เที่ยวโทคุชิมะ ชวนลุยเก็บองุ่นพันธุ์ Shine Muscat ที่สวนมิกิ บุโด เมืองอาวะ

เมื่อย่างเข้าหน้าร้อนญี่ปุ่นคือเดือนสิงหาคม นอกจากกิจกรรมเล่นน้ำ ตั้งแคมป์ ร่วมงานเทศกาลสนุกๆแล้ว ก็คงเป็นการเก็บผลไม้สดๆจากสวนนี่แหล่ะ ที่สนุกและคุ้มไม่แพ้กัน

สวนองุ่นมิกิ บุโด

วันนี้เลยดิ่งไปที่สวนองุ่นของจังหวัดโทคุชิมะ เป็นสวนที่มีองุ่นพันธุ์ Shine Muscat ที่เราชื่นชอบมากๆเพราะมันหวานกรอบและไร้เมล็ด

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ภายในสวน ส่วนที่เปิดบริการให้เก็บทานมีองุ่นอยู่สองพันธุ์ คือ Pione (ピオーネ ) และ Shine Muscat (シャインムスカット)โดยเค้าจะเอาถุงกระดาษสองแบบมาห่อองุ่นแต่ละพันธุ์เพื่อลูกค้าจะได้ไม่สับสนเวลาตัด

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ไชน์มัสแคท มีชื่อทางการว่า Vitis vinifera ‘Shine Muscat’ องุ่นไชน์มัสแคท ได้รับการพัฒนาโดยองค์การวิจัยการเกษตรและอาหารแห่งชาติและได้รับการจดทะเบียนชื่อในปี 2003 ลำดับที่ No. 13,891 มาจากการทดลองผสมระหว่างสองสายพันธุ์คือ Akitsu-21 และ ‘Hakunan’ (V. vinifera) เมล็ดและการเพาะเมล็ดนั้นอยู่ภายใต้กฎหมายญี่ปุ่นเมื่อปี 2006

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

สวนองุ่นที่เรามาทานในวันนี้ เป็นสวนที่มีประวัติมานานหลายสิบปี ต้นองุ่นจึงใหญ่และแผ่ขยายกิ่งก้านไปกว้างมาก

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

เมื่อพร้อมที่จะเข้าไปทานแล้ว เราก็ไปรอติดต่อเจ้าของสวนเพื่อฟังคำอธิบายและขั้นตอนการ ตัดองุ่น สวนนี้เข้าฟรีนะคะ คิดเงินตามน้ำหนักขององุ่นแค่นั้นเอง

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ช่วงนี้ญี่ปุ่นไม่นิยมใช้ถุงพลาสติก ดังนั้นหากใครจะซื้อกลับบ้านควรเตรียมถุงไปเอง จากนั้นหยิบกรรไกรมาหนึ่งอันพร้อมตะกร้าใส่หมาก เอ๊ย ตะกร้าใส่องุ่น

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

คุณป้าบอกว่า ต้นองุ่นค่อนข้างเตี้ย เวลาเดินอาจจะต้องก้ม ปวดหลังหน่อยนะคะ…ฮ่าๆๆ บอกเลยว่า กำลังเตรียมตัวจะก้มเดิน สรุป ยืนเดินก็ได้ค่า ฮา

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ได้ยินเสียงฝีเท้าทางด้านขวา หันขวับไป เจอคนนึงกำลังเดินตัดองุ่น โล่งอกไปนึกว่าปาปารัซซี่

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

เห็นเงาตะคุ่มๆ ระแวงอีก ใครมาแอบดูดิชั้น อ้อ ที่แท้คือลูกค้าอีกท่านกำลังง่วนกับการเลือกองุ่น

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

สบายใจละ ขนาดมาไกลถึงเกาะชิโกกุ มีคนรู้จักก็แปลกละ ฮ่าๆ ตั้งใจหาองุ่นต่อ ห่อสีขาวแถบม่วงคือพันธุ์พิโอเนะ ส่วนแถบสีส้มคือพันธุ์ไชน์มัสแคท

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

วิธีการเลือกองุ่นก็ไม่ยากเลยค่ะ ก็แค่แหวกถุงออกมาให้เห็นลูกองุ่นข้างใน แล้วพิจารณาดูว่าองุ่นนั้นลูกโตไหม สุกหรือยัง ถ้าไม่สุกมันจะออกเปรี้ยวอมหวาน ถ้าสุกมากๆมันจะหวานเหลือล้น แนะนำให้เลือกสีเขียวอมเหลือง ยิ่งหวานมาก

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ส่วนพันธุ์สีม่วงนี้คือ พันธุ์ Pione (ピオーネ) พิโอเนะ พันธุ์นี้มีต้นกำเนิดอยู่ที่จ.ชิซุโอกะ การตัดก็ใช้หลักการเดียวกัน ตอนยังเล็กมันจะเป็นสีเขียวนะ แต่พอแก่และสุกจะเปลี่ยนเป็นสีม่วงเข้ม เลือกลูกโตและสีม่วงเข้มเลยจ๊ะ

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

เมื่อเล็งถุงที่อยากทานจนพอใจแล้ว ก็ทำพิธีตัดริบบิ้นทันที โดยมีสักขีพยานคือตากล้องคู่ใจที่ติดสอยห้อยตามมาและหวังจะได้กินองุ่นด้วย

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ได้องุ่นมาสามพวงเรียบร้อยแล้ว ก็เดินลัลล้าราวกับอยู่กลางทุ่งลาเวนเดอร์ไปที่แคชเชียร์เพื่อจ่ายเงิน

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

คุณป้าห่วงกลัวลูกค้าจะปวดหลัง ตะโกนถามไถ่มาเป็นระยะ ป่าวเลยค่ะ…หนูเดินได้ฉลุยสบายมาก ฮ่าๆ

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

คุณป้าจัดการคำนวณค่าองุ่นแต่ละสายพันธุ์อย่างคล่องแคล่ว มีระบบจดบัญชีด้วยมือ เริ่ดมากๆ ราคาตามนี้ Shine muscat 100 กรัม 240 เยน และ Pione 100 กรัม 120-140 เยน

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

จับชั่งน้ำหนักก่อนขึ้นชก เอ่อ ก่อนจะจ่ายเงินจ้า สองพวงนี้อยู่ที่เกือบหนึ่งกิโลครึ่ง

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ส่วนองุ่นพันธุ์พิโอเนะ พวงละครึ่งกิโล สิริยอดรวมสำหรับสามพวงนี้ ราว 4300 เยน

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

คุณป้าบอกว่า องุ่นอยู่ในห่อ ไม่ได้พ่นยา สามารถทานได้เลยโดยไม่ต้องล้างจ้า

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

นั่งมองหามุมที่เราชอบ แล้วไปจับจองที่นั่งทานได้ตามสบาย ส่วนใหญ่คนจะไม่ค่อยนั่งทาน อาจเพราะอากาศที่ร้อนและเพิ่งจะบ่ายโมง เลยซื้อกลับบ้านกัน

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

สำหรับเรานั้น เอามาอุ้ม มากอด มาดม อย่างทะนุถนอม ฮ่าๆ ถ้าลูกที่โตโดยสมบูรณ์ซึ่งก็ราวต้นกันยายนนั้นลูกจะใหญ่กว่านี้นิดหน่อย สีอ่อนกว่านี้นิดนึง

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

มาดูความสดและความน่าหม่ำขององุ่นเรา กรอบนอก นุ่มใน หวานฉ่ำในปากตอนเคี้ยวเลยจ้า ที่สวนเค้าพยายามปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีหรือใช้ให้น้อยที่สุด นอกจากพันธุ์ทั่วไปแล้วยังมีพันธุ์หายากอื่นๆ รวม 15 ชนิดที่เค้าปลูกได้ด้วยนะคะ และส่งขายตามซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ลักษณะของไชน์มัสแคทคือ ผิวมันวาว เขียวสด ผิวกรอบ ไร้เมล็ด ข้อหลังนี่แหล่ะที่ทำให้ชอบทานมากๆ ดังนั้นเข้าหน้าร้อนทีไร สิ่งที่ตั้งตารอคอยที่สุดไม่ใช่การใส่ได้ชุดบิกินี่ แต่คือการได้ทานองุ่นไชน์ มัสแคท!

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

ส่วนใครที่ชอบพันธุ์ที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์ เวลาทานเหมือนได้ดื่มไวน์ไปด้วย ก็อย่าลืมซื้อพันธุ์พิโอเนะมาทานด้วยนะ รับรองว่าฟินไม่แพ้กันเลย และหากสนใจลองชิมพันธุ์อื่นๆ ทางเข้าสวนมีหน้าร้านด้วยนะ แวะซื้อก่อนกลับได้จ้า

 Miki Budou En

Credit:Chill Chill Trip

 Miki Budou En

ที่อยู่225 Nakamura, Donaricho, Miyagawauchi, Awa, Tokushima 771-1508
เวลาทำการ ฤดูกาล เก็บองุ่น 10 สิงหาคม – ปลายเดือนกันยายน (ไม่เสียค่าเข้าชม)
โทร 088-695-4810
เวลาทำการ 9.00 น -17.00 น
facebook Miki Budou En
  1. 1 CAFE THE PARK คาเฟ่วิวภูเขาฟูจิ ชิคๆริมทะเลสาบยามานาคา (Lake Yamanaka) วิวภูเขาไฟฟูจิ (Mt.Fuji) ชิมแพนเค้กแสนอร่อยสูตรต้นตำรับ
  2. 2 กระรอกบิน ชูก้า ไกลเดอร์ (Sugar glider) มารู้จักนิสัย ราคา การเลี้ยงดู อาหาร ตากลมแบ๊วแสนน่ารักแต่นิยมการผาดโผน
  3. 3 เฟอเรท (Ferret) วิธีเลี้ยง อาหาร นิสัยของเจ้าเฟอเรทที่มาพร้อมกับความซุกซนอันแสนน่ารัก
  4. 4 คาเฟ่ขอนแก่น ร้านปั้นแป้งเบคอะเค้ก ขนมอร่อย เครื่องดื่มหลากหลาย คาเฟ่เก๋ ๆ สไตล์ญี่ปุ่น ของคนเมืองขอนแก่น
  5. 5 Hie shrine ศาลเจ้าฮิเอะ ขอพรเรื่องธุรกิจเจริญรุ่งเรือง สมหวังเรื่องความรัก ในโตเกียว Tokyo