ขับรถเที่ยว Venus line นากาโน่ (Nagano) 2 วัน 1 คืน บนเส้นทางภูเขาที่ขึ้นชื่อว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่ง ไหว้ศาลเจ้าบนเขา นอนในรถแคมป์ปิ้ง และชมประติมากรรมกลางแจ้งที่แปลกตา
เที่ยวแบบขับรถชิลชิลบนเส้นทางชมวิวที่สวยจนต้องอยากไปซ้ำ กับเส้นทางยอดนิยม ขึ้นกระเช้าไปชมวิวบนเขา ทานโซบะอร่อยๆและนอนในรถแคมป์ปิ้งกัน
สารบัญ
- ทะเลสาบทาเทะชินะ (Lake Tateshina)
- Kita-Yatsugatake Ropeway
- Onnanokami Tenbodai 女の神展望台
- ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba)
- ภูเขาคุรุมะยามะ (Mount Kurumayama)
- MobiHo
- หมู่บ้านโบราณ อุนโนะจุกุ (Unno juku)
- Nobeyama Station
ทะเลสาบทาเทะชินะ (Lake Tateshina)
เพื่อนๆเคยอยากลองขับรถเที่ยวในญี่ปุ่นกันบ้างไหม แล้วเคยสงสัยไหมว่าคนญี่ปุ่นนั้นนิยมการขับรถเที่ยวเส้นทางไหนกันบ้าง ครั้งนี้เราพาเพื่อนๆเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ขับรถเที่ยวเส้นทางชื่อดังวีนัสไลน์( Venus Line) จ.นากาโน่ (Nagano) กัน
Credit:Chill Chill Trip
เส้นทางวีนัสหรือ Venus Line(ビーナスライン) มีระยะทางยาวประมาณ 86 กิโลเมตร แต่ทุกคนจะทราบว่านี่คือเส้นทางชมวิวทั้งหมด ดังนั้นเมื่อคิดจะขับรถเส้นทางนี้ ก็ต้องพักที่นี่และแวะเที่ยวตามจุดท่องเที่ยวบนเส้นทางของที่นี่เช่นกัน ทริปนี้เราใช้เวลาสองวันหนึ่งคืน โดยเดินทางมาจากโตเกียว
Credit:Chill Chill Trip
เราออกเดินทางจากโตเกียวเวลา 6:00 เมื่อเริ่มเข้าสู่เส้นทางวีนัส (Venus Line) เราจอดแวะพักผ่อนที่นี่ก่อนเลย ที่ทะเลสาบทาเทะชินะ (Lake Tateshina) เป็นทะเลสาบที่สงบ สวยงามมากๆ มีขนาดเส้นรอบวงประมาณ 1 กิโลเมตรเท่านั้นเอง แต่เป็นหนึ่งในจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีนะ
Credit:Chill Chill Trip
ตรงนี้จะมีร้านค้าท้องถิ่นแบบเล็กๆ แต่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของนากาโน่ เมืองที่มีแอปเปิ้ลแสนอร่อยและด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงาม พื้นที่กว้างใหญ่ ทำให้เราจินตนาการต่อไปว่า อาหารของที่นี่น่าจะสด อร่อยด้วย
Credit:Chill Chill Trip
ทะเลสาบทาเทชินะ เป็นทะเลสาบที่ขุดขึ้นมา เดิมสร้างขึ้นเพื่อเป็นอ่างเก็บน้ำทางการเกษตร แต่กลับกลายมาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของที่ราบสูงทาเทชินะ ที่นี่มีกิจกรรมทั้งนั่งเรือ เดินเล่นริมทะเลสาบที่สวนประติมากรรม ที่งานศิลปะจะทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายอีกด้วย
Credit:Chill Chill Trip
ทะเลสาบทาเทะชินะ (Lake Tateshina)
Website | tateshina |
Website | venus-line |
แผนที่ | Kita Yatsugatake Ropeway |
การเดินทาง | จากสถานี JR Shino นั่งแท็กซี่ รถบัส หรือรถเช่า ประมาณ 30 นาทีไปยัง Kita Yatsugatake Ropeway |
Kita-Yatsugatake Ropeway
ไม่ไกลจากทะเลสาบทาเทชินะ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะต้องแวะคือKita-Yatsugatake Ropeway ที่จะพาทุกท่านข้ามผ่านเทือกเขายัตสึกาทาเกะ(Yatsugatake Mountains) ระหว่างภูเขาสองลูก คือภูเขา Kitayokodake และภูเขา Shimagare ซึ่งเขาแต่ละลูกนั้นมีความสูงระดับ 2400 เมตร ใช้เวลาถึงยอดประมาณ 7 นาที
Credit:Chill Chill Trip
แต่เราชอบสถานีกระเช้ามากๆ ตกแต่งและออกแบบเหมือนกับตะวันตก เราจะพบอาคารแบบนี้มากมายตามเส้นทางวีนัสแห่งนี้ ด้านหน้าสามารถจอดรถฟรี
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อขึ้นไปด้านบน ก็ยังได้รับความสดชื่นจากดอกไม้ตามฤดูกาล เรามาถึงที่นี่ประมาณ 8:30 ซึ่งผู้คนก็เริ่มมารอคิวขึ้นกระเช้าแล้ว ในวันที่อากาศดีๆ ไม่ควรพลาดเลยนะ
Credit:Chill Chill Trip
ยังมีเส้นทางเดินป่าที่สวยงามมากมาย และถ้าเรามาในฤดูหนาวที่นี่จะเปลี่ยนเป็นลานสกีและสโนว์บอร์ด ทำให้ที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมตลอดทั้งปี
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในมีโซนให้นั่งพักผ่อนและสามารถสั่งอาหารมานั่งทานได้อย่างสบายๆ หากชอบบรรยากาศธรรมชาติ ที่ด้านล่างก็มีร้านขนม ไอศครีมด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
เพลิดเพลินกับการชมของฝากท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อของจ.นากาโน่และเครื่องดื่มมากมาย จนเกือบไม่ทันได้ดูเวลา
Credit:Chill Chill Trip
นักท่องเที่ยว นักเดินป่าก็เริ่มมาต่อแถวเพื่อจะขึ้นกระเช้ากันแล้ว ราคาค่าขึ้นกระเช้าสำหรับผู้ใหญ่แบบไปกลับ ก็คนละ 2100 เยน
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับกระเช้านั้น สามารถบรรจุคนได้ 100 แต่ถ้าเรามาเช้า คนก็จะน้อยๆ จะได้มีจุดที่ยืนถ่ายภาพได้สะดวกเนอะ
Credit:Chill Chill Trip
ที่เห็นอยู่นี่คืออาคารสำหรับกิจกรรมสกีและสโนว์บอร์ดในฤดูหนาว อยู่ติดกันที่ด้านหลังนี่เอง
Credit:Chill Chill Trip
Kitayatsugatake Ropeway
Website | Kitayatsugatake Ropeway |
แผนที่ | Kitayatsugatake Ropeway |
การเดินทาง | โดยรถไฟ:ลงที่สถานี Chino (JR Chuo Line) จากนั้น ต่อรถบัส Kitayatsugatake Ropeway 60 นาที |
Onnanokami Tenbodai 女の神展望台
เดินทางต่อไม่นาน ฝั่งซ้ายของเราจะเจอจุดจอดแวะชมวิว เรียกว่า Onnanokami Tenbodai หรือ “หอดูดาวเทพสตรี” อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,700 เมตร ถือเป็นจุดชมวิวอันตระการตาพร้อมทัศนียภาพอันสวยงามที่ตีนเขายัตสึกาทาเกะแบบพาโนราม่า
Credit:Chill Chill Trip
เมื่ออยู่มุมที่ค่อนข้างสูง เราจะเห็นยอดเขามากมายอยู่ข้างหน้า อากาศข้างบนสดชื่น ถ้าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีคงงดงามกว่านี้
Credit:Chill Chill Trip
Onnanokami Tenbodai 女の神展望台
แผนที่ | Onnanokami Tenbodai 女の神展望台 |
ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba)
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อในเส้นทางของ Venus Line เราอยากให้เห็นถึงความสวยงามของต้นไม้ที่อยู่สองข้างทาง ขอจอดแวะถ่ายรูปแป๊บนะ
Credit:Chill Chill Trip
สักพักเราก็เดินทางมาถึงทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba) เป็นหนึ่งในทะเลสาบชื่อดังของเส้นทางวีนัส เค้าบอกว่า เป็นที่ๆเราสามารถใช้ช่วงเวลาสงบเพื่อสัมผัสลมริมทะเลสาบ ที่มีเสน่ห์ลึกลับที่ล้อมรอบเราอย่างเงียบ ๆ
Credit:Chill Chill Trip
แม้จะดูสวยและกว้างใหญ่แต่ที่นี่ก็เป็นเพียงทะเลสาบเทียม มีเส้นรอบวงประมาณ 3.8 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 36 เฮกตาร์ และความสูงของทะเลสาบอยู่ที่ 1,416 เมตร เดิมทีเป็นอ่างเก็บน้ำน้ำร้อนเทียมที่สร้างขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้ในการเกษตร และเขตปรับปรุงที่ดินอิเคโนไดระซึ่งสร้างขึ้นโดยชาวคิตะยามะคาชิวาบาระ เมืองชิโนะ
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับกิจกรรมก็มีมากมาย เพลินสุดๆ โดยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยวและความบันเทิง เช่น เรือ เรือแคนู และเรือคายัคให้เช่า ดูวิวสิจ๊ะ สวยมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
ลมเย็นสบายๆ เราเลยขอนั่งรับลมชมวิวไปเรื่อยๆ คนที่มีเวลาแล้วอยากมาพักผ่อน ที่นี่ก็มีที่พัก เช่น โรงแรม เรียวกัง ในบรรยากาศดีๆให้เลือกมากมาย
Credit:Chill Chill Trip
ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba)
Website | ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba) |
แผนที่ | ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba) |
การเดินทาง | จากสถานี Chino บนสายรถไฟ the JR Chuo Line นั่งรถบัสประมาณ 50 นาที |
ภูเขาคุรุมะยามะ (Mount Kurumayama)
เรากำลังสู่เส้นทางขึ้นเขาของ Venus Line ในส่วนที่คนนิยมถ่ายภาพมากที่สุด ช่วงเวลาจังหวะนี้คือ ไม่รู้ว่าจะถ่ายภาพหรือถ่ายวีดีโอดีนะ
Credit:Chill Chill Trip
ระหว่างที่ขับรถไปตามวิวเส้นทางสวยแห่งนี้ เราก็จะเริ่มเห็นยอดเขาสูงที่เป็นทั้งเส้นทางเดินป่าและจุดชมวิว ใช่แล้ว เรากำลังจะขึ้นไปบนยอดเขานี้
Credit:Chill Chill Trip
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่ใครผ่านมาก็ต้องแวะเลยนะ ที่นี่เรียกว่า ภูเขาคุรุมะยามะ (Mount Kurumayama) ช่วงหน้าร้อนเป็นช่วงที่คนเดินทางมาเที่ยวมากที่สุด ซื้อตั๋วเก้าอี้ลิฟต์แล้วก็ไปกันเลยจ้า เก้าอี้ลิฟต์ตัวนึงนั่งได้ 4 คน ใช้เวลา 15 นาที
Credit:Chill Chill Trip
ภูเขาคุรุมะยามะ (Mount Kurumayam)ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในร้อยภูเขาที่ยิ่งใหญ่ของญี่ปุ่น และยังได้รับชื่อเสียงว่าเป็นภูเขาที่สนุกสนานและผ่อนคลาย ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินกับการเดินป่าอันสดชื่นได้ สำหรับใครที่อยากเดินบ้างๆ แนะนำเส้นทางลงสกายไลเนอร์ที่จุดลงลิฟต์แรกแล้วเดินจากตรงกลางขึ้นไปด้านบน * สัตว์เลี้ยงสามารถนั่งกระเช้าชมวิวคุรุมะยามะได้
Credit:Chill Chill Trip
บรรยากาศในการนั่งชมวิวไป คือดีมากๆ ในฤดูใบไม้ผลิที่ราบสูงแห่งนี้จะอบอุ่นไปด้วยแสงแดดที่อ่อนโยน เมื่อเข้าสู่ฤดูร้อนดอกไม้เริ่มบานสะพรั่ง และในฤดูใบไม้ร่วง ภูมิประเทศถูกห้อมล้อมด้วยอากาศเย็นสดชื่น สำหรับฤดูหนาว ทุ่งหิมะที่ปกคลุมไปด้วยสีขาวแวววาวนั้นสมบูรณ์แบบสำหรับกีฬาฤดูหนาว เช่น การเล่นสกี สโนว์บอร์ด และการเดินป่าด้วยรองเท้าหิมะ
Credit:Chill Chill Trip
เมื่อเราขึ้นไปถึงจุดหนึ่ง เราต้องลงจากเก้าอี้ลิฟต์เพื่อเปลี่ยนจุดขึ้นอีกครั้ง ระหว่างเดินไปขึ้นเก้าอี้ลิฟต์รอบสอง ก็เห็นคนเดินเขามาเรื่อยๆ
Credit:Chill Chill Trip
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงยอดเขาแล้ว Kurumayama จุดชมวิวที่กลายมาเป็นสถานที่ในดวงใจได้อย่างง่ายดาย มีป้ายให้เราหยิบมาถ่ายรุปเล่นๆด้วย
Credit:Chill Chill Trip
ไม่ไกลจากที่เราหยุดถ่ายภาพ ก็มีรูทที่สามารถเดินไปที่ระฆังริมเขาได้นะ จุดนี้ก็เป็นอีกมุมที่สวยงามมากๆ
Credit:Chill Chill Trip
แต่จุดหมายของเราคือยอดเขาที่มีโดมสีขาวอันนี้ ที่นี่เป็นภูเขาสูงดังนั้นจึงมีสถานีที่เกี่ยวกับด้านพยากรณ์อากาศตั้งไว้ด้วย
Credit:Chill Chill Trip
วิวของเดือนกันยายน สวยงามแบบนี้แหล่ะ อากาศเย็นสบายไม่หนาวเลย แต่ก็ไม่ควรใส่แขนสั้นมานะ เพราะบนเขาสูงอากาศมักเปลี่ยนแปลงเสมอ
Credit:Chill Chill Trip
ด้วยความสูงเกือบ 2000 เมตรจากระดับน้ำทะเล ได้เห็นความแตกต่างของบนเขาและพื้นที่ราบด้านล่างอย่างชัดเจน ของจริงสวยมากๆ เลยนะ อยากให้ทุกคนได้เห็นกับตา
Credit:Chill Chill Trip
วิวที่เราเห็นสุดลูกหูลูกตานี้เป็นรูทเดินเขาทั้งหมด อยากจะจินตนาการว่าถ้าได้เดินกลางทุ่งสวยๆแบบนี้ คงจะมีความสุขและประทับใจไม่น้อย
Credit:Chill Chill Trip
จุดนี้เป็นมุมที่อยากแนะนำให้มาที่สุดเพราะสามารถเอาอาหาร ขนมมาทานได้ และในช่วงฤดูร้อนตอนเช้า ที่นี่คือจุดชมและถ่ายภาพทะเลหมอกที่สวยมากๆแห่งหนึ่ง
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับมุมนี้ ถ้าอากาศดีและไม่มีเมฆเรามีโอกาสเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วยนะ มุมนี้ทำให้เราได้เห็นทัศนียภาพและความงดงามของจ.นากาโน่ชัดเจนมากขึ้น
Credit:Chill Chill Trip
จากด้านบนของภูเขา ซึ่งอยู่ห่างจากเชิงเขาประมาณ 80 นาทีเมื่อเราเดินผ่านทุ่งหญ้า เราจะได้ยินเสียงนกร้องจิ๊บๆ เสียงลม และเสียงน้ำไหล และเมื่อเรามองขึ้นไปบนฟ้า เราจะเห็นเมฆและท้องฟ้าสีฟ้าใกล้มากที่เหมือนเราเอื้อมถึงได้
Credit:Chill Chill Trip
เราก็ยังจะได้เห็นอนุสาวรีย์แปลกๆระหว่างทาง ให้ได้เป็นสีสันของการเดินทางและอมยิ้มเล็กๆได้นะ การเรียงก้อนหินถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตของนักเดินป่าเลยล่ะ
Credit:Chill Chill Trip
และเราก็ได้เห็นความอบอุ่นของครอบครัว เราชอบที่คนญี่ปุ่นนิยมเลี้ยงลูกให้ใกล้ชิดธรรมชาติที่สุดตั้งแต่วัยเล็กๆแบบนี้ เด็กเรียนรู้การเดินทางและจัดเตรียมของต่างๆด้วยตัวเอง นั่งทานที่ไหนก็ได้ กินอะไรก็ได้
Credit:Chill Chill Trip
แต่มุมนี้เป็นมุมที่เราชอบมากที่สุด และจริงๆคืออยากใช้เวลาตรงนี้เพื่อมองออกไปให้นานๆ สัมผัสความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ
Credit:Chill Chill Trip
บนยอดเขามีศาลเจ้า Kurumayama ซึ่งล้อมรอบด้วยเสา Onbashira 4 ต้น คล้าย Suwa Taisha ดังนั้นนักเดินทางจะมาขอพรและอธิษฐานเพื่อให้การเดินทางปลอดภัย *Onbashira คือเสาไม้สี่ต้นหรือเสาที่ตั้งอยู่ตามมุมทั้งสี่ของท้องถิ่นหรือศาลเจ้า
Credit:Chill Chill Trip
หลังจากเดินทางลงมาจากบ้านบนแล้ว ก็หิวกันมากๆเลย อาหารท้องถิ่นที่เราเลือกทานในวันนี้ก็คงคุ้นเคยกันดีเนอะ ข้าวหน้าหมูทอดแกงกะหรี่
Credit:Chill Chill Trip
แล้วเรายังเลือกทานราเมงด้วย สำหรับเมนูเบาๆ เพราะเดี๋ยวระหว่างเดินทางไปก็น่าจะจอดแวะทานไปเรื่อยๆ
Credit:Chill Chill Trip
แต่มาที่นากาโน่แล้วจะไม่ทานโซบะก็ดูยังไงอยู่นะ เพราะที่นี่เป็นแหล่งปลูกโซบะที่มากที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น ถ้าหันหน้าเข้าหาจุดขายตั๋วขึ้นเก้าอี้ลิฟต์ ร้านอยู่ฝั่งขวานะ ต้องเดินขึ้นไปชั้นสองจะมีร้านอาหาร
Credit:Chill Chill Trip
ภูเขาคุรุมะยามะ (Mount Kurumayama)
Website | shirakaba-lake |
แผนที่ | ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba) |
การเดินทาง | จากสถานี JR Chino นั่งรถบัสประจำทาง ประมาณ 60 นาทีที่มุ่งหน้าไปยัง Kurumayama Kogen ลงที่ยามาโกเก็น山高原 |
MobiHo
แล้วเราก็เดินทางต่อในเส้นทางวีนัสเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือความอิ่ม สบายและมีความสุข ระหว่างทางฟังเพลงเบาๆ กดถ่ายภาพไป ลมก็พัดเย็นๆ
Credit:Chill Chill Trip
เราว่าวิวของที่นี่สวยไปทุกด้านเลยนะ ไม่ว่าจะมองฝั่งซ้าย ฝั่งขวา ที่นี่ยังเป็นเส้นทางยอดนิยมของชาวบิ๊กไบค์ด้วย
Credit:Chill Chill Trip
ขนาดเราลงเขาแล้ว เรายังได้เห็นวิวที่สวยงดงามแบบนี้ไปตลอดทางด้วย ใครมีแผนที่การเดินทางในมือ ซึ่งสามารถดาวน์โหลดจากเว็บไซต์ทั่วไป ก็ยิ่งช่วยให้การเดินทางสะดวก สนุกขึ้นเยอะเลย
Credit:Chill Chill Trip
รถคันใหญ่ 8 ที่นั่งก็สามารถขับบนเส้นทางนี้ได้นะ ถนนอาจจะคดเคี้ยวแบบนี้แต่รับรองว่าไม่อันตรายหากขับด้วยความระมัดระวัง และไม่เร็วเกินไป
Credit:Chill Chill Trip
และแล้วเราก็เดินทางมาถึงจุดหมายปลายทางสำหรับคืนนี้แล้ว ลานจดรถกว้างมาก แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน ที่นี่คือ Utsukushigahara Open Air Museum อาคารหลังคาสีส้มด้านในมีทั้งร้านขายของฝาก ห้องน้ำ ร้านอาหารและจุดซื้อตั๋วเพื่อเข้าพิพิธภัณฑ์
Credit:Chill Chill Trip
สิ่งพิเศษของทริปนี้คือ เราจะมาพักกันที่รถแคมป์ปิ้ง! เป็นรถที่นอนได้ 3 คนเต็มที่และตัวไม่ใหญ่มากนะ ใครมากับเด็กอาจจะนอนได้ 4 คนเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ปลีกวิเวก นอนในพื้นที่ส่วนตัว ซึ่งเราชอบมากๆ แถมค่าเช่าต่อคืนก็ยังถูก เฉลี่ยแล้ว 4 คนตกคนละ 2 พันเยนเท่านั้นเอง
Credit:Chill Chill Trip
วิธีการจองรถแคมป์ปิ้งของ MobiHo คือเค้าจะวางรถนอนคันนี้เอาไว้ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆที่มีชื่อเสียง เช่น ในป่า ริมทะเล ในเมือง หรืออื่นๆ โดยใช้ระบบเหมือน Airbnb คือไขกุญแจเอง แค่ต้องได้รับรหัสจากเค้าก่อน แล้วสามารถติดต่อได้ตลอดเวลาเมื่อมีปัญหา สำหรับโซนนี้นอกจากคันของเราแล้ว เรายังเห็นอีกคันอยู่ภายในพิพิธภัณฑ์ด้านบนด้วย
Credit:Chill Chill Trip
จุดจอดรถของเรานี้ คือทำเลดีมากๆ จริงๆด้านหน้าของเราคือจะต้องเห็นทะเลหมอกในตอนเช้านะ เป็นจุดชมทะเลหมอกที่ดังมากๆในนากาโน่ แต่ตอนนี้คือหมอกเยอะมาก จนไม่เห็นอะไร ฮา
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในของรถจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกเตรียมเอาไว้ให้ เช่น ตู้เย็นเปล่า ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม หมอน กาต้มน้ำ ที่เสียบปลั๊กไฟ ยาสามัญประจำบ้าน เช่น ยารักษาแผลสด น้ำเปล่าขนาด 2 ลิตร 1 ขวด ทิชชู่เปียกแบบแอลกอฮอล์ และทิชชู่กล่อง
Credit:Chill Chill Trip
มีเครื่องปรับอากาศ ที่สามารถเปิดเป็นแบบฮีทเตอร์ได้ยามหน้าหนาว ชั้นวางของที่ค่อนข้างมีเยอะพอสมควร
Credit:Chill Chill Trip
เตียงสองชั้นสำหรับนอนได้ที่ละ 1 คนเท่านั้น คนที่มีความสูงเกิน 175 อาจจะนอนไม่สะดวกสำหรับเตียงนี้ ผ้าห่มนุ่มมาก ตอนเช้าตื่นมาเปิดม่านรับแสงได้
Credit:Chill Chill Trip
มีมุมสำหรับล้างหน้า แต่ตัวนี้ไม่ได้ให้บริการนะ ดังนั้นเวลาแปรงฟันต้องไปทำข้างนอก มีชั้นวางรองเท้า แต่ถ้าอากาศหนาวอาจจะชื้นมาก ดังนั้นอย่าวางของใกล้กับประตูเล็กๆนี่นะ เดี๋ยวเปียก อย่าลืมว่าห้ามถอดรองเท้าวางไว้ข้างนอกตลอดคืน เพราะที่นี่น้ำค้างเยอะมาก
Credit:Chill Chill Trip
คำอธิบายการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆภายในรถแคมป์ปิ้ง แม้จะเป็นภาษาญี่ปุ่นก็อาจจะเดาความหมายได้นะ หรือหากไม่มั่นใจสามารถใช้แอพแปลภาษาแบบถ่ายภาพได้ เค้าก็จะสอนวิธีการจัดเตียงเรียงเบาะเพื่อนอนได้
Credit:Chill Chill Trip
ชอบในความใส่ใจ คือมียาสำหรับปฐมพยาบาลด้วยนะ รับรองว่ามาพักแล้วก็ปลอดภัยสบายใจได้
Credit:Chill Chill Trip
จริงๆมีเตาแก๊สด้วยนะ เราว่าเค้าน่าจะให้เราลองพักเผื่อว่าจะชอบการพักและเที่ยวแบบนี้ ก็จะมีขายต่างหากแต่สำหรับแก๊สนี้ ไม่สามารถใช้ได้นะ
Credit:Chill Chill Trip
อุปกรณ์ที่เตรียมไว้สำหรับการเก็บกวาดทำความสะอาดก็มีให้ด้วย แต่ข้อดีคือเค้าบอกว่าเราไม่ต้องทำความสะอาดก่อนเช็คเอาท์ก็ได้
Credit:Chill Chill Trip
วิวมองจากด้านในมีความสดชื่นมากจริงๆ อยากตื่นมาตอนเช้าเปิดประตูออกไปแล้วเจอแบบนี้ทุกเช้าเลย
Credit:Chill Chill Trip
ไปนั่งให้ดูว่าขนาดของเตียงเป็นแบบไหน แต่เราชอบนอนเตียงตรงริมหน้าต่างที่เป็นโต๊ะกินข้าว
Credit:Chill Chill Trip
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอุสึกุชิ-กะ-ฮาระ (Utsukushi-ga-hara)
จากนั้นเราก็เดินไปซื้อตั๋วเข้าพิพิธภัณฑ์กัน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่มากบนระดับความสูง 2,000 เมตร
Credit:Chill Chill Trip
ตั๋วค่าเข้าก็ราคา ¥1000 แต่ถือว่าคุ้มมากๆเพราะด้านในมีวิวที่สวยงามมากๆ ใครอยากมาเที่ยวก็ต้องกะเวลาดีๆนะเพราะเค้าเปิดแค่ช่วงปลายเมษายน-กลางพฤศจิกายนเท่านั้น หน้าหนาวหิมะจะตกเยอะมาก การเดินทางจะไม่สะดวกแล้ว
Credit:Chill Chill Trip
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอุสึกุชิ-กะ-ฮาระ (Utsukushi-ga-hara) ก่อตั้งขึ้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2524 เป็นพิพิธภัณฑ์ในเครือของพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่ และเหมือนกับพิพิธภัณฑ์กลางแจ้งฮาโกเน่
Credit:Chill Chill Trip
เป็นการผสมผสานศิลปะและธรรมชาติเข้าด้วยกัน พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอุสึกุชิ-กะ-ฮาระ (Utsukushi-ga-hara) มีทิวทัศน์มุมกว้างของภูเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะโดยรอบของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
Credit:Chill Chill Trip
พิพิธภัณฑ์ประติมากรรมกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่จัดแสดงประติมากรรมร่วมสมัยประมาณ 2,000 ชิ้นจากญี่ปุ่นและต่างประเทศ
Credit:Chill Chill Trip
ที่แห่งนี้ตั้งอยู่บนทุ่งหญ้าที่มีพื้นที่ 130,000 ตารางเมตร (1,400,000 ตารางฟุต) อาคารประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ศิลปะภาพ พิพิธภัณฑ์แสง และพิพิธภัณฑ์เด็ก
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในที่เป็นสถานที่เล่นสำหรับเด็กๆ รับรองว่าต้องสนุกแบบไม่อยากกลับบ้านเลย
Credit:Chill Chill Trip
มีแม้กระทั่งประติมากรรมที่เคลื่อนไหวไปตามลมหรือสะท้อนแสงและทิวทัศน์โดยรอบ
Credit:Chill Chill Trip
ประติมากรรมทั้งหมดแสดงอารมณ์ที่แตกต่างกันไปตามการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ เวลา และฤดูกาล
Credit:Chill Chill Trip
ศิลปะบางชิ้นก็สร้างได้ใหญ่มากๆ เวลาที่เราเห็นในภาพถ่ายต่างๆ แม้จะมุมเดียวกันแต่ถ้าสภาพอากาศไม่เหมือนกัน ภาพที่ถ่ายได้ก็จะคนละอารมณ์เลย
Credit:Chill Chill Trip
ศิลปะชิ้นนี้ดังมาก โดย Alexander Liberman ชื่อผลงานว่า “Iliad Japan” มาแล้วก็ไม่ควรพลาดที่จะถ่ายรูปด้วยนะ
Credit:Chill Chill Trip
เราจะได้ความเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ 360 องศาอันงดงามและพืชพันธุ์บนเทือกเขาแอลป์หลากสีสันที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปลายฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง
Credit:Chill Chill Trip
แล้วเราก็เดินมาถึงโซนที่เป็นปราสาท ซึ่งด้านในเป็นการจัดแสดงรูปปั้น และเราสามารถขึ้นไปชมวิวได้
Credit:Chill Chill Trip
รูปปั้นวีนัส บางทีเราก็อาจจะโชคดีที่เห็นรูปปั้นเหมือนของจริงมากๆ แบบใกล้ชิด
Credit:Chill Chill Trip
ด้านบนเป็นจุดชมวิวมุมสูง แบบพาโนรามา ซึ่งมีหลากหลายต่างระดับหากอากาศดีๆ วิวคงสวยมาก
Credit:Chill Chill Trip
มุมนี้ชอบที่สุดเพราะได้เห็นฝูงสัตว์อยู่ในโซนนี้มีทั้งม้าลาย แรดและกระทิง ตัวใหญ่มากๆ เราใช้เวลาเดินเล่นที่นี่ราว 1 ชั่วโมง
Credit:Chill Chill Trip
จากนั้นเราก็เดินกลับมาที่จุดขายตั๋ว ซึ่งด้านล่างมีสินค้าที่ระลึกมากมาย ทั้งของกินและของใช้ แนะนำเลยว่าให้ลองซื้อชิม เพราะอร่อยทั้งนั้น
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับมื้อค่ำของเรา ทานง่ายๆ โดยเราเอาหม้อหุงข้าวติดตัวมาด้วย ฮา แล้วก็ไก่ทอดที่ได้มาจากร้านสะดวกซื้อ ส่วนตะเกียงนั้นมาจากของที่อยู่ในรถอยู่แล้ว การได้ทานอาหารค่ำท่ามกลางแสงตะเกียงนี่ก็โรแมนติกเหมือนกันนะ
Credit:Chill Chill Trip
หลังจากทานอาหารค่ำแล้ว เราก็ได้เวลามาต่อเตียงเพื่อนอนคืนนี้แล้วสินะ มาลุ้นกันว่าเราจะทำภารกิจนี้สำเร็จไหม
Credit:Chill Chill Trip
เวลาล่วงเลยผ่านไปจนถึงเช้า ฮา หมอกลงหนามากๆ นักท่องเที่ยวเลยไม่มากันเลย เพราะจริงๆจุดนี้คือคนมาชมทะเลหมอกกันเยอะมาก
Credit:Chill Chill Trip
ตื่นแต่เช้า อารมณ์ก็ดีสุดๆ เมื่อคืนนอนหลับสบายมากเลย เตียงมุมนี้คือดีมากๆ เปิดผ้าม่านไปแล้วเห็นวิวสวยๆเลย
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับอาหารเช้าของเราวันนี้ เริ่มต้นด้วยกาแฟหอมกรุ่นจากจ.ฟุกุชิมะ ชื่อ Fukushima Yell Blend รสเข้มข้น
Credit:Chill Chill Trip
ก่อนเดินทางออกจากที่พัก แล้วเช็คเอาท์โดยการโทรไปแจ้งกับบริษัทรถแคมป์ปิ้งเท่านั้น ส่วนของที่ระลึกที่เราได้รับมาจากการพักที่นี่คือ หนังสือรวมภาพงานศิลปะจากพิพิธภัณฑ์ Utsukushigahara Open-Air Museum
Credit:Chill Chill Trip
พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอุสึกุชิ-กะ-ฮาระ (Utsukushi-ga-hara)
Website | พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอุสึกุชิ-กะ-ฮาระ (Utsukushi-ga-hara) |
Website | จองรถMobiHo |
แผนที่ | MobiHo |
การเดินทาง | จากสถานี Ueda โดยรถไฟสาย JR Shinano นั่งแท็กซี่ประมาณ 70 นาที |
หมู่บ้านโบราณ อุนโนะจุกุ (Unno juku)
สถานที่อีกแห่งที่เราไม่แวะไม่ได้เมื่อมาที่นี่ก็คืออุนโนะจุกุ หรือ Unno juku post town (海野宿) แต่เราต้องแวะที่ ศาลเจ้าชิราโทริ (Shiratori Shrine) ศาลเจ้าหลักแห่งนี้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2334 และห้องสักการะสร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2334
Credit:Chill Chill Trip
ที่นี่ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรม เช่น โดโซจินและเสาโทริอิหินสองแห่งถูกทิ้งไว้ในบริเวณนี้ ต้นเซลโคว่า ซึ่งเป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ว่ากันว่ามีอายุมากกว่า 700 ปี
Credit:Chill Chill Trip
ศาลเจ้าจะจัดงานเทศกาลประจำปีซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 12 เมษายนของทุกปี และโนโบริขนาดใหญ่ 10 อัน (โนโบริ) วางเรียงรายบนทางหลวงเพื่ออุทิศ Urayasu no Mai โดยนักเต้นรำ ในช่วงปลายปี ชาวบ้าน (เด็กๆ) ในท้องถิ่นจะช่วยกันเปลี่ยนเชือกที่เสาโทริอิโดยใช้มือทำกัน
Credit:Chill Chill Trip
คำอธิษฐานมากมายจากการมาเสี่ยงเซียมซีขอพร และเมื่อไม่สมหวังหรือได้รับคำทำนายที่ไม่ค่อยดีก็จะฝากคำทำนายนั้นไว้ที่ศาลเจ้า
Credit:Chill Chill Trip
อุนโนะจุกุ-Unnojuku (海野宿)
เดินมากันที่เมืองอุนโนะจุกุ (海野宿)ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองโทมิในเขตนากาโนะตะวันออก ที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองที่คึกคักของ Hokkoku Kaido (ถนนสายเก่าสาธารณะในยุคเอโดะของญี่ปุ่น ระหว่างเอโดะถึงคานาซาว่า) สร้างขึ้นในปีค.ศ. 1625
Credit:Chill Chill Trip
ทางหลวง Hokkoku เป็นทางหลวงสายสำคัญที่เชื่อมระหว่างฝั่งทะเลญี่ปุ่นและฝั่งแปซิฟิก โดยเริ่มจาก Oiwake ถึง Komoro ผ่าน Unno และ Ueda เข้าสู่ Echigo จาก Zenkoji และถึง Naoetsu ประมาณ 140 กม.ในปี 1987 ได้มีการก่อตั้ง “สมาคมอนุรักษ์อุนโนะ-จูกุ” และได้รับเลือกให้เป็น “เขตอนุรักษ์สิ่งปลูกสร้างดั้งเดิมที่สำคัญ” โดยรัฐบาลแห่งชาติ
Credit:Chill Chill Trip
ถนนที่อุนโนะจุกุ Unno-juku มีความยาวประมาณ 650 เมตร และมีบ้านแบบดั้งเดิมจำนวนมากที่ยังคงมองเห็นทัศนียภาพของยุคเอโดะ ฝายชลประทานที่ไหลตรงกลางทางหลวงแห่งนี้ถูกทิ้งไว้ในตำแหน่งเดิมตั้งแต่สมัยเอโดะ และชาวบ้านเรียกว่า “แม่น้ำโอโมเตะซันโดะ” สะพานหินถูกสร้างขึ้นเหนือฝายชลประทาน และมีที่ล้างสำหรับบ้านแต่ละหลัง ในสมัยเอโดะ ม้าได้รับน้ำและนักเดินทางเอาไว้ล้างเท้า
Credit:Chill Chill Trip
มาชมฝาท่อของหมู่บ้านโบราณแห่งนี้บ้าง ดูไปแล้วก็สวยเหมือนกันเนอะ สร้างได้อย่างมีเอกลักษณ์และสวยดี
Credit:Chill Chill Trip
ที่เห็นเหมือนก้อนหินที่วางอยู่ด้านหน้าบ้านคือหินที่มีส่วนผสมของเกลือ สมัยก่อนเวลาที่ม้าสัญจรไปมาก็จะแวะมาเลียที่หินนี้ อาจจะเหมือนเกลือแร่ของคนเนอะ
Credit:Chill Chill Trip
แล้วเราก็แวะมาหยุดตรงที่หน้าร้านคาเฟ่แห่งนี้ ชื่อร้านมุกิ (麦) เป็นร้านเล็กๆในบรรยากาศสบายๆ เจ้าของร้านยิ้มแย้มและใจดีมาก สามารถถ่ายรูปในร้านได้
Credit:Chill Chill Trip
ภายในร้านมีงานหัตถกรรมที่เป็นของคนในท้องถิ่นตั้งเอาไว้ เช่น กระเป๋า หน้ากากผ้า ต่างหู เป็นต้น ในสมัยก่อนที่นี่เป็นเมืองเกษตรกรรมที่ผลิตไหมเป็นหลัก และในช่วงที่รุ่งเรืองของการเลี้ยงไหมในสมัยเมจิและไทโช มีการสร้างบ้านสองชั้นเพื่อเลี้ยงไหม
Credit:Chill Chill Trip
เราชอบดูงานฝีมือของคนในท้องถิ่นมากๆ ยิ่งเมื่อมีโอกาสเดินทางไปหลากหลายภูมิภาค ก็จะเห็นความแตกต่างของภูมิภาคนั้นๆชัดเจน
Credit:Chill Chill Trip
สำหรับเครื่องดื่มของที่นี่ มีวิธีการใช้อุปกรณ์ในการดื่มไม่เหมือนใคร โดยเค้านำต้นข้าวที่แห้งแล้วมาใช้ทำเป็นหลอดดูด
Credit:Chill Chill Trip
เราได้รับคำแนะนำ โดยการใช้กรรไกรตัดที่ปล้องออกทั้งสองด้าน เลือกขนาดของหลอดตามใจชอบ ซึ่งมันก็ใช้งานได้ดีเลยล่ะ ชอบๆ พักผ่อนสบายๆแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางกันต่อสินะ
Credit:Chill Chill Trip
หมู่บ้านโบราณ อุนโนะจุกุ (Unno juku)
Website | หมู่บ้านโบราณ อุนโนะจุกุ (Unno juku) |
แผนที่ | หมู่บ้านโบราณ อุนโนะจุกุ (Unno juku) |
การเดินทาง | จากสถานี Oya / สถานี Tanaka เดินราว 15 นาที |
Nobeyama Station
แล้วเราก็ขอแวะอีกสักที่แล้วกันก่อนที่จะเดินทางกลับเข้าโตเกียว ที่นี่คือสถานีรถไฟ JR ที่ตั้งอยู่สูงที่สุดในประเทศญี่ปุ่น คือสถานี Nobeyama-野辺山駅
Credit:Chill Chill Trip
โดยอยู่ที่ 1345.67 ม. เหนือระดับน้ำทะเล ปกติแล้วจากด้านหน้าสถานี เราจะเห็นยอดเขา Yatsugatake ที่เรียกว่า Mount Aka
Credit:Chill Chill Trip
ด้านในก็มีแค่เกทเข้าออกอันเดียว สามารถใช้บัตรเติมเงิน (IC Card)ได้ ถือว่าสะดวกมากๆ นักท่องเที่ยวหลายคนยอมนั่งรถไฟมาถึงที่นี่เพียงเพื่อซื้อตั๋วกระดาษไว้เป็นที่ระลึก
Credit:Chill Chill Trip
ด้านนอกสถานี หรือแม้แต่ห้องน้ำ ยังคงให้บรรยากาศแบบยุคโชวะ ที่เป็นช่วงสมัยคลาสสิกของญี่ปุ่น เราหยุดถ่ายภาพที่นี่เป็นจุดสุดท้ายก่อนขับยาวขึ้นทางด่วนกลับโตเกียว นับว่า 2 วัน 1 คืนนี้เป็นประสบการณ์ที่มากเกินคำบรรยายจริงๆ มีโอกาสเดินทางแบบนี้ ต้องลองสักครั้งนะ
Credit:Chill Chill Trip
Nobeyama Station
แผนที่ | Nobeyama Station |
ติดตามข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมที่
ChillChillTrip | |
IG | ChillChillTrip |
YouTube | ChillChillTrip |
Clubhouse | ChillChillTrip |
รีวิวนิยม
- 1 คลองหลวงคาเฟ่ ปทุมธานี ความสุขเล็กๆ กับอาหารรสดี นั่งทานข้าวในซุ้มไม้ไผ่ พร้อมชมเหล่าปลาคาร์ปว่ายน้ำไปมา
- 2 ล่องเรือเที่ยววัดปากน้ำภาษีเจริญ ชมวิถีชีวิตริมฝั่งคลองท่าต้นสายของเรือคลองภาษีเจริญ แม่น้ำสายสำคัญของกรุงเทพมหานคร
- 3 Hie shrine ศาลเจ้าฮิเอะ ขอพรเรื่องธุรกิจเจริญรุ่งเรือง สมหวังเรื่องความรัก ในโตเกียว Tokyo
- 4 จุดชมดอกซากุระอาตามิ Atami Sakura เทศกาลชมดอกซากุระพันธุ์อาตามิ ที่เมืองอาตามิ Atami
- 5 เที่ยวกาญจนบุรี 1 Day Trip 6 จุดเช็คอิน เที่ยววันหยุดได้ ไม่ไกลกรุงเทพ