ท่องเที่ยวในไอสึแบบคุ้มสุดคุ้ม ด้วยพาสที่ช่วยประหยัดมากขึ้นและใช้งานได้ง่ายขึ้น ด้วยพาส Ouchi-juku Railway/Bus Common Discount Ticket

พาส Ouchi-juku Railway/Bus

ชิลชิลทริปพาเพื่อนๆเดินทางออกนอกเมืองมาเที่ยวที่เมืองไอสึวาคามัทสึ (Aizuwakamatsu) จ.ฟุกุชิมะ ที่นี่เป็นเมืองน่ารัก และคนก็ใจดีมากๆ หลังจากลงรถไฟที่สถานีไอสึวาคามัทสึแล้ว เราก็เดินเข้ามาด้านใน ตรงจุดให้ข้อมูลการท่องเที่ยวไอสึวาคามัทสึทันที เพื่อซื้อพาส Ouchi-juku Railway/Bus Common Discount Ticket

Credit:Chill Chill Trip

พาส Ouchi-juku Railway/Bus Common Discount Ticket มีราคา 2200 เยน เป็นแผ่นใหญ่แบบนี้เลย ซึ่งอันนี้ยังไม่ใช่ตั๋วเดินทางนะ เป็นแค่ใบแลกตั๋วรถไฟ รถบัสเท่านั้น จากนี้ไปเราจะเดินทางไปหมู่บ้านโออุจิจูกุ ที่ต้องเดินทางด้วยรถไฟและรถบัสกันค่ะ

Credit:Chill Chill Trip

การใช้พาสนี้ มีหลายทางเลือกให้เดินทาง โดยทุกเส้นทางจะมุ่งไปที่การเที่ยวหมู่บ้านโออุจิจูกุ (พาสราคารวมรถไฟและรถบัส) เพื่อนๆสามารถรับแผ่นที่เป็นภาษาอังกฤษได้นะ เจ้าหน้าที่มีไว้รองรับเรียบร้อย เราอยากให้เพื่อนๆดูสีของเส้นทางตามรูป เราสามารถเลือกได้แค่เส้นทางเดียวเท่านั้น
สีเขียว ต้นทางสถานีไอสึวาคามัทสึ – หมู่บ้านโออุจิจูกุ – ปลายทางสถานีไอสึทาจิมะ
สีเหลือง ต้นทางสถานีไอสึทาจิมะ – หมู่บ้านโออุจิจูกุ – ปลายทางสถานีไอสึวาคามัทสึ
สีแดง ต้นทางสถานีไอสึวาคามัทสึ – หมู่บ้านโออุจิจูกุ -ปลายทางสถานีไอสึวาคามัทสึ
สีม่วง ต้นทางสถานีไอสึทาจิมะ – หมู่บ้านโออุจิจูกุ – ปลายทางไอสึทางจิมะ
ชื่ออังกฤษ
สถานีไอสึวาคามัทสึ – Aizuwakamatsu station (JR)
สถานีไอสึทาจิมะ – Aizu tajima(จากสถานีนี้ ต่อรถไฟสายโทบุกลับอาซาคุสะได้)

Credit:Chill Chill Trip

แต่เนื่องด้วย ระหว่างสถานีไอสึวาคามัทสึกับสถานีนิชิไอสึวาคามัทสึ เป็นรอยต่อของสายรถไฟ JR และสาย Aizu ทำให้ต้องเพิ่มเงินค่ารถไฟส่วนนี้ตอนก่อนเดินทาง ราคาขาเดียว 190 เยน ซื้อตั๋วได้ที่ตู้กดขายตั๋วอัตโนมัติที่สถานีได้เลย
พาสราคา 2200 เยน แต่เมื่อเทียบค่าใช้จ่ายปกติ กรณีไม่ใช้พาส
Aizuwakamatsu st – Yunokami onsen st 1050 เยน
Yunokami onsen st – Aizuwakamatsu st 1050 เยน
รถบัสไปกลับหมู่บ้านโออุจิจูกุ 1000 เยน
>>> ประหยัดได้เกือบ 1000 เยนเชียวนะ!!
เงื่อนไข : ตั๋วรถไฟมีอายุการใช้งาน 2 วัน แบบขาเดียว/ ตั๋วรถบัส Saruyu-go สามารถขึ้นลงได้ไม่จำกัดครั้ง

Credit:Chill Chill Trip

สำหรับขากลับ นั่งรถไฟยาวมาลงที่สถานีไอสึวาคามัทสึได้เลย ส่วนตั๋วที่ต้องจ่ายเพิ่มในส่วนต่างเส้นทางอีก 190 เยน ก็จ่ายที่เจ้าหน้าที่ตอนขาออกได้

Credit:Chill Chill Trip

รถไฟสายไอสึ (Aizu line) ที่จะเดินทางผ่านไปยังสถานียูโนะคามิออนเซ็น(Yunokami onsen)( จุดที่เราต้องต่อรถบัสนั้น) รถไฟจะจอดอยู่ชานชลาที่ 5 เสมอ ขึ้นไปได้เลย

Credit:Chill Chill Trip

รถไฟสายไอสึ มีความเป็นเอกลักษณ์มาก บางขบวนทำลวดลายอะนิเมชั่น บางขบวนทำลวดลายนายสถานีแมว ซึ่งสถานีนั้นชื่อว่า Ashinomaki onsenที่โด่งดังมากๆ และเราจะผ่านสถานีนี้ด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip

วันนี้เราโชคดี ได้มานั่งขบวนลายน้องเหมียว ด้านในขบวนมีภาพน้องแมวต่างๆ ที่เฝ้าในสถานี ในภาพคือน้องพีช

Credit:Chill Chill Trip

จากสถานีไอสึ วาคามัทสึ – สถานียูโนะคามิออนเซ็น ใช้เวลาเพียง 39 นาที รถไฟก็มาจอดที่ชานชลาเรียบร้อย

Credit:Chill Chill Trip

สถานียูโนะคามิออนเซ็น เป็นสถานีหลังคามุงหญ้าที่เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น สวยงามทั้งช่วงใบไม้เปลี่ยนสีและซากุระ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านข้างสถานีเป็นบ่อแช่ออนเซ็นเท้า ที่บริการฟรี ในระหว่างที่รอรถไฟ นักท่องเที่ยวหลายคนก็ชอบมานั่งแช่เล่นๆ ถ้ามาตรงนี้ ถือติดผ้าขนหนูมาด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในสถานีรถไฟมีสินค้าท้องถิ่นน่ารักๆวางขาย และมีตู้หมุนกาจาปองตุ๊กตาไอสึอาคะเบโกะ เพลินมากเลย

Credit:Chill Chill Trip

สำหรับตู้ล็อกเกอร์ที่ฝากสัมภาระ มีอยู่หกตู้ล็อกเกอร์ หากเพื่อนๆมีสัมภาระใบใหญ่ เช่น กระเป๋าเดินทาง สามารถขอฝากกับเจ้าหน้าที่ได้เลย

Credit:Chill Chill Trip

การใช้ตั๋วจะเริ่มต้นขึ้นที่สถานียูโนะคามิออนเซ็นแห่งนี้ เอาใบแลกตั๋วที่ถือมานี้ เอามาให้เจ้าหน้าที่ดู และจ่ายค่าตั๋วราคา 2200 เยนที่นี่ได้เลย

Credit:Chill Chill Trip

เจ้าหน้าที่จะยื่นกระดาษใบเล็กให้เราสองใบ อันนี้เรียกว่า ตั๋วพาส ใบใหญ่คือตั๋วขึ้นรถไฟสายไอสึ ตั๋วใบเล็กคือ ตั๋วสำหรับนั่งรถบัสไปหมู่บ้านโออุจิจูกุ ชื่อรถบัส Saruyu-go

Credit:Chill Chill Trip

รถบัส Saruyu-go เป็นรถบัสขนาดเล็กที่จอดอยู่ฝั่งซ้ายของสถานี ปกติรถจะจอดรอผู้โดยสารตามรอบรถไฟเสมอ

Credit:Chill Chill Trip

เรายื่นตั๋วใบเล็กให้เจ้าหน้าที่ดู ก็จะได้รับใบสีเหลืองแบบนี้มาอีก เพื่อแสดงว่าเราได้ชำระค่าเดินทางหมดแล้ว เป็นหลักฐานใช้แทนตั๋วขึ้นรถบัส อย่าทำหายนะ (ถ้าไม่มีพาส ก็สามารถมาซื้อตั๋วรถบัสตอนจะขึ้นรถได้เช่นกัน)

Credit:Chill Chill Trip

ความพิเศษของที่เที่ยวแถบนี้คือมีข้อมูลให้นักท่องเที่ยวเยอะมากๆ และตอนนี้ก็มีภาษาไทยให้ด้วยนะ เป็นแผนผังหมู่บ้านโออุจิจูกุ โดยบอกรายละเอียดว่าเป็นร้านอาหาร ร้านคาเฟ่ ร้านค้าทั่วไป แบบเข้าใจง่ายๆ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในรถ มีที่นั่งสบายๆ ไม่ต้องกังวลเรื่องว่าจะไม่มีที่นั่งเลยเพราะสามารถปรับเพิ่มเบาะได้อีก

Credit:Chill Chill Trip

รถบัสใช้เวลาเดินทางมาราวสิบนาทีนิดๆ ก็พาเรามาจอดที่ป้ายสุดสายปลายทาง จุดนี้คือช่วงกลางของหมู่บ้านโออุจิจูกุ และจุดขึ้นรถบัสขากลับคือฝั่งตรงข้ามนี่เอง เวลาขากลับมีอยู่ด้านหลังตั๋วใบสีเหลือง หรือตรงป้ายรอรถบัส แนะนำดูเวลารอบขากลับไว้เลยเพื่อวางแผนทริปได้ดีขึ้น

Credit:Chill Chill Trip

ถ้าจะให้เดินได้ทั่ว เมื่อดูแผนที่แล้วเราก็เริ่มต้นเดินทางชมหมู่บ้านโออุจิจูกุจากด้านหน้าสุดของหมู่บ้านไปเลยละกัน เพื่อจะได้ไม่พลาดร้านสำคัญๆ เราใช้เวลาที่นี่ราวสองชั่วโมง

Credit:Chill Chill Trip

ในปี 1981 ถนนโออุจิจูกุได้รับการดูแลรักษาไว้อย่างดีโดยถูกกำหนดให้เป็นเขตอนุรักษ์ที่สำคัญสำหรับกลุ่มอาคารแบบดั้งเดิม

Credit:Chill Chill Trip

หลังคามุงด้วยหญ้าซูซุกิอย่างหนามากๆ เป็นการใช้โครงสร้างแบบเดิมมาตั้งแต่ยุคเอโดะ หรือเมื่อราวเกือบ 400 ปีก่อน ว่ากันว่า เมื่อฤดูหนาวในบ้านก็ยังอุ่น

Credit:Chill Chill Trip

ร้านกาแฟที่เราอยากแนะนำให้เพื่อนๆ คือร้านทามะ (ดูแผนที่คือ จากปากทางเข้า อยู่ด้านขวา ร้านที่สาม) ขนมเค้กชาเขียวอร่อยมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

จากนั้นเราเดินมาต่อที่ร้านขายสาเกท้องถิ่น ที่นี่เป็นร้านที่ปลูกข้าวเอง ผลิตเองและทำสาเกรสชาติต่างๆ

Credit:Chill Chill Trip

เค้ามีสาเกรสต่างๆให้ชิม โดยเราจ่ายเงินครั้งละห้าร้อยเยน ก็เลือกชิมได้ นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ของท้องถิ่นอื่นๆวางขายด้วย

Credit:Chill Chill Trip

หากเพื่อนๆหิว เราอยากให้ลองมาชิมอาหารท้องถิ่นที่ร้านมิซาวะ เป็นร้านอาหารที่มีขนาดใหญ่ คนนิยมมากินมากๆ หากอยากหลีกเลี่ยงช่วงคนเยอะ มาช่วง 11 โมงเช้านะ

Credit:Chill Chill Trip

เมนูของร้าน มีราคาอยู่ช่วง 900 – 1400 เยน เป็นเมนูเดี่ยวๆ ไม่ได้ขายเป็นเซ็ท เราสั่งเมนูโซบะเย็นและเต้าหู้

Credit:Chill Chill Trip

เมนูปลาแม่น้ำทอด ที่อร่อยมากๆๆๆ เป็นปลาทอดกรอบ ในจานได้มาประมาณสี่ชิ้น ปรุงรสกลมกล่อมสุดๆ

Credit:Chill Chill Trip

กินข้าวเสร็จแล้ว เราก็ออกมาเดินเล่นกันต่อ นี่แค่เพิ่งจะต้นทางเท่านั้นเองนะ เรายังใช้เวลาไปเกือบชั่วโมง

Credit:Chill Chill Trip

เส้นทางนี้แต่เดิมเคยเป็นถนนที่ใช้สัญจรจริงในอดีต สมัยนั้นเราเรียกว่า ไอสึนิชิไคโดะ (Aizu Nishi Kaido)

Credit:Chill Chill Trip

เป็นจุดแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารของรัฐ จุดพักผ่อน พักแรม และซื้อขายสินค้า อาหาร ก่อนเดินทางต่อไปยังเมืองเอโดะ เป็นเส้นทางของขบวนแห่ของขุนนางศักดินาที่เดินทางเป็นประจำ

Credit:Chill Chill Trip

นักเดินทางมากมายจะชอบมาพักผ่อนที่นี่ เราชอบบรรยากาศที่นี่มากเพราะมีสินค้าน่ารักๆที่ทำด้วยงานฝีมือ

Credit:Chill Chill Trip

ที่นี่เราจะเห็นสินค้าญี่ปุ่นแบบญี่ปุ่นแท้ๆ เช่น รองเท้าเกตะ เป็นประเภทหนึ่งของรองเท้าแตะ ซึ่งจะทำด้วยไม้ และในส่วนของหูหนีบจะทำด้วยผ้า ชาวญี่ปุ่นมักจะนำมาสวมใส่กับชุดกิโมโน หรือยูคาตะ

Credit:Chill Chill Trip

เราเดินมาเรื่อยๆ จนถึงกลางหมู่บ้านละ ไอศครีมก็มีขายด้วยนะ ในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ ฟินสุดๆเลยจ้า

Credit:Chill Chill Trip

เราเดินเข้าไปเดินเล่นดูด้านใน มีขนมเด็กญี่ปุ่นแบบโบราณด้วยนะ คนญี่ปุ่นในสมัยก่อนจะนิยมทำของกินแบบเซมเบ้หรือข้าวเกรียบ เก็บไว้ได้นานด้วย

Credit:Chill Chill Trip

เซมเบ้เป็นอาหารหรือขนมที่ทำมาจากแป้งสาลี มีรูปร่างทรงกลม นำไปตากแดดและย่างให้กรอบ ระหว่างย่างก็ทาโชยุหรือรสต่างๆ ที่แตกต่างกัน

Credit:Chill Chill Trip

อีกร้านที่แนะนำก่อนจะถึงท้ายหมู่บ้านคือร้านขายงานผ้า ที่ทำเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น ผัก ผลไม้ สัตว์ต่างๆ

Credit:Chill Chill Trip

ด้านในร้านมีมุมผักดองฟรี ที่เราชอบมากๆ และเค้าก็มีจานเล็กๆให้เราได้ลองตักชิมตามใจชอบ

Credit:Chill Chill Trip

ถ้าเราชอบรสไหนก็สามารถมาเลือกซื้อแบบแพ็คเกจได้นะ สำหรับรสชาติที่ขายดีมากๆและเราอยากแนะนำคือห่อสีเขียวที่อยู่ซ้ายสุด

Credit:Chill Chill Trip

เทียนไอสึ เป็นหนึ่งในของฝากที่ขึ้นชื่อ ความเป็นมาของการเพ้นท์เทียนเป็นลายดอกไม้คือสมัยก่อนที่มีการทำเทียนไปไว้ที่วัด ช่วงฤดูหนาวจะไม่มีแม้แต่ดอกไม้บาน คนสมัยก่อนจึงประยุกต์โดยนำเทียนมาวาดดอกไม้สีสันต่างๆซะเลย

Credit:Chill Chill Trip

ไอเทมเด็ดอีกอย่างคือ หมอนหนุนนอน ที่ด้านในเป็นเปลือกของเมล็ดโซบะ คือช่วยให้การนอนหลับนั้นดีขึ้น เนื่องจากช่องว่างระหว่างเปลือกแข็งของโซบะทำให้อากาศไหลเวียนดีแม้ในยามที่เรานอนหลับ จะหลับแบบเย็นสบาย

Credit:Chill Chill Trip

ตุ๊กตาโบราณต่างๆที่เด็กชาวไอสึใช้เล่นในอดีต ซึ่งที่นี่มีตุ๊กตาหลายแบบมากเลย เช่น รูปม้า รูปเทพต่างๆ

Credit:Chill Chill Trip

ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ราวต้นเดือนพฤศจิกายน ใบไม้ต่างๆของที่นี่จะเปลี่ยนสีสันไปอย่างสวยงามมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

ไอสึยังมีงานไม้ที่บางคนมาแล้วก็อดใจไม่ได้ต้องซื้อกลับไปเป็นของฝาก รวมถึงถ้วยใส่ข้าวและน้ำซุป หลากหลายราคาตามคุณภาพก็ถูกซื้อกลับไปเป็นของที่ระลึกอีกด้วย

Credit:Chill Chill Trip

หอนิทรรศการทิวทัศน์โออุจิจูกุ ที่แสดงเรื่องราวเกี่ยวกับวิถีชีวิตของสมัยก่อน เพราะในยุคเอโดะที่นี่คือโรงแรมที่พักของนักเดินทาง

Credit:Chill Chill Trip

ท้ายหมู่บ้าน มีทางเดินขึ้นไปตรงเนินเขา ที่ด้านบนจะมีจุดชมวิวท้ายหมู่บ้านที่ถือว่าเป็นไฮไลต์ ใครไม่ขึ้นมาตรงนี้ ก็เท่ากับมาไม่ถึง ตรงนี้จึงเป็นอีกจุดที่ไม่ควรพลาด

Credit:Chill Chill Trip

หมู่บ้านโออุจิจูกุ มีร้านค้ามากมาย ในช่วงวันเสาร์และอาทิตย์ที่สองของเดือนกุมภาพันธ์จะมีงานเทศกาลโออุจิจูกุ ที่ยอดนิยมมาก มีการจุดพลุด้วย

Credit:Chill Chill Trip

ใกล้กันมีวัดโชโบจิ เป็นอาคารไม้เล็กๆ ที่เราต้องเดินผ่านแน่อนถ้าเดินมาชมวิวถึงด้านบนนี้แล้ว

Credit:Chill Chill Trip

ถ้าเราเห็นเสาไม้โทริอิแบบนี้ แสดงว่าเรามาถึงทางเข้าศาลเจ้าของหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ให้เดินเข้าไปเลย

Credit:Chill Chill Trip

เดินจากปากทางมาถึง ทางขึ้นศางเจ้าทากากูระ (Takakura shrine) ซึ่งเป็นศาลเจ้าสำคัญของชาวโออุจิจูกุ

Credit:Chill Chill Trip

ศาลเจ้าทากากูระ เป็นจุดแห่งเทพเจ้าผู้พิทักษ์เขตนี้ ซึ่งเชื่อกันว่า เจ้าชายโมจิฮิโตะ เป็นสมาชิกของราชวงศ์อิมพีเรียลในศตวรรษที่ 12 ประดิษฐานอยู่ที่นี่

Credit:Chill Chill Trip

มีต้นซีดาร์ขนาดใหญ่อายุ 800 ปีและมีความสูงถึง 56 เมตร ยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้ดูลึกลับมากขึ้นไปอีก

Credit:Chill Chill Trip

เส้นทางขากลับ ใช้เวลาราว 15 นาทีถึงจะเดินไปถึงทางหลักของหมู่บ้านโออุจิจูกุ บอกเลยว่าเข้ามาแล้ว สงบมากๆ

Credit:Chill Chill Trip

ในเดือนสิงหาคม เป็นฤดูกาลเพาะปลูกต้นโซบะ ดอกของโซบะเป็นสีขาว พอปลูกเป็นทุ่งแบบนี้ก็ดูสวยดีนะ

Credit:Chill Chill Trip

แม้จะยังไม่ถึงช่วงหน้าหนาว ต้นใบเมเปิ้ลบางต้นก็เริ่มเปลี่ยนสีแล้ว ทำให้บรรยากาศของหมู่บ้านมีสีสันไปอีกแบบ

Credit:Chill Chill Trip

หมู่บ้านโออุจิจูกุ สามารถมาเที่ยวได้ตลอดเวลาทุกฤดูกาล หนึ่งในความทรงจำที่ไม่เคยจางหายไปแม้เวลาจะล่วงเลยมาหลายร้อยปีแล้วก็ตาม

Credit:Chill Chill Trip

เพิ่มความเป็นญี่ปุ่นที่ยิ่งทำให้การเดินทางมีภาพงดงามมากขึ้นด้วยการเช่าชุดกิโมโนใส่เดินเล่นที่นี่ จบทริปแล้ว เราก็เดินทางกลับบ้านด้วยความสุขมากมาย

Credit:Chill Chill Trip

pass หมู่บ้านโออุจิจูกุ ouchi-juku

ที่อยู่	Yamamoto, Ouchi, Shimogo Town, Minamiaizu District, Fukushima Pref. 969-5207
ค่าเข้า	ฟรี
Website	หมู่บ้านโออุจิจูกุ ouchi-juku
การเดินทาง	สถานี Aizuwakamatsu ด้วยรถไฟสาย Aizu จากนั้นลงที่สถานี Yunokami onsen ต่อรถบัสมาลงที่หมู่บ้านโออุจิจูกุ สถานี Aizu Tajima ด้วยรถไฟสาย Aizu ลงที่สถานี Yunokami onsen

พูดคุยสอบถามรายละเอียดวิธีการเดินทางหรือดูข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมได้ที่นี่

Facebook	ChillChillTrip
IG	ChillChillTrip
YouTube	ChillChillTrip

ซื้อพาสรถไฟ บัตรสถานที่ท่องเที่ยว ราคาถูกที่นี่

Klook.com