หากพูดถึงเกาะชิโกกุ นอกจากจะนึกถึงธรรมชาติอันสวยงามและการเดินทางจาริกแสวงบุญ 88 วัดแล้ว คงต้องบอกว่า วัดหลายแห่งของที่นี่ก็มีประวัติเก่าแก่และสวยงามไม่แพ้ที่อื่นๆเช่นกัน วันนี้เราจึงมาชมวัดสวยริมแม่น้ำโยชิโนะ เมืองมิมะ จ.โทคุชิมะ ชื่อว่า วัด ฮนราคุจิ

วัด ฮนราคุจิ

การเดินทางมาได้สองแบบคือรถไฟและรถยนต์ หากมารถยนต์ก็ขับขึ้นมาจอดที่ด้านบนเลย หน้าวัดมีที่จอดรถราว 4 คัน การมาเที่ยวที่เกาะชิโกกุ แนะนำให้มาด้วยรถยนต์คันเล็ก ไม่เกิน 5 ที่นั่ง เนื่องจากถนนแคบและขึ้นเขาเยอะ

Credit:Chill Chill Trip

วัด Honrakuji สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 828 (ยุคเฮอัง สมัยจักรพรรดินิมเมียว) โดยพระชื่อว่า เออุน ได้เป็นผู้สร้างวัดนี้ขึ้นมา

Credit:Chill Chill Trip

ก่อนจะเข้าไปข้างใน ต้องเสียค่าเข้าเพื่อทำนุบำรุงวัด คนละ 300 เยน หยอดลงกล่องด้วยตัวเอง

Credit:Chill Chill Trip

หยิบแผ่นพับที่วางข้างกล่องมา เป็นเอกสารแนะนำวัด แผนผัง และประวัติของวัด บรรยายด้วยภาษาอังกฤษและญี่ปุ่นอย่างเข้าใจง่ายๆ

Credit:Chill Chill Trip

วัดมีความร่มเย็นมากๆ ด้านในนอกจากจะมีวิวสวยแล้ว ยังมีห้องทำพิธีชงชา และกิจกรรมการคัดคัมภีร์ น่าลองทำมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

อ่างน้ำ ให้ชำระล้างมือ และปากเพื่อความสะอาดท้้งร่างกายและจิตใจ

Credit:Chill Chill Trip

เดินเข้าไปตามทางเดินหิน เพื่อเข้าไปสู่อาคารหลัก รอบๆข้างมีหินกรวดเล็กๆที่ทำร่องเป็น ลายสวยๆไว้อย่างปราณีต

Credit:Chill Chill Trip

ในหนังสือประวัติศาสตร์อาวะ (Awa history) เขียนไว้ว่า มีการรวบรวม 13 วัดเล็กๆ ในเขต Sadamitsu, Ichiu, Iyayama ให้มามีศูนย์กลางคือที่วัดแห่งนี้ สถานที่วัดนี้คือ อยู่บนภูเขา Takamaru โดยมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 740.9 เมตร และติดแม่น้ำโยชิโนะ

Credit:Chill Chill Trip

หินนี้มีชื่อว่า Traditional Japanese dry landscape garden โดยมีความหมายว่า สวนนกกระสาและเต่ากับวิวแม่น้ำ หินก้อนซ้ายมือคือเต่า หินก้อนตรงกลางคือนกกระสา และกลุ่มหินด้านขวาคือเรือ รวมความหมายคือ อายุยืนยาวและมั่งคั่ง

Credit:Chill Chill Trip

นั่งมองวิวไปอย่างเพลิดเพลิน ท่ามกลางวิวแม่น้ำโยชิโนะ แม่น้ำสายหลักของจ.โทคุชิมะ

Credit:Chill Chill Trip

ความละเอียดของการตกแต่งสถานที่ และอาจจะไม่ค่อยได้เห็นทั่วไปนัก การวาดลวดลายนั้นยังขึ้นอยู่กับแนวหินด้วย เรียกว่า นี่คืองานจิตรกรรมดีๆชิ้นนึง

Credit:Chill Chill Trip

ตั้งแต่ยุคเมจิ ปี 40 ในหนังสือแนะนำสถานที่มีชื่อเสียงของเมือง Awa (จ.โตคุชิมะ ปัจจุบัน) วัดนี้ถูกได้รับยกย่องว่าเป็นวัดสวยของญี่ปุ่น

Credit:Chill Chill Trip

ไดเมียว ชื่อว่า Hachisuka เมื่อเป็นผู้ปกครองจ.โทคุชิมะ ได้ให้วัดแห่งนี้เป็นสถานที่รวบรวมและเก็บกระดูกของตระกูลท่าน

Credit:Chill Chill Trip

วิวที่มองออกไปจากอาคารห้องโถง( Main Hall ) ฝั่งขวาคือ อาคารต้อนรับ เรียกว่า Reception hall มองจากมุมนี้ เห็นความงดงามของหินที่วาดลวดลายสายน้ำอย่างชัดเจน

Credit:Chill Chill Trip

Credit:Chill Chill Trip

เราเดินเข้ามาในอาคารต้อนรับ สิ่งแรกที่เห็นคือ ต้นสน ที่มีรูปร่างแปลก แผ่กิ่งก้านยาวไปเต็มห้อง

Credit:Chill Chill Trip

ทางเดินค่อนข้างสะอาด และพื้นที่ภายในกว้างใหญ่ ด้านในแบ่งห้องใหญ่ออกเป็นหลายๆห้อง ที่นี่ยังมีบริการอาหารเที่ยงแบบมังสวิรัติด้วยนะ(อาหารพระ) โดยต้องจองล่วงหน้าและรับจองตั้งแต่กรุ๊ป 5 ท่านขึ้นไป

Credit:Chill Chill Trip

ด้วยบรรยากาศแบบญี่ปุ่นในยุคเก่า ประตูบานเลื่อนแต่ละแผ่นก็ยังมีลวดลายแบบสมัยก่อน สำหรับท่านที่สนใจทานอาหาร ต้องจองล่วงหน้า 1 อาทิตย์ ราคาเซ็ทละ 6500 เยน/คน ถ้าแบบเบนโตะคนละ 4000 เยน มีห้องให้นั่งทาน

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในตกแต่งด้วยประตูกระดาษสา ส่วนด้านนอกเป็นกระจกใส ทำให้ห้องดูสว่างอบอุ่นขึ้นมา สำหรับฤดูหนาว ประตูกระดาษสาที่เป็นผนังชั้นด้านในนั้น ช่วยลดความหนาวเย็นที่แผ่เข้ามาในบ้านได้มากทีเดียว

Credit:Chill Chill Trip

เตาอิโรริ ลักษณะเป็นหลุมสี่เหลี่ยม นำขี้เถ้ามาปูให้ทั่ว สำหรับก่อไฟปรุงอาหารและนั่งสังสรรค์กัน นอกจากจะปรุงอาหารแล้วยังเป็นเสมือนฮีทเตอร์ในยามหน้าหนาว ตะขอที่ห้อยลงมาเรียกว่า จิไซคากิ สำหรับแขวนหม้อ กาต้มน้ำร้อน

Credit:Chill Chill Trip

ด้านหลังอาคารเป็นทางเดินที่สามารถเชื่อมไปสู่อาคารที่ทำพิธีชงชาได้ โดยมีค่าใช้จ่ายคนละ 300 เยน ก็จะได้ดื่มชาเขียวอร่อยๆแล้ว

Credit:Chill Chill Trip

ภายในห้องชงชา บรรยากาศแบบญี่ปุ่น ด้านนอกมีธรรมชาติอันสวยงามและร่มรื่น

Credit:Chill Chill Trip

รองเท้าญี่ปุ่น zori เป็นรองเท้าแตะที่วางเอาไว้ด้านนอก เพื่อที่จะได้ใส่เดินเล่นบริเวณภายในรอบๆสวนแห่งนี้

Credit:Chill Chill Trip

วิวด้านบนที่มองลงมาจากห้องชงชา เห็นความสวยงามของสวนญี่ปุ่นและหินจากธรรมชาติ

Credit:Chill Chill Trip

ช่วงเวลาที่แนะนำในการมาวัดคือ บ่ายโมงไปจนถึงเวลาปิดทำการ เพราะพระอาทิตย์จะอยู่ตำแหน่งตรงหัวเราพอดี ถ่ายภาพไม่ค่อยมีเงา ส่วนช่วงบ่ายแก่ๆ จะเป็นการถ่ายภาพอาคาร Amitabha hall(The main hall) ซึ่งเดี๋ยวเราจะพาไปชม

Credit:Chill Chill Trip

ด้านหลังของวัด จะเป็นพื้นที่ของสวนญี่ปุ่นที่สวยมากๆ ผู้ออกแบบและดีไซน์ คือ Saito Tadakazu เกิดที่จ.ฟุกุชิมะ ปี 1939 และเรียนจบที่โตเกียว

Credit:Chill Chill Trip

มีทางเดินไปในส่วนของอาคารพิธีชงชา ซึ่งประตูเข้าทำให้มีบรรยากาศของความขลังและเงียบสงบมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

คุณไซโต ยังออกแบบสวนญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอีกหลายแห่ง คือที่จ.ยามากูจิ สวน Kanyoji Temple Garden, Shunan city และที่ Shojuin Temple garden จ.ชิซุโอกะ เมืองฮามามัตสึ

Credit:Chill Chill Trip

มีน้ำตกและลำธาร โดยออกแบบให้มีหินในรูปทรงต่างๆ ที่แปลกตามากมาย

Credit:Chill Chill Trip

ตลอดทางเดินจะเห็นพระพุทธรูปหินตั้งไว้แทบทุกจุด ซึ่งนี่ก็อยู่ในส่วนของงานสถาปัตยกรรมเช่นกัน

Credit:Chill Chill Trip

สวนออกแบบเป็น Circuit style garden คือเดินวนรอบๆได้ เดินมาจนสุดทางแล้วจะมาถึงโซนด้านหลังของวัด ที่มีผาหินสูงมาก ตรงจุดนี้คือ การถ่ายภาพช่วงบ่ายแก่ๆ

Credit:Chill Chill Trip

อาคาร Amitabha hall (The main hall) เป็นอาคารที่สร้างในยุคเฮอัน สำหรับการใช้สวดมนต์ภาวนาเกี่ยวกับพระอมิตาภพุทธะ โดยพระที่ชื่อ เออุน (Eun) เกิดเมื่อปี ค.ศ. 798

Credit:Chill Chill Trip

ลักษณะเด่นของอาคารคือ เสาไม้ที่เป็นฐาน เรียกว่าลักษณะนี้ว่า Kake Dukuri (อ่านว่า คาเคะ ซึคุริ) เป็นเทคนิคที่เริ่มใช้มาในกลางยุคเฮอัน วัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด คือ วัดน้ำใสที่เกียวโต

Credit:Chill Chill Trip

Credit:Chill Chill Trip

สถานี Oshima เมื่อลงรถไฟที่นี่แล้ว สามารถเดินต่อไปที่วัดได้ ข้อมูลเพิ่มเติม สายรถไฟของจังหวัดโทคุชิมะ ใช้บัตร suica ไม่ได้ ต้องซื้อตั๋วหรือใช้พาส

Credit:Chill Chill Trip

Honrakuji

ที่อยู่	123 Aza Oshima, Mishima, Anabuki Cho, Mima city, Tokushima
ค่าเข้า	ค่าเข้า คนละ 300 เยน พิธีชงชา 300 เยน (เสริม) เขียนคัมภีร์ 400 เยน (เสริม)
เวลาทำการ	9.00-17.00 เดือนพฤษภาคม ถึง กันยายน 9.00-16.30 เดือนตุลาคม ถึง เมษายน
Website	Honrakuji
การเดินทาง	สถานี JR Abanuki นั่งแท็กซี่ต่อ 10 นาที สถานี JR Oshima เดินต่อ 15 นาที (สถานีนี้ไม่มีแท็กซี่) ทางด่วน Tokushima Expressway ลงที่ Wakimachi interchange ขับต่ออีก 20 นาที