เที่ยวจังหวัดฟุกุอิ(Fukui) เมืองคัตสึยามะ 1 day trip ชมพระใหญ่องค์โต จุดเช็คอินที่ไม่ควรพลาด สามารถเดินทางด้วยรถประจำทางได้สะดวก
สัมผัสประวัติศาสตร์การทำผ้าไหมของคัตสึยามะ แหล่งผลิตผ้าไหมชื่อดัง ไหว้พระใหญ่ที่ Echizen Daibutsu ชมศาลเจ้าโบราณที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นวิหารปกคลุมไปด้วยมอสและปราสาทสำคัญของฟุคุอิ
สารบัญ
- Yume Ole Katsuyama
- วัดพระใหญ่ Echizen Daibutsu
- Katsushima castle
- ศาลเจ้าเฮเซ็นจิ ฮาคุซัง Heisenji Hakusan Shrine
Yume Ole Katsuyama (Textile museum)
Yume Ole Katsuyama (Textile museum) ยูเมะ โอเล คัตสึยามะ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับประวัติศาสตร์การทำผ้าไหมของคัตสึยามะ
Credit:Chill Chill Trip
คัตสึยามะ(Katsuyama city) เป็นเมืองชนบทที่มีประชากรประมาณ 25,000 คน ตั้งอยู่ในมุมตะวันออกเฉียงเหนือของจังหวัดฟุคุอิ (Fukui) ภูมิภาคที่มีความงามทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์
Credit:Chill Chill Trip
ผู้เยี่ยมชมสามารถชมเครื่องจักรเก่าแก่ขนาดใหญ่ที่เคยทอผ้าไหม หรือลองสัมผัสประสบการณ์จริง เช่น การทอผ้ารองแก้วโดยใช้เครื่องทอมือ หรือประดิษฐ์งานฝีมือจากรังไหม
Credit:Chill Chill Trip
อาคารที่ปัจจุบันเป็นหออนุสรณ์โรงงานสิ่งทอยูเมะโอเลเคยเป็นหนึ่งในโรงงานผลิตสิ่งทอหลักในคัตสึยามะ เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี 1905 ถึง 1998
Credit:Chill Chill Trip
อาคารหลังนี้เป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมที่ได้รับมอบหมายในเมืองคัตสึยามะ และได้รับการยอมรับว่าเป็นมรดกแห่งความทันสมัยทางอุตสาหกรรม
Credit:Chill Chill Trip
นักท่องเที่ยวสามารถชมกระบวนการผลิตผ้าไหม ‘habutae’ (ในช่วงสมัยเมจิ ‘habutae’ เป็นสินค้าหลักในบรรดาผ้าไหมที่ส่งออกจากญี่ปุ่น)
Credit:Chill Chill Trip
ภายในมีการจัดแสดงที่หลากหลายและเครื่องจักรของแท้ที่จะทำให้เรารู้สึกราวกับว่าย้อนเวลากลับไปสู่โรงงานทอผ้าแบบดั้งเดิม
Credit:Chill Chill Trip
พิพิธภัณฑ์ตั้งอยู่ในโรงงานทอผ้าเก่าที่ใช้งานมาเกือบ 100 ปีและมีเครื่องทอผ้าที่ใช้งานในยุคโชวะ (Showa era)
Credit:Chill Chill Trip
ซึ่งเครื่องมือเหล่านี้กำลังถูกนำกลับมาทำงานอย่างเต็มที่และเสมือนจริง แนะนำควรมาดู และเรายังสามารถเพลิดเพลินไปกับประสบการณ์การทอผ้า
Credit:Chill Chill Trip
เส้นด้ายหลากหลายสีสันที่สามารถเลือกนำมาผลิตได้อย่างถูกใจเราเลย เห็นผลงานตัวเองแล้วจะรู้สึกภูมิใจแน่ๆเลย
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่เป็นแหล่งรวมกิจกรรม ประสบการณ์การทอผ้าด้วยมือ ประสบการณ์งานฝีมือของรังไหมและยังมีคาเฟ่และร้านขายสินค้าท้องถิ่นจำหน่ายด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ว้าวๆ น่ารักไหมทุกคน ผลผลิตจากรังไหมน้อยๆ ที่นำมาทำเป็นนกตัวอ้วนกลมน่ารักเชียว
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทาง
จากสถานีฟุกุอิ (fukui station) นั่งรถเมล์สาย Echizentetsudo-Katsuyama-Eiheiji ทางไป Katsuyama ลงที่ป้าย Katsuyama Station เดินต่อไปประมาณหนึ่งกิโลเมตร
เวลาทำการ
9.00 น. – 17.00 น. (ลงทะเบียนเข้าร่วมประสบการณ์ได้ตั้งแต่ 9.00 น. – 16.00 น.)
วันหยุด ปิดทุกวันพุธ (หรือวันถัดไปหากวันพุธเป็นวันหยุดประจำชาติ) วันหยุดสิ้นปีและปีใหม่ (29/12 ถึง 1/2)
ค่าธรรมเนียม
เข้าชมฟรี (ประสบการณ์ทอมือ 500 เยน, กิจกรรมประดิษฐ์ลูกรังไหม 500 เยน)
คลิกแผนที่
Echizen Daibutsu
เราพาเพื่อนๆมาไหว้พระกันต่อนะ เรามาไหว้พระเอจิเซ็น ไดบุทสึ (Echizen Daibutsu) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น ตั้งอยู่ภายในวัดเซไดจิ (Seidaiji) จ.ฟุคุอิ (Fukui)
Credit:Chill Chill Trip
Seidaiji รับหน้าที่เป็นวัดนิกาย Rinzai Zen ตั้งแต่ปี 2002 โครงสร้างบางส่วนที่นี่อิงตามการออกแบบของจีนโบราณ
Credit:Chill Chill Trip
บริเวณรอบๆนอกของวัด ซึ่งในช่วงสายๆเราก็จะเห็นร้านค้าต่างๆ รวมถึงนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินชม เลือกซื้อ และพักผ่อน ที่ถนนเส้นนี้
Credit:Chill Chill Trip
จากมุมนี้เราก็มองเห็นเจดีย์ของวัดได้อย่างชัดเจนด้วย จริงๆที่นี่ก็สวยและคนน้อย ถ่ายรูปเล่นสบายเลยล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างทางเข้าวัด แวะถ่ายรุปเป็นระยะๆ มีการตกแต่งด้วยร่มใสหลากหลายสีสัน เป็นมุมสดชื่นจริงๆ
Credit:Chill Chill Trip
ว้าวๆ มากินขนมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมกันเถอะ อันนี้เรียกว่า โอโบโระ มันจู สีชมพูและขาวเปรียบเสมือนสีแห่งการเฉลิมฉลองการเริ่มต้นของชีวิต
Credit:Chill Chill Trip
เดินมาถึงด้านในบริเวณของวัดแล้ว ผู้ก่อตั้งบริษัทโซโกแท็กซี่ ได้สร้างวัดแห่งนี้ขึ้นเพื่อให้สำเร็จตามความปรารถนาของเขาซึ่งมีมายาวนาน
Credit:Chill Chill Trip
รอบๆวัดมีอาคารเล็กสร้างอยู่ตามจุดต่างๆ ค่อนข้างสงบมากๆเลย เพื่อนๆสามารถใช้เวลาที่นี่อย่างช้าๆ
Credit:Chill Chill Trip
ไม่ว่าเราจะอยู่มุมไหนของวัดก็จะเห็นเจดีย์ของวัดได้อย่างง่ายดาย เป็นสีไม้ เข้ากันกับบรรยากาศรอบๆมาก
Credit:Chill Chill Trip
มาถึงอาคารหลักแล้ว จากจุดนี้เพื่อนๆสามารถยืนชมความยิ่งใหญ่ของวัดเซไดจิได้อย่างเต็มที่เลย ผู้ก่อตั้งบริษัทแท็กซี่แห่งหนึ่งที่ได้รับการขนานนามว่า ‘ราชาแท็กซี่คันไซ’ สร้างวัดด้วยเงินลงทุนทั้งหมด 38 พันล้านเยน
Credit:Chill Chill Trip
เจดีย์เพียงแห่งเดียวใช้งบประมาณในการก่อสร้างถึง 2.7 พันล้านเยน เจดีย์สูง 75 เมตรกล่าวกันว่าเป็นเจดีย์ห้าชั้นที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
ทางเดินไม้ที่ทอดยาวไปสู่อาคารต่างๆ ซึ่งเอาจริงๆก็ถือว่าเดินไปได้ไกลอีกเลยล่ะ แต่มาเที่ยววัดทั้งทีก็ต้องใจสู้กันหน่อย
Credit:Chill Chill Trip
เดินไปวิ่งไป ยังหัวเราะได้อีกนะ ช่วงไหนที่เป็นทางลาดลงก็วิ่งไปได้เลยจ้า ตามมาเร็วๆ
Credit:Chill Chill Trip
แต่เดิมวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ค่าเข้าชมถูกกำหนดไว้ครั้งแรกที่ 3,000 เยน ต่อมาลดลงเหลือ 1,000 เยน ก่อนที่จะแตะ 500 เยนในปี พ.ศ. 2551
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในสิ่งที่น่าประทับใจอีกอย่างคือพระพุทธรูปองค์เล็กกว่า 1,281 องค์ที่เรียงรายตามผนังอาคารบุตสึเด็น
Credit:Chill Chill Trip
พระพุทธรูปองค์เล็กๆ หลายๆองค์มีอิริยาบทที่มองผิวเผินอาจจะนึกว่าเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วคล้ายกันมากต่างหาก
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อเรามองดูจากข้างนอกจะรู้สึกเหมือนกับว่าพระพุทธรุปดูองค์เล็ก แต่เมื่อเทียบกับขนาดตัวของเราใกล้ๆแล้ว ใหญ่เหมือนกันนะ
Credit:Chill Chill Trip
ยืนมองดูความแตกต่างว่าแต่ละองค์นั้นเหมือนหรือไม่เหมือนกันตรงไหนบ้าง ใครเจอก่อนก็ชนะไป ฮา
Credit:Chill Chill Trip
ห้องโถงของที่นี่ก็มีขนาดใหญ่มากๆเช่นกัน หากเพื่อนๆได้ดูภาพจากด้านนอกอาคารนี้แล้วคงพอเข้าใจได้ว่า ด้านในจะใหญ่โตขนาดไหน
Credit:Chill Chill Trip
รูปปั้นพระบิโรชานะ เนียวไร (ไวโรคานา) สูง 17 เมตรในอาคารหลัก รูปปั้นนี้เรียกกันทั่วไปว่า “”พระใหญ่แห่งเอจิเซ็น”
Credit:Chill Chill Trip
ขนาดขององค์พระใหญ่ ต้องบอกว่าใหญ่มากจริงๆ ด้วยความสูงถึง 17 เมตรเชียวนะทุกคน
Credit:Chill Chill Trip
นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปบนยอดเจดีย์ห้าชั้นและชมทิวทัศน์อันงดงามของชนบทโดยรอบได้ หรือจะแวะเสี่ยงเซียมซีกันก่อน
Credit:Chill Chill Trip
เดินเล่นรอบๆกันต่อ ซึ่งด้านในนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะเดินได้ครบจริงๆ “วัดไดชิยามะ เซไดจิสร้างเสร็จในปี 1987 ดังนั้นก็ต้องมีอะไรที่ดูเป็นประวัติศาสตร์บ้างล่ะ เข้าไปดูกันเล้ย
Credit:Chill Chill Trip
ศิลปะบนผนังแบบสีฟ้า ที่ไม่ค่อยจะพบเห็นได้บ่อยนัก ด้านล่างยังมีพระพุทธรูปวางยาวตลอดแนวไปอีก
Credit:Chill Chill Trip
บางส่วนของโครงสร้างที่นี่เรียกได้ว่ามีลักษณะแบบจีนโบราณ เช่น กำแพงเก้ามังกร และ ประตูห้าชั้น พร้อมลิฟท์เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมได้มองเห็นพื้นที่รอบ ๆ จากชั้นด้านบน
Credit:Chill Chill Trip
ลวดลายมังกรบนฝาผนังแบบเซรามิก ซึ่งก็น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องราวบางอย่างที่เป็นตำนานในอดีต
Credit:Chill Chill Trip
ชมวัดเสร็จเรียบร้อยแล้วก็เดินเล่นบริเวณรอบๆนอกตังวัดกันต่อ เป็นวัดที่มีมุมถ่ายรูปพอสมควรเลยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างทางเดินกลับ เราก็เจอกลุ่มนักแสดงท้องถิ่น ที่มาช่วยสร้างสีสันให้วัดดูสนุกมากขึ้นไปอีก เพลินเลย
Credit:Chill Chill Trip
สถานที่ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จักแห่งนี้อยู่ห่างจากสถานีคัตสึยามะเพียงนั่งรถบัสเพียง 10 นาที ช่วงเช้าเป็นช่วงเวลาที่เงียบที่สุด แนะนำว่าลองมากันดูนะ
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทาง
จากสถานี Yumeore Katsuyama-mae นั่งรถบัสสาย Heisenji Inose Line ทางไป Heisenji jinja-mae(Shrine) ลงที่ป้าย Echizen daibutsu-mae ที่จอดหน้าทางเข้าวัดเลย
เวลาทำการ
เมษายนถึงธันวาคม 8.00 น. – 17.00 น. เข้าชมได้ถึงเวลา 16.30 น. /มกราคมถึงมีนาคม 9:00 น. – 16:00 น. (ไม่มีวันหยุด)
คลิกแผนที่
ปราสาทคัตสึยามะ Katsushima castle
หอคอยปราสาทสีขาวที่ตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์แห่งจ.ฟุคุอิ พิพิธภัณฑ์ปราสาทคัตสึยามะเป็นอาคารที่สูงที่สุดในญี่ปุ่นในรูปแบบหอคอยปราสาท โดยมีความสูงถึง 57.8 เมตร
Credit:Chill Chill Trip
ของสะสมของพิพิธภัณฑ์ประกอบด้วยสิ่งของจากวัฒนธรรมท้องถิ่น ชุดเกราะและดาบซามูไร และผลงานศิลปะต่างๆ ชั้นบนสุดมองเห็นวิวบริเวณโดยรอบได้แบบพาโนรามา
Credit:Chill Chill Trip
ปราสาทเอจิเซ็นคัตสึยามะ (Echizen Katsuyama-jo) สร้างขึ้นในปี 1579 โดยไดเมียว ชิบาตะ คัตสึยาสุ ที่ปราสาทนี้ถูกเปลี่ยนผู้ปกครองปราสาทบ่อยเนื่องจากสงคราม
Credit:Chill Chill Trip
ในขณะที่ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคที่ทั้งประเทศถูกปกครองโดยตระกูลโทคุงาวะ ไดเมียว โอกาซาวาระ โนบุโทกิได้ยกปราสาทขึ้นมาโดยอ้างว่าจะฟื้นฟูปราสาทเก่า
Credit:Chill Chill Trip
เนื่องจากเคยเกิดไฟไหม้จึงสร้างไม่เสร็จ ต่อมาหอคอยปราสาท 5 ชั้น 6 ชั้นที่มีอยู่เดิมถูกสร้างขึ้นอีกในปี 1992 สำหรับกำแพงหินนั้น มีการใช้หินขนาดใหญ่ถึง 6,500 ก้อน
Credit:Chill Chill Trip
ปราสาทแห่งนี้ ต่อมาเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์ซึ่งจัดแสดงเครื่องมือที่ใช้โดยผู้บัญชาการทหารที่ปกครองทุกภูมิภาคของประเทศจนถึงกลางศตวรรษที่ 18 และอาวุธซามูไร เช่น ดาบและปืน
Credit:Chill Chill Trip
จริงๆเราว่าที่นี่เป็นปราสาทขนาดใหญ่มากที่มีกำแพงหินที่ดูแปลกตา(มีมังกรอยู่ทุกด้านของปราสาท) ชั้น 3 เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจที่สุดสำหรับผู้ที่ชื่นชอบซามูไร มีชุดเกราะและอาวุธที่สวยงามจริงๆ
Credit:Chill Chill Trip
ที่ชั้นหนึ่งเป็นทางเข้าและข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับการสร้างปราสาทแห่งนี้ขึ้นใหม่ จากจุดชมวิว เราสามารถมองเห็นเอจิเซ็น ไดบุตสึโด (พระใหญ่แห่งเอจิเซ็นฮอลล์) ได้อย่างง่ายดาย
Credit:Chill Chill Trip
ปราสาทคัตสึยามะเคยทำหน้าที่เป็นฐานทางการเมือง การทหาร และการค้าทางตอนเหนือของญี่ปุ่นในอดีต
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทาง
จากป้าย Echizen daibutsu-mae ด้วยรถบัสสาย Gururin Nanbu Line ทางไป Mizubasho(Spa) ลงที่ป้าย Katsuyamajo hakubutsukan เดินต่อไปประมาณ 2 นาที
เวลาทำการ
10:00 ~ 16:00 หยุดทุกวันจันทร์ หรือหยุดวันอังคารกรณีที่วันจันทร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์
คลิกแผนที่
ศาลเจ้าเฮเซ็นจิ ฮาคุซังHeisenji Hakusan Shrine
กล่าวกันว่า ศาลเจ้าเฮเซนจิฮาคุซังก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 717 และมีชื่อเสียงมากที่สุดจากพื้นที่นี้ ด้วยเอกลักษณ์พิเศษคือสวนที่เต็มไปด้วยพืชประเภทมอส ที่นี่มีรถเมล์ที่วิ่งตรงจากป้าย Katsuyama new hotel-mae มาถึงศาลเจ้าเฮเซ็นจิ ฮาคุซัง เลยค่ะ
Credit:Chill Chill Trip
วัดพุทธนิกายเทนได ชื่อเฮเซนจิ ก่อตั้งในปีคริสตศักราช 717 โดยพระภิกษุนิกายชูเก็นโด ไทโช ชาวญี่ปุ่น ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นบุคคลแรกที่ขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ฮาคุซัง (ความสูง 2,702 เมตร) ปัจจุบันถือเป็นศาลเจ้าประจำจังหวัดของจังหวัดฟุคุอิ
Credit:Chill Chill Trip
ปัจจุบัน ศาลเจ้าเฮเซนจิฮาคุซังเป็นสถานที่อันเงียบสงบที่หลีกหนีจากโลกสมัยใหม่ ตามเส้นทางไปยังศาลเจ้า
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่ถูกกำหนดให้เป็นสถานที่ที่มีทัศนียภาพสวยงามแห่งชาติ (名勝) ในปี 1930 และเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์แห่งชาติของญี่ปุ่นในปี 1935
Credit:Chill Chill Trip
ภูเขาฮาคุซังเป็นศูนย์กลางของความศรัทธามายาวนานเนื่องจากมีขนาดใหญ่และเป็นแหล่งน้ำและอาหารที่ให้ชีวิตแก่ผู้คนแถวนี้
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่จึงเต็มไปด้วยศรัทธานี้รวมถึงมีการบูชาภูเขาเป็นเวลาหลายศตวรรษ ที่ศาลเจ้าเฮเซนจิฮาคุซังไม่เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นศาลเจ้าชินโตเท่านั้น แต่ยังเป็นวัดพุทธที่สำคัญอีกด้วย
Credit:Chill Chill Trip
อย่างไรก็ตาม ในคริสต์ทศวรรษ 1870 จักรพรรดิเมจิ (ค.ศ. 1852–1912) บังคับให้ศาสนาพุทธและชินโตแยกออกจากกัน เพื่อช่วยลดอิทธิพลบางอย่าง
Credit:Chill Chill Trip
ด้วยเหตุนี้ ศาลเจ้าเฮเซนจิ ฮาคุซัง จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของศาลเจ้าชินโตซึ่งมีชื่อลงท้ายด้วย จิ (แปลตามตัวอักษรว่า “วัด”) มีโบราณวัตถุจำนวนมากยังคงอยู่ในบริเวณนี้ และเริ่มการขุดค้นทางโบราณคดีเพิ่มเติมในปี 1989 ขนาดของโบราณวัตถุที่ถูกค้นพบจากการขุดค้นและสภาพการเก็บรักษาได้รับการพิจารณาว่ามีความสำคัญระดับชาติ
Credit:Chill Chill Trip
เส้นทางทางเข้าเก่าสู่เฮเซนจิเรียกว่าชูกุ เฮเซนจิซันโด และเป็นหนึ่งใน 100 ถนนใหญ่ของญี่ปุ่น ทางเดินปูด้วยหินล้อมรอบด้วยต้นไม้โบราณ รวมถึงลูกแพร์ญี่ปุ่น ศาลา และต้นบีชที่มีอายุมากกว่าพันปี
Credit:Chill Chill Trip
หินเหล่านี้มีค่ามาก เนื่องจากพระนักพรตได้ขนย้ายด้วยมือจากริมฝั่งแม่น้ำคุซูริว มีตัวอักษรของสัทธรรมปุณฑริกสูตรถูกจารึกไว้ที่ด้านล่างของศิลา
Credit:Chill Chill Trip
ว่ากันว่าพระภิกษุสวดพระสูตรขณะที่พวกเขาวางศิลาให้เข้าที่ หลังจากที่ถูกเผาจนหมดสิ้น เฮเซนจิก็ได้รับการสร้างขึ้นใหม่บางส่วน แต่ขนาดในยุครุ่งเรืองนั้นใหญ่กว่าศาลเจ้าเฮเซนจิ ฮาคุซังในปัจจุบันมากถึง 10 เท่า
Credit:Chill Chill Trip
การเดินทาง
เดินไปขึ้นรถบัสที่ป้าย Katsuyama new hotel-mae ด้วยสายป Heisenji Line ทางไป Kuzuryu work shop ลงที่ป้าย Heisenji jinja-mae(Shrine)
เวลาทำการ
เปิด 24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุด
คลิกแผนที่
พูดคุยสอบถามรายละเอียดวิธีการเดินทางหรือดูข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมได้ที่นี่
ChillChillTrip | |
IG | ChillChillTrip |
YouTube | ChillChillTrip |