
คามิโคจิ (kamikocji) เดิน Japan ALPS รูทเดินเจแปนแอลป์ตอนเหนือ จ.นางาโนะ(Nagano) 3 วัน 2 คืน เส้นทางในดวงใจของนักปีนเขา วิวสวยปังที่สายลุยต้องไปสักครั้ง!
เริ่มทริปเส้นทางจากคามิโคจิ (Kamikochi) เดินเข้าป่าชมธรรมชาติและวิวเทือกเขาอลังการกับเส้นทางเดินเทือกเขาแอลป์ สวยจนไม่อยากกลับบ้าน
เดิน Japan ALPS รูทเดินเจแปนแอลป์ตอนเหนือ
คามิโคจิ (Kamikochi) อาจจะเป็นจุดมุ่งหมายในฝันของนักเดินทางหลายๆคน พวกเราก็เช่นกัน แต่คราวนี้ เราเลือกที่จะเริ่มต้นทริปที่คามิโคจิเพื่อขึ้นเขาไปยังเทือกเขาแอลป์ตอนเหนือ

Credit:Chill Chill Trip
เราจองรถไนท์บัส เดินทางจากสถานีรถบัสชินจูกุ (Shinjuku Bus Terminal) ซึ่งที่นี่คือแหล่งรวมเส้นทางรถบัสต่างๆทั่วประเทศญี่ปุ่นไว้เลยนะ สะดวกมากๆ

Credit:Chill Chill Trip
แนะนำเพื่อนๆมาถึงที่นี่ให้เร็วก่อนเดินทางสักหนึ่งถึงสองชั่วโมง เพื่อได้มาดูตารางขึ้นรถ ประตูที่ต้องไปยืนรอ โดยเค้ามีบอกไว้อย่างละเอียดภายในสถานี

Credit:Chill Chill Trip
เมื่อใกล้ถึงเวลาที่ระบุในรถ ซึ่งเป็นเวลาที่รถออก เราต้องเดินไปยังจุดขึ้นรถบัสก่อน ห้านาที เพื่อให้พนักงานโหลดกระเป๋า สัมภาระให้ แล้วนั่งตามหมายเลขที่ระบุ

Credit:Chill Chill Trip
รถที่เราจอง เขียนข้างๆรถบัสอย่างชัดเจนว่า คามิโคจิ นั่งยาวไปได้เลย คนขับรถสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้อย่างดี

Credit:Chill Chill Trip
ภายในรถมีทั้งแบบเบาะเรียงกันแถวละสามที่นั่ง และแบบสี่ที่นั่ง ในราคาที่แตกต่างกันออกไป เราเลือกแบบสี่ที่นั่ง นั่งฝั่งละสองคน ได้ในราคาคนละราว 12000 เยน รถจอดพักสองครั้งที่จุดพักรถ ครั้งละราว 15 นาที ลงไปเข้าห้องน้ำและรีบขึ้นมาได้ ก็ทันอยู่นะ

Credit:Chill Chill Trip
รถบัสมาถึงที่นี่ราว 5.30 น. แม้จะเป็นช่วงเดือนกันยายนแต่ก็ยังมีความมืดอยู่นะและอากาศก็ค่อนข้างเย็นๆ

Credit:Chill Chill Trip
คามิโคจิเป็นที่ราบสูงยาวประมาณ 15 กิโลเมตรในหุบเขาแม่น้ำอาซูสะ ซึ่งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 1,500 เมตร ล้อมรอบด้วยภูเขาสูง รวมถึง Nishihotakadake (2909 ม.), Okuhotakadake (3190 ม.), Maehotakadake (3090 ม.) และภูเขาไฟ Yakedake ที่ยังคุกรุ่น (2455 ม.) คามิโคจิเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติชูบุ ซังกากุ

Credit:Chill Chill Trip
ด้วยความที่เป็นเทือกเขายาวมากๆ การเดินเขาที่นี่จึงจำเป็นต้องลงทะเบียนเอาไว้ว่าเราจะไปรูทไหนบ้าง พักที่ไหนและรายละเอียดที่จำเป็น เพื่อความปลอดภัยของเราเอง

Credit:Chill Chill Trip
สำหรับประเทศญี่ปุ่น นักเดินเขาทุกคนจะเขียนใบนี้เสมอ ปกติเขาจะวางไว้ตามจุดขึ้นเขา เพราะบางคนก็เดินคนเดียว บางคนก็มาแค่สองคน การแจ้งเส้นทางแก่เจ้าหน้าที่จึงสำคัญมากๆ

Credit:Chill Chill Trip
เราก็เริ่มเขียนรายละเอียดกันเลย ณ จุดนี้คืออากาศก็หนาว ฝนก็ตก แต่ทุกคนก็ตั้งใจมาเดินกันเต็มที่ ด้านบนเขาใช้เฉพาะเงินสด ดังนั้นเตรียมเงินสดทั้งค่าที่พัก(ที่พักจะรับจองแต่ชำระตอนเข้าพัก) ค่าอาหารและที่จำเป็นมาให้พอนะ

Credit:Chill Chill Trip
ก่อนเดินทาง ร้านอาหารชั้นสองของสถานี Kamikochi เปิดบริการแต่เช้า เราก็เลยสั่งข้าวมากันคนละเซ็ทเลย

Credit:Chill Chill Trip
ในจุดที่เพื่อนๆเห็นคนเสื้อสีฟ้าสองคนยืนอยู่ ตรงนั้นคือเส้นทางที่เรากำลังจะเดินไปสำหรับรูทเดินเขาในรอบนี้

Credit:Chill Chill Trip
ใจกลางคามิโคจิ เดินไม่ไกลจากสถานีขนส่ง มีคัปปะบาชิ (สะพานคัปปะ) จากคัปปะบาชิ เส้นทางเดินป่าจะพาขึ้นลงหุบเขาและไปสู่ยอดเขาที่อยู่รอบๆ เส้นทางนี้ก็พาเราไปถึงสะพานคัปปะเลยนะ

Credit:Chill Chill Trip
ด้วยที่นี่เป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ หมีจึงออกมาทักทายมนุษย์ทุกๆปี และหลายๆครั้งก็อาจมีการทำร้ายนักท่องเที่ยว หากมาคามิโคจิและต้องเข้าป่า ให้นึกเสมอว่ามีโอกาสจะเจอได้

Credit:Chill Chill Trip
หากเพื่อนๆมีเต็นท์ แม้จะชอบการแคมป์ปิ้งแต่ก็ไม่ได้อยากลำบากเดินขึ้นเขาหรือไกลมาก ก็สามารถเช่าพื้นที่กางเต็นท์ได้

Credit:Chill Chill Trip
มุมยอดนิยมตรงนี้ เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวชอบเดินมาถ่ายรูปกันด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip
คามิโคจิ คือจุดเริ่มต้นของการเดินขึ้นเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น แม้ว่าเส้นทางจะดูไม่ซับซ้อนมาก แต่ด้วยภูมิประเทศแถบนี้ ก็จะมีทั้งพื้นดิน พื้นหิน รวมไปถึงรากไม้มากมาย เตรียมรองเท้ามาดีๆนะ

Credit:Chill Chill Trip
เราเดินเท้าจากช่วงสะพานคัปปะมาเรื่อยๆ เพื่อเข้าสู่ที่พักคืนนี้ของเรา แต่เราจะผ่านจุดพักผ่อนเป็นระยะ ที่นี่มีห้องน้ำ ร้านอาหาร และร้านขายของ

Credit:Chill Chill Trip
เดินเรื่อยๆ แวะเข้าห้องน้ำบ้าง พักถ่ายรูปบ้างก็จะมาถึงจุดพักแรมคืนแรกของเราที่เราได้โทรจองไว้ ที่นี่สวยมากๆเลยล่ะ ที่นี่เรียกว่า Tokusawa-En

Credit:Chill Chill Trip
เราฝากสัมภาระที่หนักๆและไม่จำเป็นไว้กับพนักงาน และเลือกออกมาเดินเล่น ถ่ายรูปกันต่อเนื่องจากยังมีเวลาว่างก่อนจะถึงเวลาอาหารค่ำ

Credit:Chill Chill Trip
คามิโคจิ พัฒนาปรับปรุงเส้นทางเดินป่าตลอดเวลา ดังนั้นในแต่ละปี อาจเกิดเส้นทางใหม่ๆได้เสมอ แต่ถึงอย่างไรก็สวยมากๆ

Credit:Chill Chill Trip
เราเดินต่อมาที่ Yokoo Sanso ที่นี่ก็เป็นอีกจุดพักแรมที่ขยับใกล้เส้นทางขึ้นเขามาอีก แต่ด้วยเพราะการขึ้นเขาแอลป์มีหลายเส้นทางมากๆ เฉพาะแอลป์ตอนเหนือ ก็มากกว่า 5 รูทแล้ว ยังไม่นับรวมแอลป์ตอนใต้อีก เส้นทางของเรากับนักเดินเขาคนอื่นจึงอาจมาเทียบกันไม่ได้

Credit:Chill Chill Trip
สะพาน Yoko’o Ohashi ที่จะพาเราแยกข้ามไปสู่โซนคาราซาวะ (Karasawa Hut) สามารถเดินต่อไปที่นี่ได้เลย ใครที่แพลนจะมาพักคืนนี้ที่คาราซาวะ เตรียมเสบียงระหว่างทางมาให้พร้อมนะ

Credit:Chill Chill Trip
ที่พัก Tokusawa-En ค่อนข้างยอดนิยมสำหรับนักเดินเขามากๆ ด้านในสะอาดและมีห้องน้ำทุกชั้น แต่ห้องอาบน้ำคือ อาบรวมกันในบ่อออนเซ็น

Credit:Chill Chill Trip
ที่พักของเราคืนนี้ เรามาสองคนก็ได้แนวแคปซูล มีชื่อห้องว่า Karamatsu ด้านในมีเป็นช่องๆนอนสองชั้น ต้องเตรียมชุดนอนและผ้าเช็ดตัวมาเอง

Credit:Chill Chill Trip
ที่พักมีอุปกรณ์ให้เราดังนี้คือ แปรงสีฟันและยาสีฟัน ผ้าขนหนูผืนเล็กและถุงใบเล็กๆ แต่ก็พอสำหรับเช็ดตัวนะ สามารถเอากลับบ้านได้เลย

Credit:Chill Chill Trip
มุมมองจากในห้องน้อยๆของเรา มีฟูกอุ่นๆ นอนได้สองคนพอดีๆเลย ด้านในนี้มีที่ที่เสียบปลั๊กได้ เปิดไฟได้ แต่ไม่มี Free WiFi ในโซนนี้ ถ้าจะใช้ก็ต้องไปนั่งที่โซนร้านอาหารด้านล่าง

Credit:Chill Chill Trip
ซอฟต์ครีมและกาแฟที่โปะด้วยซอฟต์ครีม อร่อยมากๆเลยล่ะ ในราคาไม่เกิน 500 เยน รับเฉพาะเงินสด อร่อยชื่นใจมากๆเลย

Credit:Chill Chill Trip
และแล้วเราก็ได้เวลาอาหารค่ำ มีที่นั่งเรียบร้อยโดยพนักงานจะเป็นคนพาไป อาหารทุกมื้อเราต้องจองนะ ถึงจะได้กิน อร่อยมาก เรากินหมดทุกจานเลย

Credit:Chill Chill Trip
ด้วยเพราะเราต้องออกเดินทางขึ้นเขาแต่เช้า เราเลยสั่งอาหารเช้าและอาหารเที่ยงไว้เรียบร้อย เพราะต้องถือขึ้นไปกินระหว่างทาง สำหรับอาหารใส่ห่อ เราจะรับได้ในคืนนั้นเลย

Credit:Chill Chill Trip
จุดขึ้นเขาสำหรับที่พักคืนที่สองนี้ ชื่อว่า Chogatake ทางไปรูทนี้สามารถขึ้นได้จากด้านข้างที่พักเลย ป้ายภาษาญี่ปุ่น เขียนว่า 蝶ヶ岳 เช็คสัมภาระเรียบร้อย ไม่ลืมอะไรนะ ก็เดินต่อเลยจ้า เราออกเดินทางเวลา 6:00 น.

Credit:Chill Chill Trip
ทางเดินช่วงไต่ขึ้นเขาเต็มไปด้วยรากไม้ ดิน บันไดไม้ ไม่มีวันสิ้นสุด เดินขึ้นไปพร้อมกับสั่นกระดิ่งไปด้วยนะทุกคน เพื่อไล่หมี (ถ้าใครไม่มี แนะนำซื้อตรงที่พักได้)

Credit:Chill Chill Trip
เพื่อนๆที่มาพร้อมสัมภาระแบบเรา ก็ไม่ต้องรีบมาก ค่อยๆเดินขึ้นเพื่อความปลอดภัย เนื่องจากไม่สามารถการันตีว่าสัญญาณเน็ตจะใช้ได้ตลอดเส้นทาง

Credit:Chill Chill Trip
การมีแผนที่แบบแผนภาพโดยไม่ใช้เน็ตจึงสำคัญมาก ว่าแล้วก็เดินไป

Credit:Chill Chill Trip
เดินไปสักสองชั่วโมงก็แวะกินอาหารเช้ากันสักหน่อย เราเลือกแบบแซนวิชหมูทอดทงคัตสึ ซึ่งแน่นอนว่ามาที่ป่าเขา อาหารเช้าก็จะเย็นๆหน่อย พยายามกินให้ได้มากที่สุด

Credit:Chill Chill Trip
เดินไปเรื่อยๆ จนมาถึง Pond of Fairly หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า 妖精ノ池(Yosei no Ike) เป็นบ่อน้ำที่อยู่บนยอดเขาที่สูงมาก จึงเป็นเรื่องสนุกๆของนักเดินทางที่จะมาชม

Credit:Chill Chill Trip
จากบ่อน้ำ เราเดินต่อมาตามทางเรื่อยๆ ก็จะเริ่มเดินง่ายขึ้นแล้วเพราะผ่านจุดยากมาเรียบร้อย วิวตรงนี้คือดีมาก เริ่มสดชื่นอย่างเห็นได้ชัด

Credit:Chill Chill Trip
จากจุดนี้ สามารถมองเห็นทิวแถวของเทือกเขาด้านหลังได้อย่างชัดเจน เราตั้งใจมาโซนนี้เพื่อได้เห็นสิ่งนี้แหล่ะ

Credit:Chill Chill Trip
ด้านบนนี้กับวิวนี้ บอกเลยว่าความเหนื่อยล้าที่ปีนขึ้นมาที่ระดับความสูงกว่า 2600 เมตรนั้น แทบไม่เหลืออยู่เลย มีแต่ความสนุก ความสุขและความประทับใจ

Credit:Chill Chill Trip
และเราก็โชคดีมากๆ ที่เลือกปีนในวันที่อากาศดีมากๆ เพราะก่อนหน้านี้หนึ่งวัน ฝนตกกระหน่ำสุดๆ จนใจจะท้อแล้ว เพราะเชื่อว่า ทุลักทุเลแน่นอน

Credit:Chill Chill Trip
ที่พักของเราคืนนี้ สีแดงสดสวยท่ามกลางธรรมชาติที่ฮีลใจสุดๆ เรามาถึงที่นี่ในเวลาเที่ยงกว่า กว่าจะยืนถ่ายรูปเสร็จก็ร่วมบ่ายโมง

Credit:Chill Chill Trip
เพื่อนร่วมเดินทางที่เราเจอตามทางที่ขึ้นมา ส่วนใหญ่ก็คือมาพักกันที่นี่ หลายคนเลือกแบกเต็นท์ภูเขาขึ้นมากันเอง ทำอาหารเอง จบทริปบางคนเลือกเดินไปเขาอื่นต่อ บางคนก็กลับลงด้านล่างเหมือนเรา

Credit:Chill Chill Trip
Chogatake เป็นหนึ่งในฮัทที่นักเดินเขาแอลป์ตอนเหนือเลือกมาพัก การจองต้องล่วงหน้ามากๆ สิ่งอำนวยความสะดวกคือ ที่นอน อาหารค่ำ อาหารเช้า เบนโตะเที่ยง น้ำดื่มต่างๆ น้ำร้อน ขนม ห้องน้ำ(แบบส้วมหลุม) ไม่มีที่อาบน้ำ

Credit:Chill Chill Trip
เมื่อเข้ามาด้านใน บรรยากาศจะคล้ายๆกับบ้านไม้หลังใหญ่ มีห้องนั่งเล่นพักผ่อน ด้านในชาร์จแบตได้แต่อยู่ในห้องรวม มีรองเท้าแตะให้เปลี่ยนใส่เดิน มีจุดตากผ้า มีจุดแปรงฟัน(งดใช้ยาสีฟัน โฟม หรือสบู่) เตรียมเงินสดมาใช้เท่านั้น

Credit:Chill Chill Trip
ทุกคนที่มาพัก ต้องกรอกรายละเอียดทั้งหมดในนี้ให้ครบ อาหารค่ำ อาหารเช้า อาหารเที่ยง จองไว้ล่วงหน้าได้เลย เมื่อกินอาหารค่ำเสร็จ ก็เดินมารับอาหารของมื้อถัดไปได้เลยในคืนนั้นสำหรับคนที่ไม่อยากนั่งกิน

Credit:Chill Chill Trip
บรรยากาศห้องพัก ที่ไม่ได้แยกโซนชายหญิง แต่เค้าพยายามจัดให้ดีที่สุด ช่องนึงจะนอนได้สองคน ถ้ามาเดี่ยวๆ ก็มีแค่ม่านกั้นเท่านั้น และต้องสามารถนอนกับคนแปลกหน้าได้นะ

Credit:Chill Chill Trip
แล้วเราก็ออกมาเดินเล่น สูดความสวยของธรรมชาติให้เต็มปอด วิวแบบนี้ เชื่อเลยว่า ต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหนถึงจะมายืนตรงนี้ได้ บอกตัวเองดังๆ เธอเก่งมากมิสซิสสร ความพยายามเป็นของหวาน

Credit:Chill Chill Trip
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับขึ้นเขา เราว่า ปลายกันยายนนี่คือไม่หนาวหรือร้อนเกินไปด้วยนะ

Credit:Chill Chill Trip
แต่ถ้าใครชอบใบไม้เปลี่ยนสีอาจจะต้องมาช่วงต้นเดือนตุลาคม รับรองว่า สวยประทับใจคุ้มค่าแก่ความเหนื่อย

Credit:Chill Chill Trip
เนื่องจากที่นี่เป็นเทือกเขาแอลป์ มีหลายยอดเขา ขณะที่เรามาจากฝั่งนึง อีกฝั่งก็มีคนเดินมาเหมือนกัน สำหรับที่นี่ เวลาหนึ่งอาทิตย์น่าจะช่วยให้เราเก็บรูทใหญ่ได้เต็มที่

Credit:Chill Chill Trip
ยอดแหลมเล็กๆที่เราเห็น ถือว่ามีชื่อเสียงค่อนข้างมาก เห็นแล้วต้องอย่าลืมเก็บภาพไว้นะ

Credit:Chill Chill Trip
ก่อนเวลาอาหารค่ำ 17:00 เราได้มีช่วงเวลาได้นั่งพักผ่อนก่อนเดินกลับไป ฟังเพลงไปด้วย มีความสุขจริงๆ

Credit:Chill Chill Trip
ช่วงเวลาที่เดินกลับที่พัก ใช้เวลาไม่นานมากเพราะไม่ใช่เน้นที่สูงมาก แต่กระนั้น แต่ละวันก็เดินกว่าหมื่นก้าวเลยนะ

Credit:Chill Chill Trip
แม้ว่าช่วงเช้าก่อนเที่ยง ที่นี่จะถ่ายรูปสวยเพราะไม่มีเงามาก แต่เราว่า ทุกช่วงเวลาคือความงดงามที่สุด

Credit:Chill Chill Trip
จบการพักผ่อน หลับสบายทั้งคืนแล้ว ตีห้าเราก็ตื่นกัน ซึ่งทุกคนก็ตื่นกันเวลานี้ เพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้น(ในภาพคือพระจันทร์)

Credit:Chill Chill Trip
อีกฝั่งก็มีผู้คนมายืนรอเก็บภาพอยู่ หนาวมากๆและลมค่อนข้างแรงด้วยนะ ใส่เสื้อผ้ามาดีๆ

Credit:Chill Chill Trip
และพอก่อนหกโมง ก็เห็นแสงเรืองๆสีส้มที่ขอบฟ้าอีกฝั่ง ใกล้ถึงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว คนพร้อม กล้องก็พร้อมจ้า

Credit:Chill Chill Trip
พอช่วงเวลาราวหกโมง แสงอาทิตย์ก็เริ่มส่องลงมาที่ยอดเขาอย่างสวยงาม ซึ่งปรากฏการณ์นี้ถือเป็นจุดไฮไลต์ของที่พักนี้เลย

Credit:Chill Chill Trip
พอแสงอาทิตย์เริ่มขึ้นมา ทุกๆที่ก็สว่างขึ้นมาแบบคนละอย่างกับเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนที่ทุกอย่างยังดูมืดๆ

Credit:Chill Chill Trip
เมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงสว่างเต็มที่แล้ว กลับกลายเป็นคนละสีกับแสงที่ตกกระทบบนยอดเขาเมื่อตะกี๊ ดังนั้น หากไม่อยากพลาดช่วเวลาดีๆ ตื่นตั้งแต่ตีห้ากันนะจ๊ะ

Credit:Chill Chill Trip
ทิวเขาเริ่มได้รับแสงแดดอ่อนๆยามเช้า ก็เริ่มให้เห็นความสวยงามของธรรมชาติทีละนิดๆ ปลายกันยายน ต้นไม้ก็เริ่มจะเปลี่ยนสีกันแล้วนะ

Credit:Chill Chill Trip
ราวหกโมงครึ่ง เราก็เริ่มเดินเท้าลงมาจากที่พัก เรากะไว้ว่าจะมาถึงจุดขึ้นรถบัสช่วงบ่ายให้ทัน เพราะเราซื้อตั๋วรถบัสขากลับชินจูกุไว้เวลา 16:00 น.

Credit:Chill Chill Trip
ขากลับเป็นทางค่อนข้างชัน เราก็ค่อยๆพยุงขาอันอ่อนล้าของเราลงมาจนถึงทางราบจนได้ ฮ่าๆ พอเห็นลำธารแล้วก็สบายใจได้ว่าเหลือระยะทางอีกไม่ไกล แต่ก็นะ แค่ทางราบก็ใช้เวลาอย่างต่ำสองชั่วโมงเลยนะ

Credit:Chill Chill Trip
เย้ๆ มาถึงจุดขึ้นรถบัสเรียบร้อยแล้ว เพื่อนๆที่ไม่แน่ใจว่ารถบัสจอดตรงไหน คันไหน เมื่อใกล้ถึงเวลาสัก 20 นาทีก็มาตรงแถวคนเยอะๆที่รอขึ้นบัสได้เลย เจ้าหน้าที่ดูแลดีมากๆ สอบถามได้

Credit:Chill Chill Trip
ขากลับเราเลือกรถบัสแบบนั่งสามเบาะ กว้างขวางและนอนสบายมากๆเลย ขากลับทำไมรู้สึกว่าใช้เวลาแป๊บเดียว ฮ่าๆ

Credit:Chill Chill Trip
ความพิเศษของเบาะแบบสามที่นั่ง คือสามารถปรับระดับเบาะนอนได้สบายสุดๆ มีที่วางเท้า ด้านซ้ายและขวา คนที่ลงเขามาอย่างเหนื่อยๆอย่างเรา ได้พักแบบนี้ก็สบายตัวมากๆค่ะ จบทริปแบบคุ้มค่าความเหนื่อยสุดๆ เราถึงชินจูกุราวสองทุ่มกว่าๆค่ะ

Credit:Chill Chill Trip
คลิกแผนที่
คลิกแผนที่
คลิกจองตั๋วในเว็บไซต์
พูดคุยสอบถามรายละเอียดวิธีการเดินทางหรือดูข้อมูลอัพเดทเพิ่มเติมได้ที่นี่
ChillChillTrip | |
IG | ChillChillTrip |
YouTube | ChillChillTrip |