจของผู้รักธรรมชาติหลายคนที่อยากจะมาสักครั้งในชีวิต การเดินทางนั้นมีหลายเส้นทาง สำหรับเราขับรถมาจอดที่ลานจอดรถที่จุดป้ายรถบัส Sawando Bus Terminal จากจุดนี้มีรถบัสและแท็กซี่พาไปยังด้านบน หากมา 3 คน ก็นั่งแท็กซี่เลยจ้า คุ้มสุดๆ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

เพราะระหว่างการเดินทางไป แท็กซี่สามารถจอดให้เราลงไปถ่ายภาพยังจุดชมวิวตรงนี้ได้ เรียกว่า ไทโชอิเคะ (บ่อไทโช-Taisho Pond) ตรงนี้คุณลุงแท็กซี่ใจดีจอดให้เราลงถ่ายภาพแป๊บนึงค่ะ บ่อไทโชก่อตัวขึ้นในปี 1915 เมื่อภูเขาไฟยาเกดาเกะที่อยู่ใกล้เคียงปะทุ ทำลายแม่น้ำอะซูสะทำให้เกิดบ่อน้ำขึ้นมา

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ผิวน้ำที่นิ่งของบ่อน้ำทำให้เรามองเห็นทุกอย่างสะท้อนบนผิวน้ำราวกับกระจกธรรมชาติ แล้วสีของน้ำยังเป็นเขียวอมฟ้าซึ่งแสดงให้เห็นถึงความอุดมสมบูรณ์ของแร่ธาตุด้านล่าง

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นแท็กซี่จะพาเราเข้าไปสู่เขตอุทยานแห่งชาติ จากจุดนี้ไปคือเขตหวงห้ามที่อนุญาติให้เฉพาะรถที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ใช้เวลาเพียงไม่นาน ก็จะมาถึงด้านบนซึ่งเป็นจุดรับ-ส่งรถบัสทางด่วน รถบัสทั่วไป ที่มาจากต่างเมือง ด้านในอาคารมีจุดขายตั๋วขากลับเช่นกัน

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

จุดจอดสะพานคัปปะ ที่เราไปถึงเวลาราว 8.00 น. เราคิดว่านี่อาจจะเป็นป้ายรอรถบัสที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งที่ใครหลายคนประทับใจทันทีที่เห็น

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

สิ่งที่เราต้องเตรียมมาในทริปนี้คือน้ำดื่มและเบนโตะมื้อเที่ยงเพราะเราเดินป่าไปเรื่อยๆ วิธีนี้จึงน่าจะสะดวกที่สุดแล้ว

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

อากาศยามเช้าสดชื่นและสวยงามมากๆ เดือนมิถุนายนจะเป็นช่วงที่อากาศสดชื่น ใบไม้เขียวขจี

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

เราใช้เวลาเดินทางไปตามริมแม่น้ำเรื่อยๆ เสียงของสายน้ำ นกร้อง และใบไม้ที่ไหวไปตามลมทำให้เราสดชื่นขึ้นมากหลังจากที่เดินทางจากโตเกียวมาเกือบ 4 ชั่วโมง

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

สะพานคัปปะ หรือ Kappa Bashi (คำว่า Bashi ในภาษาญี่ปุ่นคือสะพาน) สะพานคัปปะเป็นสะพานแขวนข้ามแม่น้ำอาซึสะ (Azusa river) ใจกลางคามิโคจิซึ่งรอบสะพานๆมีโรงแรม ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกหลายแห่ง

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

โครงสร้างของสะพานเป็นไม้และได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นของคามิโคจิ จนเป็นแรงบันดาลใจให้กับนวนิยายปี 1927 เรื่อง “คัปปะ” โดย Ryunosuke Akutagawa ซึ่งผู้เป็นนักเขียนและให้ตัวเอกได้เดินทางไปยังคามิโคจิเพียงเพื่อจะหลงเข้าไปในดินแดนลึกลับของกัปปะ ซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์ที่แปลกประหลาดของภูตผีน้ำจากนิทานพื้นบ้านญี่ปุ่น

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

มาถึงตรงนี้แล้ว ไม่ถ่ายมุมนี้ก็คงเหมือนมาไม่ถึงเนอะ ในภาพว่าสวยงามมากแล้ว ของจริงที่อยู่ตรงหน้าทำให้เราแทบจะละสายตาจากไปไม่ได้เลย

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

คามิโคจิ ( Kamikochi) อยู่ในอุทยานแห่งชาติชูบุซังกะกุ (The Chubu Sangaku National Park) ห่างจากเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) จ.นากาโน่ (Nagano) ออกไปทางทิศตะวันตก 51 กม. คามิโคจิมีความหมายว่า “ดินแดนที่ที่เทพเจ้าลงมาประทับ”

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเดินเล่นริมแม่น้ำอะซูสะ (Azusa river) ตั้งแต่บึงไทโชไปจนถึงสะพานคัปปะ แต่เราเลือกที่จะเริ่มทริปตั้งแต่สะพานคัปปะไปด้านบน เรียกว่ารูท Myojin-ike จนเดินวกลงมายังจุดเดิม

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

คามิโคจิมีทิวทัศน์ภูเขาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น เปิดให้บริการตั้งแต่กลาง/ปลายเดือนเมษายนจนถึงประมาณวันที่ 15 พฤศจิกายน และปิดให้บริการในฤดูหนาว หากต้องการมาช่วงใบไม้เปลี่ยนสี คือ กลางตุลาคม นะ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

คามิโคจิเป็นที่ราบสูงยาวประมาณ 15 กิโลเมตรในหุบเขาของแม่น้ำอะซูสะ ซึ่งอยู่เหนือระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง ได้แก่ Nishihotakadake (2,909 ม.), Okuhotakadake (3,190 ม.), Maehotakadake (3,090 ม.) และภูเขาไฟ Yakedake ที่ยังคุกรุ่น (2,455 ม.)

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ทาเคซาวะ มาร์ช (The Takezawa Marsh) บึงทาเคซาวะซึ่งใช้เวลาเดิน 5-10 นาทีจากคัปปาบาชิไปตามเส้นทางเดินป่า สวยงามมากๆโดยเฉพาะช่วงใบไม้เปลี่ยนสี

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติ Chubu Sangaku Kamikochi ได้รับการพัฒนาเพียงเล็กน้อย ดังนั้นธรรมชาติส่วนใหญ่จึงเป็นสิ่งที่ดั้งเดิมมาก

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่เป็นภูมิประเทศที่ราบเรียบเป็นส่วนใหญ่และเราไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์เดินป่าก็ได้ ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่ควรสวมรองเท้าผ้าใบมานะ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

หากคนชอบเดินป่า แนะนำช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือกลางเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ท่ามกลางธรรมชาติสวยๆแห่งนี้เราอาจจะเจอสัตว์ป่าได้แก่ ลิงและนกต่างๆ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

การออกเดินป่ารูทเมียวจินอิเคะ จะได้แวะศาลเจ้า Hotaka ด้วย ตรงจุดนี้เราเสียค่าเข้าชมบ่อน้ำเมียวจิน 300 เยนด้วยนะคะ ในนี้สวยงามและมีเรือจอดให้ถ่ายรูปด้วย ซึ่งเป็นเรือที่ใช้ในพิธีกรรมด้วย

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

บริเวณนี้จะใช้จัดพิธีโอมิซึกาเอชิเป็นประจำทุกปี (Omizugaeshi Ceremony) ซึ่งเป็นพิธีกรรมโบราณเกี่ยวกับน้ำของบ่อเมียวจินที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อศาสนาชินโต

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

รอบๆยังมีสระน้ำมากมายกระจายกันอยู่ เหตุผลที่น้ำในสระหรือลำธารนั้นใสมากๆ เนื่องจากมาจากหิมะที่ละลายจากยอดเขาต่างๆนั่นเอง

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

จากจุดนี้เราจะเดินทางกันต่อไปตามรูท ซึ่งถือว่ามาถึงครึ่งทางแล้วล่ะ เราจะเห็นเสาโทริอิไม้ที่แสดงถึงความเก่าแก่ตามกาลเวลา เดินเข้าไปเลยจ้า

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ภายในบริเวณนี้ มีทั้งร้านอาหารท้องถิ่นและร้านคาเฟ่ไว้รองรับนักท่องเที่ยวที่แวะมาพักผ่อน และมีห้องน้ำด้วย ในบรรยากาศแบบชนบทจริงๆ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

เราแวะเข้าร้านคาเฟ่สักหน่อยเพราะกะว่าจะได้นั่งเช็ครูปภาพที่ถ่ายไปราวพันใบตะกี้ด้วย ฮา

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ร้านคาเฟ่มีเมนูหลากหลายให้เลือกรวมถึงขนมเบเกอรี่ด้วยนะ แต่สำหรับแก้วนี้เป็นน้ำองุ่นที่ให้ความสดชื่นได้ดีเลยล่ะ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อ และมาถึงสะพานเมียวจิน (Myojin Bridge) ซึ่งเราจะต้องข้ามไปอีกฝั่งเพื่อเดินลงกลับเส้นทางเดิม

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

หลังจากที่ลงจากสะพานก็เดินไปตามรูททางลง บางจุดเราจะเห็นป้ายบอกทางภาาาญี่ปุ่น ให้ไปตามทางที่เขียนว่า 上高地バス停 แปลว่า ป้ายรถบัสคามิโคจิ ซึ่งต้องเดินต่อราว 3 กิโลเมตร

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

แต่เอาจริงๆ คือ 3 กิโลเมตรในป่าวิวแบบนี้ ไม่ได้ทำให้รู้สึกเหนื่อยเลย ถ้าคอแห้งก็แค่จิบน้ำเท่านั้น แต่วิวนั้นสวยจริงๆ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

เราใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมงในการเดินป่า ถ่ายภาพ พักทานข้าว แวะร้านกาแฟ เดินกลับมาถึงจุดขึ้นรถบัสเพื่อลงไปยังที่จอดรถ สนุกมากๆเลย และเราต้องช่วยกันปฏิบัติตามกฏเค้านิดนึงนะ กฏของ Kamikochi คือ
-ห้ามทิ้งขยะ
-ห้ามให้อาหารสัตว์ป่า
-ห้ามเก็บจับแมลง พืช
-ห้ามน้ำสัตว์สายพันธุ์ใหม่เข้ามา
อากาศช่วงนั้นมีฝนเป็นระยะ อุณหภูมิ 18-20 องศา ยังต้องใส่แขนยาวค่ะ เตรียมร่มพับไปด้วยนะเผื่อฝนตก และอย่าลืมแบตเตอรี่กล้องสำรองและเมมโมรี่ที่ต้องใช้เยอะมากๆ เพราะความสวยของคามิโคจิ ทำให้เราบังคับตัวเองให้หยุดกดชัตเตอร์ไม่ได้จริงๆ

คามิโคจิ (Kamikochi)

Credit:Chill Chill Trip

ติดตามข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมที่

FacebookChillChillTrip
IGChillChillTrip
YouTubeChillChillTrip
ClubhouseChillChillTrip

คามิโคจิ (Kamikochi)

ที่อยู่ Matsumoto City, Nagano Prefecture 390-1516
Websiteท่องเที่ยวภาษาไทย
WebsiteKamikochi
Websiteรอบรถบัส Matsumoto station – Kamikochi
Websiteรถบัสทางด่วนชินจูกุ – คามิโคจิ
Websiteบัสทางด่วนโอซาก้า/เกียวโต – คามิโคจิ
การเดินทางโดยรถไฟและรถบัสจากเมือง Matsumoto (JR Pass ใช้ไม่ได้กับรูทรถบัส)/ รถบัสกลางคืน
จากสถานีชินจูกุ – คามิโคจิ สะพานคัปปะ / รถบัสทางด่วนจากโอซาก้า/เกียวโต
ช่วงเวลา ปลายเมษายน – กลางพฤศจิกายน * เช็คเว็บไซต์อีกครั้ง
  1. 1 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
  2. 2 กระรอกบิน ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider) มารู้จักนิสัย ราคา การเลี้ยงดู อาหาร ตากลมแบ๊วแสนน่ารักแต่นิยมการผาดโผน
  3. 3 เฟอเรท (Ferret) วิธีเลี้ยง อาหาร นิสัยของเจ้าเฟอเรทที่มาพร้อมกับความซุกซนอันแสนน่ารัก
  4. 4 ปลาหมาน้ำ หมาน้ำ หรือเจ้าปลาตีนเม็กซิโก – ซาลาแมนเดอร์ มาทำความรู้จักสัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำกันเถอะ
  5. 5 คาเฟ่ขอนแก่น ร้านปั้นแป้งเบคอะเค้ก ขนมอร่อย เครื่องดื่มหลากหลาย คาเฟ่เก๋ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น ของคนเมืองขอนแก่น