ศาลเจ้าชื่อดังที่มีผู้คนมากมายเดินทางมาสักการะและมีประวัติมายาวนาน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่จักรพรรดิและจักรพรรดินีในยุคเมจิ

ศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu)

พื้นที่ป่าทึบของศาลเจ้าเมจิจิงกูครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ที่แบ่งชินจูกุและชิบูย่า ทางเดินตัดผ่านต้นไม้มากมายนำไปสู่ศาลเจ้าที่อยู่ตรงใจกลางเมือง

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าเมจิ (明治神宮, Meiji Jingū) ชื่อดังนี้ เป็นศาลเจ้าที่สร้างเพื่ออุทิศให้กับวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ของจักรพรรดิเมจิและมเหสีของพระองค์ จักรพรรดินีโชเก็น

Credit:Chill Chill Trip

ระหว่างทางเดินเข้าไป เราจะเห็นสัญลักษณ์ของศาลเจ้าเมจิที่โด่งดังมากๆคือ จำนวนถังสาเกมากมายที่วางเรียงรายกันเต็มข้างทาง

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในของถังสาเกนี้จะเป็นไม้ ด้านในบรรจุสาเก ส่วนด้านนอกหลังจากที่ห่อหุ้มด้วยฟางและวัสดุที่คุณภาพดีเสร็จก็จะวาดลวดลายต่างๆซึ่งเป็นชื่อบริษัท ร้านค้าเจ้าของแบรนด์สาเกนั้นๆ

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าเมจิและสวนสาธารณะโยโยงิที่อยู่ติดกันนั้นตั้งอยู่ข้างสถานีฮาราจูกุที่พลุกพล่านของสาย JR ยามาโนเตะ (Yamanite Line)

Credit:Chill Chill Trip

หากใครไม่เคยมีข้อมูลศาลเจ้าเมจิมาก่อนคงแปลกใจมากๆว่าทำไมกลางเมืองหลวงโตเกียวจึงมีป่าไม้อันร่มรื่นขนาดนี้

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าสร้างเสร็จและอุทิศให้กับจักรพรรดิเมจิและจักรพรรดินีโชเคนในปี 1920 แปดปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดิและหกปีหลังจากการสิ้นพระชนม์ของจักรพรรดินี

Credit:Chill Chill Trip

แม้ว่าศาลเจ้าเมจิเคยถูกทำลายในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง แต่ถูกสร้างขึ้นใหม่หลังจากนั้นไม่นาน

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่มีต้นไม้กว่า 100,000 ต้นที่ประกอบรวมกันเป็นป่าของเมจิ จิงกูโดยได้รับบริจาคจากภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศและอาสาสมัครที่ร่วมกันปลูก จนแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 1920 บางต้นมีอายุกว่า 100 ปี

Credit:Chill Chill Trip

อาคารของเมจิจิงกูยังมีบรรยากาศที่เงียบสงบแตกต่างจากเมืองโดยรอบ เป็นสถานที่ยอดนิยมทั้งชาวญี่ปุ่นเองและชาวต่างชาติ

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าเมจิจิงกูเป็นหนึ่งในศาลเจ้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในญี่ปุ่น ในวันแรกของปีใหม่ ศาลเจ้าต้อนรับผู้มาสวดมนต์ประจำปี (hatsumode) มากกว่าสามล้านคนอย่างสม่ำเสมอ

Credit:Chill Chill Trip

ซึ่งมากกว่าศาลเจ้าหรือวัดอื่นๆในประเทศ ในช่วงที่เหลือของปี มักจะมีงานแต่งงานแบบชินโตมาจัดขึ้นที่นี่บ่อยครั้ง เราอาจจะโชคดีเห็นพิธีแต่งงานแบบโบราณก็ได้นะ

Credit:Chill Chill Trip

ผู้มาเยี่ยมชมศาลเจ้าสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมทั่วไปของศาสนาชินโต เช่น การทำบุญที่ห้องโถงใหญ่ การซื้อเครื่องรางหรือเขียนคำอธิษฐานลงบนเอมะ

Credit:Chill Chill Trip

เอมะ หมายถึง แผ่นไม้ที่ถูกถวายโดยการแขวนที่ภายในวัดหรือศาลเจ้า เราจะเขียนขอพรหรือเพื่อขอบคุณเทพเจ้าที่ดลบันดาลให้สมหวัง

Credit:Chill Chill Trip

เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ผู้ศรัทธาทั้งหลายไม่เคยพลาดเมื่อมาถึงที่นี่ เท่าที่เดินอ่านดูก็ปรากฏว่าเจอภาษาไทยเยอะพอสมควรเลย

Credit:Chill Chill Trip

อันที่จริงศาลเจ้าอยู่ห่างจากทาเคชิตะ โดริ แห่งฮาราจูกุเพียงระยะเดินถึงกันได้ ถนนฮาราจูกุซึ่งขึ้นชื่อเรื่องแฟชั่นแปลกๆ และวัฒนธรรมวัยรุ่น และในขณะที่การเยี่ยมชมทั้งสองจุดอาจทำให้เรารู้สึกถึงความแตกต่างแต่ก็สามารถให้ความรู้สึกถึงสถานที่เงียบสงบในโตเกียวได้

Credit:Chill Chill Trip

ผู้คนที่มา มักจะขอพรให้ครอบครัวปลอดภัย สุขภาพแข็งแรง ตลอดจนประสบความสำเร็จในการเรียนและทำธุรกิจ

Credit:Chill Chill Trip

การเยี่ยมชมที่นี่ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เพราะนอกจากจะมีศาลเจ้าและอาคารต่างๆแล้ว ยังมีสวนพฤษศาสตร์และวิวสวยๆให้เดินชมด้วย

Credit:Chill Chill Trip

หากมาเที่ยวโตเกียวแล้วมีเวลาประมาณครึ่งวัน อยากให้ลองมาศาลเจ้าเมจิเพื่อชมบรรยากาศอันสวยงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ของชาวโตเกียวดูสักครั้ง

Credit:Chill Chill Trip

นอกจากจะเป็นสถานที่มาขอพรของผู้ที่มีความเชื่อแล้ว สำหรับคนญี่ปุ่นแล้วยังนิยมพาลูกหลานมาทำพิธี753 หรือพิธีมงคลเกี่ยวกับเด็กในช่วงอายุนี้ด้วย

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu)

ที่อยู่	Meiji Jingu, 1-1 Yoyogikamizonocho, Shibuya, Tokyo 151-8557
ค่าเข้า	ฟรี
เวลาทำการ	05:20น.–17:20น.
Website	ศาลเจ้าเมจิ(Meiji Jingu)
การเดินทาง	เดินออกจากทางออก Omotesando ของสถานี JR Harajuku มาทางด้านหลังของสถานี จะเห็นเสาโทริอิไม้ขนาดใหญ่อยู่ทางด้านขวา นั่นคือทางเข้าสู่ทางเดินไปศาลเจ้า